fbpx
WRITER: Mustard Seed Team

เพราะหลายครั้งเราดูเหมือน“ไม่รู้สึกแต่จริงๆ แล้วเรากำลัง“หลบหลายครั้งเราหัวเราะออกไป แต่ข้างใน“ร้องไห้เงียบๆปฏิเสธความรู้สึก  โยนอารมณ์ให้คนอื่น ปลอมความรู้สึก หนีไปในโลกส่วนตัว บางครั้งเวลาเราเจ็บปวด เสียใจ หรือรู้สึกผิด สมองของเราจะหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เรารู้สึกแย่เกินไป วิธีนี้เรียกว่า Defense Mechanism (กลไกป้องกันทางจิตใจ) มันเกิดขึ้นอัตโนมัติ เหมือนเป็นเกราะที่ใจสร้างขึ้นเพื่อให้เราอยู่รอดในสถานการณ์ยากๆ เหมือนตอนดาวิดเคยทำผิดกับบัทเชบา และเลือกจะซ่อนและปิดบังความผิดด้วยวิธีต่างๆ (2 ซามูเอล 11) เขาวางแผนให้เอาอุรียาห์สามีของบัทเชบากลับบ้านเพื่อปกปิดเรื่องท้อง และเมื่อแผนไม่สำเร็จ เขาก็สั่งให้เอาอุรียาห์ไปอยู่แนวหน้าสงครามจนถูกฆ่า  นี่คือตัวอย่างของการใช้กลไกป้องกันที่อันตราย แทนที่จะเผชิญความจริง ดาวิดกลับพยายามปกปิดและโยนปัญหาออกไป แต่สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้บาปและความเจ็บปวดหนักขึ้น จนวันที่พระเจ้าส่งนาธันมาตักเตือน ดาวิดจึงยอมสารภาพและร้องต่อพระเจ้าว่าเพราะข้าพระองค์ทราบถึงการละเมิดของข้าพระองค์แล้ว และบาปของข้าพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพระองค์เสมอสดุดี 51:3 

Defense Mechanism คือ กลไกป้องกันตนเองทางจิตใจที่มนุษย์ทุกคนใช้  การใช้ Defense Mechanism ไม่ผิดที่จะใช้  ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้โดยไม่รู้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงอารมณ์ที่เจ็บปวด เช่น ความกลัว ความอับอาย ความโกรธ หรือความผิดหวัง มันช่วยให้เราไม่เครียดจนเกินไป ช่วยให้เราเอาตัวรอดทางใจ ในช่วงเวลายากๆ ได้  เหมือนยาพาราที่บรรเทาอาการปวด กลไกเหล่านี้ถูกใช้เพื่อเอาตัวรอดเกราะนี้ช่วยได้ในบางเวลา แต่ถ้าใช้บ่อยเกินไป  หรือใช้เพือหลีกหนีหรือปิดกั้นความรู้สึกตลอดเวลา  จะทำให้เราไม่กล้าเผชิญปัญหา ปัญหาก็ไม่ถูกแก้จริงๆ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็พังง่าย เพราะเราปิดบังความรู้สึกแท้จริง หรือโทษคนอื่นตลอด  และเราอาจไม่รู้จักตัวเองจริงๆ แต่คำถามคือเรากำลังเยียวยาหรือแค่ซ่อน 

กลไกการป้องกันตัว ช่วยได้แค่ตอนแรก แต่ไม่แก้ปัญหาลึกๆ การใช้กลไกการป้องกันตัว ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย  

กลไกการป้องกันตัวเองที่ใช้แล้วช่วยเป็นประโยชน์ 

การเปลี่ยนอารมณ์ลบไปเป็นสิ่งสร้างสรรค์ (Sublimation) ‘เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม’ เอเฟซัส 2:10 เช่น แทนที่จะระเบิดอารมณ์  เอาไปแต่งเพลง  เขียนบทความ  เล่นกีฬา  

ใช้อารมณ์ขันเพื่อรับมือกับเรื่องเครียด (Humor)ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจชอกช้ำทำให้กระดูกแห้งสุภาษิต 17:22 เช่น ล้อเลียนตัวเองแทนที่จะเศร้า 

เลือก “เก็บ” ความรู้สึกไว้ก่อน แต่ไม่ลืม (Suppression)มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ปัญญาจารย์ 3:1 เช่น ยังไม่ร้องไห้ตอนประชุม แต่จะร้องทีหลัง

ทำสิ่งดีเพื่อผู้อื่นเพื่อลดความเจ็บปวดของตน (Altruism)จงช่วยรับภาระของกันและกัน และด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์’ กาลาเทีย 6:2 เช่น เมื่อเสียคนรัก หันไปช่วยเหลือคนที่สูญเสียเหมือนกัน 

กลไกการป้องกันตัวเองที่ควรระวัง…

อารมณ์จากต้นเหตุไปยังสิ่งอื่นที่ปลอดภัยกว่า (Displacement)  เช่น โดนหัวหน้าดุ  กลับไปตะคอกใส่น้อง 

กดอารมณ์หรือความทรงจำไว้ในจิตใต้สำนึก (Repression) เช่น ลืมว่าตนเองเคยโดนทำร้ายในวัยเด็ก (โดยไม่รู้ตัว) 

แสดงออกตรงข้ามกับที่รู้สึกจริง (Reaction Formation) เช่น ชอบใครแต่ทำเป็นเกลียดเขา 

ใช้เหตุผล/ตรรกะกลบความรู้สึก (Intellectualization) เช่น แทนที่จะเศร้ากลับอธิบายแบบวิชาการเรื่องความตายแทน 

แก้ตัวให้ตัวเองดูดี (Rationalization) เช่น สอบตกแต่กลับบอกว่าก็ไม่ได้อยากเรียนสายนี้อยู่แล้ว 

ทำอะไรเพื่อชดเชยความรู้สึกผิด (Undoing) เช่น ด่าว่าเพื่อนเมื่อวานแต่ซื้อของให้วันนี้ 

กลไกการป้องกันตัวเองที่อาจบิดเบือนความจริง

ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์หรือพฤติกรรม 

ปฏิเสธความจริงที่เจ็บปวด (Denial) เช่น รู้ว่าคนรักนอกใจ แต่บอกตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก 

โยนความรู้สึกของตัวเองใส่คนอื่น (Projection) เช่น ตัวเองอิจฉา แต่บอกว่าเธออิจฉาเราแน่ ๆ เลย 

แสดงความโกรธแบบอ้อมๆ (Passive Aggression) เช่น ไม่พอใจเพื่อนแต่ทำเป็นลืมนัด หรือพูดจาเหน็บแนม 

แสดงอารมณ์รุนแรงโดยไม่คิด (Acting Out) เช่น โกรธแต่กลับไปทำลายของ ตะโกน วิ่งหนี 

ถอยกลับไปใช้พฤติกรรมแบบเด็ก (Regression) โกรธแต่เลือกไม่พูดกับใคร, ซุกตัวอยู่ในห้อง 

แปลงความเครียดเป็นอาการทางกาย (Somatization) เครียดร่างกายสะท้อนเป็นปวดหัว ปวดท้อง 

การรู้เท่าทันและยอมรับอารมณ์เป็นจุดเริ่มต้นของการรักษา  “การหนีจากความรู้สึกไม่ใช่คำตอบ และ พระเจ้าทรงเปิดทางให้เราซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเองได้ พระคัมภีร์ไม่เคยบอกให้เราแข็งแกร่งตลอดเวลาแต่บอกว่าความอ่อนแอของเรา คือที่ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าทำงาน(2 โครินธ์ 12:9)  พระเจ้าทรงรับฟัง พระเจ้าทรงช่วยให้เรารับผิดชอบใจตนเอง พระเจ้าทรงรักเราในแบบที่เราเป็น พระเจ้าไม่ละสายตาจากเรา 

การรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง คือ ความกล้าเปิดใจกับพระเจ้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการฟื้นฟูลองเขียนสิ่งที่เรารู้สึกจริง ๆ ต่อหน้าพระเจ้า  อธิษฐานโดยไม่ต้องใช้คำหรู  แต่ใช้ใจจริงอ่านสดุดี เช่น บทที่ 42, 139 เพื่อเรียนรู้ว่าความเจ็บไม่ใช่ความผิด 

ในวันที่เราปิดใจ พระเจ้ายังเปิดใจ พระองค์ไม่รังเกียจน้ำตา ไม่กลัวคำถาม และไม่ทิ้งเราในความว่างเปล่า 

ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น(1 ยอห์น 1:9) 

การสารภาพคือการวางเกราะลง และยอมให้พระเจ้ามาแตะต้องรักษาใจเรา แทนที่จะป้องกันตัวเองด้วยกลไกจิตใจ เราสามารถวางใจในพระเจ้า เปิดใจสารภาพ และให้พระองค์รักษา ในพระเจ้า เราสามารถรู้สึกได้อย่างปลอดภัย พระเจ้าทรงมองเห็นทุกบาดแผล และไม่ปล่อยให้เราหลอกตัวเอง พระเจ้าไม่ต้องการให้เราซ่อน แต่ให้เราซื่อสัตย์กับใจตนเอง 

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This