WRITER: คิม เช็ง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Team
EDITOR: Mustard Team
หมายเหตุ: ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน และได้แพร่ระบาดไปยังประเทศ อื่นๆ จนถึงปัจจุบันไวรัสดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 132 ราย และมีผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อกว่า 6,000 รายทั่วโลก
เวลาช่างผ่านไปช้าเหลือเกืนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
ผ่านมากว่า 8 วันแล้วตั้งแต่ที่สื่อได้รายงานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัส เมื่อฉันได้เห็นข่าวครั้งแรกในวันที่ 20 มกราคม ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะซีเรียสอะไร จริงๆ แล้วฉันได้นัดกับเพื่อนสองคนที่จะกลับมาจากยุโรปเพื่อมาเจอกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่วันนี้ฉันยกเลิกนัดทุกอย่างของฉัน และฉันก็เตรียมตัวที่จะไม่ออกไปไหนหรือเยี่ยมใครๆ ตลอดสองอาทิตย์ข้างหน้า
ไวรัสได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ แค่เพียงข้ามคืนก็มีการยืนยันว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ หน้ากากอนามัยขายหมดเกลี้ยง เมืองอู่ฮั่นกลายเป็นเมืองปิดตาย ร้านค้าเต็มไปด้วยความว่างเปล่า… ข่าวลือแพร่กระจายทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น การไถฟีดใน
โซเชียลมีเดีย มีข่าวใหม่ๆ ปรากฎขึ้นทุกวินาที ประกอบกับความไม่มั่นใจในตัวเลขต่างๆ ที่ถูกนำเสนอโดยนักวิเคราะห์มากมายว่า จริงๆ แล้วมีกี่คนกันแน่ที่ติดเชื้อไวรัส? มีกี่คนที่เสียชีวิต? ไม่มีใครสักคนที่แน่ใจ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันยังคงเห็นผู้คนเดินอยู่ตามท้องถนน แต่วันนี้ถนนกลับว่างเปล่าเหมือนกับเมืองร้าง เกือบทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว และแม้แต่ผู้สูงอายุก็เริ่มที่จะพูดคุยกันว่าไวรัสน่ากลัวแค่ไหน
พวกเราไม่รู้ว่าไวรัสโคโรน่าชนิดใหม่นี้อันตรายเพียงใด ผู้เชี่ยวชาญจากฮ่องกงบางคนได้คาดการณ์ว่า ไวรัสนี้อาจสร้างผลกระทบที่รุนแรงกว่า ซารส์ถึงสิบเท่า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวว่า การระบาดของโรคนี้น่ากลัวน้อยกว่ามาก ในขณะนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าต้นกำเนิดของไวรัสมาจากไหน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความจริงที่ว่าช่วงเวลาฟักตัวของไวรัสสามารถอยู่ได้นานถึง 14 วันและสามารถแพร่กระจายได้แม้ในช่วงระยะเวลาฟักตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เพิ่มความกลัวและความหวาดกลัว
สองวันที่แล้ว ฉันเห็นเพื่อนได้แชร์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในโรงพยาบาลที่เมืองอู่ฮั่น และฉันรู้สึกเศร้าใจมาก โรงพยาบาลนั้นเต็มไปด้วยคนป่วยที่พวกเขาไม่พร้อมจะดูแล หมอและพยาบาลไม่มีวิธีการป้องกันหรือหน้ากากที่เพียงพอ และพวกเขาไม่สามารถมีเวลาที่จะหยุดเพื่อทานข้าวได้เลย อาหารต่างๆ ก็เริ่มขาดแคลน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มีภาระงานมากมายและสามารถซื้ออาหารได้เพียงวันละมื้อ ซึ่งอาจเป็นเพียงแค่มาม่าหนึ่งถ้วย และเหล่าพยาบาลก็รู้สึกกดดันจนร้องไห้โฮออกมา
หัวใจของฉันรู้สึกเหมือนถูกฉีกออก ฉันไม่สามารถทนดูรายงานข่าวต่างๆ ทางทีวีได้อีกต่อไป
เราจะไม่รู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? และนอกเหนือจากการอธิษฐานแล้วฉันไม่สามารถคิดถึงอย่างอื่นได้เลย
วันนี้ช่วงเที่ยง ฉันได้รู้ข่าวว่าเพื่อนคริสเตียนสองคนที่ฉันรู้จักในเมืองอู่ฮั้นเริ่มมีไข้ และเป็นไปได้ที่เขาจะติดเชื้อไวรัส หัวใจฉันยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นอีก อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร? เหตุการณ์นี้จะกลายเป็นภัยพิบัติระดับโลกไหม? หรือยุคสุดท้ายกำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ? คำถามต่างๆ มากมายทำให้ฉันรู้สึกกังวลใจและหมดหนทาง
และตอนนี้สิ่งที่โลกไม่ต้องการคือความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง แต่สิ่งที่โลกต้องการมากที่สุดนั่นก็คือความหวัง ถ้าหัวใจของเรายึดติดกับความหวังเรื่องยารักษา ราวกับว่าเราจะมีความหวังก็ต่อเมื่อเราพบวิธีการควบคุมและรักษาการระบาดของโรคอันน่ากลัวนี้ได้ พวกเราในฐานะลูกของพระเจ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แห่งความสิ้นหวังเหมือนคนอื่นๆ อยู่รึเปล่า? ถ้าความหวังของเราอยู่ที่การรักษาที่จับต้องได้ ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเราจะไม่น่าสงสารมากกว่าผู้ไม่เชื่อหรือ? (โรม 8:24)
เมื่อพวกเราถูกรายล้อมด้วยความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง เราควรยึดพระเจ้าและถ้อยคำของพระองค์ให้แน่นยิ่งขึ้น พระองค์คือความหวังเดียวของเรา ขอให้ความจริงนี้หนุนใจเรา
พระเจ้ายังทรงครอบครอง
แม้ว่าสถานการณ์อาจดูน่าหวาดกลัว แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้คือ พระเจ้าของเรายังทรงครอบครองและควบคุม แม้ว่ามารต้องการที่จะลัก ฆ่า และทำลายชีวิต แต่พระเจ้าก็ยังทรงครอบครองอย่างสมบูรณ์ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากพระองค์ สิ่งต่างๆ จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาตแม้เส้นผมบนหัวของเราก็จะไม่สามารถตกถึงพื้นได้(ลูกา 12:6-7) เมื่อฉันยึดมั่นในความจริงนี้ ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น
พระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเรา
พระเจ้าทรงสัญญากับเราว่าพระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งเรา แม้เราจะอยู่ท่ามกลางการทดลองและความเจ็บป่วย พระองค์ก็ยังอยู่กับเราเสมอและพระองค์จะช่วยเราให้รอดจนถึงที่สุด(ยอห์น 6:37)
พระเจ้าทรงจัดเตรียมทางออก
นี่คือพระสัญญาของพระเจ้ากับเรา เมื่อเรารู้สึกหวาดกลัว และตื่นตระหนกกับข่าวที่เราได้เห็น ให้เราใคร่ครวญข้อพระธรรมนี้ซ้ำๆ พระเจ้าจะไม่ให้เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่สามารถทนได้ พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่ง และจะทรงจัดเตรียมทางออกเพื่อให้เราสามารถผ่านมันไปได้
เมื่อพวกเรายึดมั่นในความจริงนี้ ให้พวกเราอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายๆ โบสถ์จะยกเลิกการนมัสการเพื่อความปลอดภัย เรายังสามารถรวมตัวกับครอบครัวของเราและอธิษฐานด้วยกัน เมื่อฉันศึกษาพระธรรมลูกา 4:17-22 ในช่วงบ่าย ฉันได้มีโอกาสใคร่ครวญอีกครั้งว่าพระกิตติคุณนี้เกี่ยวกับอะไร
พระกิตติคุณที่พระเยซูประกาศนั้นเกี่ยวกับความรอดของจิตวิญญาณของเรา แต่ในฐานะคนบาปเรามีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับเนื้อหนัง ฉันรู้ว่าตั้งแต่ที่ข่าวการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ฉันได้ใจจดใจจ่อกับการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ของฉัน และกดรีเฟรชหน้าเว็บอย่างต่อเนื่องเพื่อรอข่าวอัพเดท แต่หลายๆ โพสต์ที่ฉันคิดว่าเป็นเรื่องจริง กลับกลายเป็นข่าวปลอม และไม่มีผลดีใดๆ นอกจากการเพิ่มความกลัวให้กับฉัน ทำไมฉันถึงไม่ใช้เวลาอธิษฐานมากขึ้นและใคร่ครวญพระคำของพระเจ้าแทนล่ะ?
สุดท้ายนี้ พวกเราควรอธิษฐานเผื่อสำหรับดวงวิญญาณในอู่ฮั่น และดวงวิญญาณที่หลงหายในประเทศจีน จริงอยู่ที่การค้นหาวิธีการรักษาเป็นเรื่องใหญ่ แต่มันแก้ได้เพียงแค่ความเจ็บปวดทางร่างกาย เราจึงควรที่จะอธิษฐานเผื่อและเป็นห่วงผู้คนที่ยังไม่ได้รู้จักความจริงของพระกิตติคุณ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับชีวิตและรอดพ้นจากความทุกข์ชั่วนิรันดร์
ขอพระเจ้าเสริมกำลังหัวใจของเรา เพื่อที่เราจะสามารถใช้เวลาในช่วงสองสามวันที่จะต้องอยู่แต่บ้านนั้นรู้จักพระองค์มากขึ้น เพื่ออธิษฐานเผื่อจิตวิญญาณของผู้คนในประเทศจีน พระเจ้ายังทรงครอบครอง พระสัญญาของพระองค์ไม่เคยล้มเหลว และน้ำพระทัยของพระองค์จะสำเร็จ
(เรา)ผู้ได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าทางความเชื่อให้เข้าในความรอด ซึ่งพร้อมจะปรากฏในวาระสุดท้าย(1 เปโตร 1:5)
YOU MAY ALSO LIKE
เมื่อเราเป็นคริสเตียนคนเดียวในกลุ่มเพื่อน
WRITER: MUSTARD SEED TEAM “ยัยแม่ชี” “หลวงพ่อมาแล้ว” ใครเคยโดนเพื่อนล้อแบบนี้บ้าง? ถ้าคุณเป็นคริสเตียนคนเดียวในกลุ่มเพื่อน ไม่ว่าจะที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือที่ทำงาน… คุณอาจคุ้นเคยกับชื่อเล่นเหล่านี้ เวลาคุณปฏิเสธที่จะทำบางอย่างที่คนอื่นทำกันเป็นเรื่องปกติ ...
“ไม่ต้องรอให้หายเจ็บ ก็เริ่มมีความสุขได้”
WRITER: Mustard Seed Team เราเคยสุขกับชีวิตไหม? บางคนอาจตอบว่า “จำไม่ได้แล้ว…” บางคนอาจรู้สึกว่าไม่กล้ามีความสุข เพราะกลัวว่าสักวันมันจะหายไป กลัวว่าจะต้องผิดหวังอีกครั้ง จึงเลือกที่จะไม่คาดหวัง และไม่เปิดใจรับความสุขใดๆ เข้ามาอีกเลย...
แตกสลายจึงพบพระคุณ
WRITER: ปิยวดี ประสพธนกิจEDITOR: Mustard Seed Team “อาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พระเจ้าจะอวยพรใครอย่างยิ่งใหญ่ จนกว่าคนนั้นจะยอมให้พระองค์แตะต้องหัวใจผ่านความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด” เอ ดับเบิลยู โทเซอร์ นี่คือความจริงที่ยากจะยอมรับ แต่ก็ยังคงเป็นความจริงอยู่ดี...


