fbpx

คุณกำลังฟังใครอยู่?

วันที่ 20 | พระธรรมประจำวัน

ปัญญาจารย์ว่า อนิจจัง อนิจจัง สารพัดก็อนิจจัง
นอกจากท่านเป็นคนมีปัญญาแล้ว ปัญญาจารย์ยังสอนความรู้ให้ประชาชนอีกด้วย เออ ท่านพิเคราะห์ ท่านค้นคว้า และท่านเรียบเรียงสุภาษิตไว้มากมาย 
10 ปัญญาจารย์เสาะหาถ้อยคำที่เพราะหู และท่านเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างเที่ยงตรง
11ถ้อยคำของคนมีปัญญาเปรียบเหมือนปฏัก และถ้อยคำที่ถูกรวบรวมไว้ก็ตรึงแน่นอย่างตะปู ถ้อยคำเหล่านี้เมษบาลคำนี้ในภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน แปลว่า ผู้เลี้ยงสัตว์ น่าจะหมายถึง ครูผู้สอนผู้หนึ่งมอบไว้ 
12 และยิ่งกว่านั้นอีก บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด ซึ่งจะทำหนังสือมากก็ไม่มีสิ้นสุด และเรียนมากก็เหนื่อยเนื้อหนัง
13 จบเรื่องแล้ว ได้ฟังกันทั้งสิ้นแล้ว จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง 
14 เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว

เพื่อนคนหนึ่งของฉันเคยถามว่า “ทำไมพวกคริสเตียนชอบยุ่งเรื่องของกันและกันจังเลย?” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเธอซึ่งเป็นคริสเตียน กำลังคิดว่าจะคบหากับใครคนนึง และนำเรื่องนี้ไปคุยกับคนในกลุ่มเซลล์เพื่อให้แน่ใจ หลังจากฟังคำแนะนำของเพื่อนในกลุ่ม เขาก็ตัดสินใจไม่คบกับผู้หญิงคนนั้น

เพื่อนคนนี้ของฉันตกใจมาก และถึงกับรู้สึกหงุดหงิดด้วยที่เพื่อนๆ ในกลุ่มเซลล์ไม่สนับสนุนการคบกันในครั้งนี้ ในมุมมองของเธอ ดูเหมือนว่าพวกคริสเตียนรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะบงการสิ่งที่คนอื่นควรทำ และเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมงานของเธอถึงยอมให้คนอื่นมาโน้มน้าวจิตใจจนล้มเลิกในสิ่งที่เขาต้องการทำได้

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจความคิดของเธอ เราส่วนมากคิดว่า เราเองคือผู้ที่มีสิทธิ์ขาดในชีวิตของเรา และรู้ว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่ประกันได้ว่า เราจะมีชีวิตที่ตัวเองพอใจมากที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “อย่าคิดว่าตนมีปัญญา” (สุภาษิต 3:7)

ปัญญาจารย์กล่าวย้ำในพระธรรมปัญญาจารย์ตลอดทั้งเล่มว่า ชีวิตคือ “เฮเบล” ซึ่งเป็นคำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “ควัน” หรือ “หมอก” เป็นสิ่งที่กำลังบอกเราว่า ชีวิตเป็นเหมือนหมอก ซึ่งยากที่จะจับต้องหรือทำความเข้าใจได้ และบางครั้ง “เมื่อเราติดอยู่ในความหนักอึ้งของชีวิต มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน เหมือนกับการติดอยู่ในหมอกหนา”1

คนที่เคยขับรถผ่านหมอกหนาจะรู้ว่า แสงไฟจากรถของเราอย่างเดียวมักไม่พอที่จะช่วยให้เราเห็นทางได้ชัดเจน ในทำนองเดียวกัน “แสงสว่าง” จากหัวใจของเราเองนั้น ก็ไม่เพียงพอที่จะพาเราผ่านพ้นความไม่แน่นอนและความซับซ้อนของชีวิตไปได้

ฉันได้เรียนรู้เรื่องนี้จากประสบการณ์ตรง เมื่อฉันเข้าไปในความสัมพันธ์ต่างๆ ที่ฉันเองก็รู้ว่ามันไม่ฉลาดเลย ด้วยความที่ฉันหน้ามืดตามัวไปด้วยตัณหาของเนื้อหนัง ความเจ็บปวดของบาดแผลจากวัยเด็ก และรูปแบบความคิดที่บ่อนทำลายตัวเอง ฉันจึงตัดสินใจทำสิ่งที่นำไปสู่ความเจ็บปวดที่บาดลึกในใจ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนปัญญาจารย์แนะนำให้เรา “ยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์” (ข้อ 13) แทนที่จะใช้ความฉลาดของเราในการดำเนินชีวิต

แม้การทำอะไรตามใจตัวเองจะทำให้ฉันเจ็บปวด แต่การกลับใจใหม่และเลือกเดินในทางของพระเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พระบัญชาของพระเจ้านั้นทะลุทะลวงเหมือนกับ “ปฏัก” (ไม้ปลายแหลมที่คนเลี้ยงแกะใช้ในการควบคุมฝูงแกะ) และ “ตรึงแน่นอย่างตะปู” (ข้อ 11) พระธรรมที่บอกให้ฉันละทิ้งบรรดารูปเคารพ (โคโลสี 3:5) และ “ละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่” เพื่อวิ่งแข่งเข้าเส้นชัยได้ง่ายขึ้น (ฮีบรู 12:1) นั้น ทิ่มแทงชีวิตของฉันในส่วนที่ตัวเองยังลังเลไม่ยอมสละการควบคุม การเลือกพระเจ้าหมายถึงการต้องสละผู้คนที่เป็นแหล่งความมั่นคงและความสบายใจในชีวิตของฉัน แม้ในขณะที่พวกเขากำลังพาฉันออกห่างจากพระเจ้าก็ตาม มันหมายถึงการมองไปยังอนาคตที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ซึ่งเป็นความเจ็บปวดที่ฉันรับไม่ไหว 

แต่พี่เลี้ยงของฉันชี้ให้ฉันเห็นด้วยปัญญาว่า แม้ว่าการเชื่อฟังพระเจ้าจะเจ็บปวดในตอนแรก ฉันก็ต้องเชื่อวางใจว่าพระเจ้าทรงประเสริฐ พระองค์คือแสงสว่างที่มาช่วยชีวิต พระบัญชาของพระองค์จะเคลื่อนฉันไปในเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิต และดึงหัวใจของฉันที่กระเจิดกระเจิงให้มาอยู่ในที่ที่ถูกต้อง ซึ่งเธอพูดถูก ความชื่นชมยินดีและสันติสุขที่มาจากพระบัญชาที่ประทานชีวิตของพระเจ้านั้น ยิ่งใหญ่กว่าความเจ็บปวดของการอยู่คนเดียวมากนัก 

ฉันหวังว่าสักวันหนึ่งเพื่อนของฉันจะเข้าใจว่า บางครั้งเราก็ต้องการคำแนะนำของผู้มีปัญญามาช่วยให้เราเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า เหมือนกับผู้เขียนปัญญาจารย์ที่ “พิเคราะห์และค้นคว้า” ในสิ่งที่ “เที่ยงตรงและเป็นจริง” (ข้อ 9-10) ให้เราเห็นคุณค่าคำแนะนำด้วยปัญญาที่ชี้นำเราไปสู่ความจริงแท้ที่ว่า มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยให้เราไม่หลงทางในหมอกควันแห่งชีวิตได้

– โดย เนลลี่ ลิม ประเทศสิงคโปร์

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ

1.  คุณขอคำแนะนำและข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจจากผู้มีสติปัญญาหรือไม่ เวลาที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ในชีวิต? ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

2. คุณเคยทำการตัดสินใจใดๆ ที่ขัดแย้งกับพระบัญชาของพระเจ้าไหม? ขอให้พระเจ้าทรงตรวจค้นจิตใจคุณ (สดุดี 139:23) และตรวจสอบแรงจูงใจของคุณ การตัดสินใจของคุณเป็นผลมาจากความวิตกกังวล การแตกสลายในชีวิต หรือมาจากความยำเกรงพระเจ้า?

ตอบสนองด้วยบทเพลง

เกี่ยวกับผู้เขียน

เนลลี่ชอบดูรายการทีวีคลาสสิกที่เอามาฉายใหม่ เธอเชื่อว่าเรื่องราวดีๆ ช่วยให้เราพบตัวเองในลักษณะที่เป็นจริงที่สุด และเชื่อว่าเธอคงหลงทาง ถ้าไม่มีเรื่องราวดีๆ  ที่มาจากพระเยซู ผู้ทรงเป็นนักเล่าเรื่องชั้นครู

ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This