12/02/2021

5 สัญญาณที่จะรู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่คุณจะแต่งงานด้วย

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเธอคือคนที่ใช่?”

บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในคำถามที่ผมมักจะถูกถามเสมอเมื่อคนอื่นรู้ว่าผมมีแฟนแล้ว ถ้าให้พูดตามตรง คำตอบที่ผมคิดได้เป็นอย่างแรกคือ “ผมไม่รู้” เพราะผมจะฟังดูเป็นคนอวดดีเกินไปว่ารู้ดีกว่าพระเจ้า แต่เพื่อไม่ให้ฟังดูเหมือนว่าผมหลงหน้ามืดตามัวที่จะคบหาใครสักคน

นี่เป็น 5 วิธีซึ่งมาจากประสบการณ์ของผมที่ช่วยผมเองในการตัดสินใจว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ใช่สำหรับผมหรือไม่

1. เธอไม่พยายามเปลี่ยนผมให้เป็นคนที่เธออยากให้เป็น แต่เปลี่ยนผมอย่างที่พระเจ้าอยากให้ผมเป็น

ผมไม่มีวันหน้าตาดีเหมือน “ลีมินโฮ” นักแสดงดังเกาหลีที่แฟนผมปลื้ม หรือไม่รวยและฉลาดเท่ากับบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ แต่เธอไม่เคยเปรียบเทียบผมกับคนเหล่านั้น แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เธอมักจะคอยเตือนผมอย่างอ่อนโยนให้เป็นผู้ชายแบบที่พระเจ้าต้องการให้ผมเป็น บ่อยครั้งในฐานะของผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาที่ผมรู้สึกอยากจะล้มเลิกแล้วหันไปทำงานอย่างอื่น แต่เธอมักจะคอยเตือนผมเสมอว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผมได้ทำงานรับใช้พระเจ้าเต็มเวลากับเด็กวัยรุ่น และนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างมากที่ผมได้ทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ แม้ว่าผมจะไม่ได้เก่งที่สุด หรือมีวาทะศิลป์ที่ดีที่สุดตามมาตรฐานของโลกก็ตาม และถึงแม้ผมต้องถ่อมใจอย่างมากเพื่อยอมรับคำพูดเหล่านั้น แต่ผมคิดว่าแฟนของผมจะต้องใช้ความกล้ามากกว่านั้นอีกที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาเพื่อหนุนใจให้ผมเป็นคนที่เดินตามทางของพระเจ้าต่อไป

2. เธอฟังเสียงของพระเจ้า

เมื่อพระเจ้าตรัส การฟังคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด แต่เมื่อคนสองคนกำลังโกรธ อะไรก็ตามที่อีกคนพูดมามักไม่ค่อยเข้าหูนัก เพราะว่าเราแต่ละคนเลือกที่จะสนใจหรือคิดถึงความถูกต้องและความพอใจของตัวเอง แต่เมื่อจุดยืนของเราอยู่ที่พระเจ้า เรารู้ว่าพระคำของพระองค์อยู่เหนือความถูกต้องของเราและนำทางอารมณ์และบทสนทนาไปสู่การตอบสนองที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่ผมรู้สึกสื่อสารกับเธอไม่ได้ พระเจ้าไม่เคยพลาดในการตรัสกับเธอผ่านทางพระวจนะของพระองค์ เพื่อทำให้เธอสามารถตอบสนองอย่างถูกต้อง แม้ในช่วงเวลาที่เรากำลังโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนก็ตาม

3. เธอเป็นคนเปิดเผยและจริงใจต่อการแสดงความคิดเห็นของเธอ

กฎข้อหนึ่งในที่เราตั้งขึ้นตอนที่เริ่มคบหากันในช่วงแรกคือ เราทั้งคู่ต้องสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและจริงใจ ตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่เราพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเรื่องทั่วไป เรื่องที่เราไปเรียนอะไรมา จนกระทั่งเรื่องความเจ็บปวดที่เราแบกไว้ในใจ ลองนึกดูว่าการที่คุณต้องปิดบังความคิดของคุณ หรือแม้กระทั่งความลับด้านมืดของคุณไว้จากคนที่คุณจะใช้ชีวิตที่เหลือของคุณด้วยจะเป็นอย่างไร? ดังนั้นการเปิดเผยต่อกันและกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยที่รู้ว่าเมื่อพูดแล้วเราจะไม่ถูกกล่าวโทษหรือถูกหัวเราะเยาะ แต่ได้รับการยกโทษและการปลอบโยนแทน

4. ในเรื่องของความสัมพันธ์ เธอเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่ผู้ตามที่เฉื่อยชาหรือเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว

เราปรบมือโดยใช้มือ 2 ข้าง ความสัมพันธ์ที่ดีก็เช่นกันที่ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามจะเรียนรู้จักกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่คู่ของคุณจะเออออเห็นด้วยไปกับคุณทุกอย่าง แต่ต้องเป็นคนที่มีส่วนร่วมในชีวิตคุณอย่างแข็งขัน ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ในความสัมพันธ์ของเรา เธอไม่เคยให้ผมยึดตัวเองเป็นหลักหรือให้ตัวเธอเองเป็นเจ้าหญิงที่ไม่สามารถรับคำปฏิเสธได้ ผมดีใจที่เธอมักตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของผมเพื่อเตือนสติผม และเพื่อช่วยให้ผมปรับปรุงแนวความคิดเพื่อที่ผมจะสามารถตัดสินใจให้ดีขึ้นกว่าเดิมในอนาคต

5. เธอรัก (หรือเรียนรู้ที่จะรัก) สิ่งที่ผมรัก

การคบหาดูใจกับใครสักคนไม่ได้หมายถึงจุดจบของงานอดิเรกหรือความสนใจของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตามหาคนที่รักในสิ่งเดียวกันกับคุณด้วย ผมชอบเล่นกีฬา (บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาโปรดของผม) แต่แฟนผมเป็นคนกลัวลูกบอลเนื่องมาจากประสบการณ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมต้องเลิกเล่นบาสเก็ตบอล เธอยังคอยสนับสนุนผมและบางครั้งเธอยังหัดเล่นบาสฯ เพื่อจะได้เรียนรู้และสนุกไปกับสิ่งที่ผมรักด้วย

เรื่องสุดท้าย พระคัมภีร์พูดถึงหลักการของการละจาก (ปฐมกาล 2:24) ถ้าคุณไม่ยอมละทิ้งนิสัยเดิมหรือความชอบแบบเดิมๆ ซึ่งหมายถึงละทิ้งความเป็นส่วนตัวบางอย่างให้กับเธอ เรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่เธอรัก เปิดเผยความในใจของคุณให้เธอฟังอย่างเต็มใจ บางทีอาจจะเป็นไปได้ว่าคุณเพียงมองหา “คนรัก” ไม่ใช่ “คู่ชีวิต”

สิ่งเหล่านี้ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือเป็นความพยายามที่ยากลำบากเกินไปหรือเปล่า? ยิ้มเข้าไว้อย่าพึ่งท้อ หนทางของการละจากนั้นมันเพลิดเพลินและมีความสุขมากกว่าที่คุณจะคาดคิดได้นะ

YOU MAY ALSO LIKE