fbpx

29/05/2021

5 วิธีจัดการกับความเครียด

COLLABORATION: MUSTARD SEED x WINDBELL STUDIO
ARTWORK TYPE/MEDIUM: iIlustration
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

 

“ปัญหาเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต” จริงหรือ? ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจเราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงปัญหาได้จริงหรือ? ช่วงเวลาที่เราไม่ต้องเจอกับปัญหาเลยคือ ช่วงเวลาที่เราหมดลมหายใจและจากโลกนี้ไปแล้ว…

ปัญหาของปัญหาทั้งหลายคือ หลายครั้งที่เราปล่อยให้มันมาเบี่ยงเบนความความสนใจของเราไปจากสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้เราเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความวุ่นวายในชีวิต เราจมปลักอยู่กับปัญหาเหล่านั้น จากนั้นก็เกิดเป็นความเครียดจนหาทางออกจากปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ไม่ได้ ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องรู้จักวิธีการที่จะรับมือกับมัน ผมจึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวกับ 5 วิธีในการรับมือกับความเครียดมาหนุนใจทุกคนให้ลองทำกันดู 

1. ให้เราอธิษฐาน

เราคงเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ในฐานะคริสเตียน เรารู้ว่าการอธิษฐานเป็นช่องทางที่เราสามารถพูดคุยและร้องทูลต่อพระเจ้าได้เมื่อเผชิญกับปัญหาและความกดดันจากความเครียด เราถูกเตือนให้อธิษฐานและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่ในทางปฏิบัตินั้นเราเลือกที่จะอธิษฐานก่อนจริงๆ ไหม? หรือว่าบ่อยครั้งที่เราพยายามจะหาทางออกด้วยตัวเราเองหรือมองหาคนอื่นให้ช่วยแก้ปัญหาของเรา

ผมจำได้ถึงสถานการณ์ความเครียดที่ผมต้องเผชิญในปี 2012 บริษัทของผมต้องจ่ายเงินประมาณ 100 ล้านรูเปียห์เนื่องจากผมคำนวณผิดพลาดเกี่ยวกับการชำระภาษีสำหรับสินค้านำเข้าของบริษัท ตามตรรกะแล้วปัญหายิ่งใหญ่มากเท่าไหร่คุณจะวิ่งไปหาพระเจ้ารวดเร็วเท่านั้น? ผมเสียเวลาไปกับการหาทางแก้ไขปัญหานั้นด้วยตัวเอง จนกระทั่งผมรู้ตัวว่าผมไม่มีทางออกให้กับปัญหานั้นแล้วจริงๆ

เรารู้ว่าในพระคัมภีร์ได้สอนว่าให้เราจดจ่ออยู่ที่พระเจ้าและจงมอบภาระของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ (สดุดี 55:22) และยังบอกกับเราว่าอย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลยแต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ (ฟิลิปปี 4:6) แต่ทว่าเรากลับไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าพระเจ้าห่วงใยเราจริงๆ มีปัญาหาต่างๆ มากมายในโลกนี้ และผู้คนมากมายต่างร้องทูลมันต่อพระเจ้าพระเจ้าทรงรับฟังคำร้องทูลของเราจริงๆ หรือ? และถ้าหากว่าพระองค์ทรงสนใจจริงๆ แล้วพระองค์จะมีวิธีแก้ปัญหาให้กับเราอย่างไร? ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เราควรทำมากกว่าแค่การอธิษฐาน

ดังนั้นพระเจ้าทรงอนุญาตให้ผมต้องเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เพื่อทำให้ผมยอมถ่อมใจลงเมื่อผมยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง ผมจึงเริ่มอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยให้ผมสามารถคิดและหาวิธีแก้ไขปัญหาได้ เมื่อผมตัดสินใจทำอย่างนั้นมันเหมือนกับว่าภาระหนักทุกอย่างที่ผมแบกไว้ถูกยกออกไปจากชีวิตของผมมันคือความจริงเมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าพระองค์ประทานสันติสุขลงมาแทนความไม่พอใจในชีวิตของผมซึ่งเกินว่าความเข้าใจของเราทั้งหมด (ฟีลิปปี 4:7) ปัญหาของผมยังคงอยู่ แต่ผมไม่ได้รู้สึกเครียดอีกต่อไป เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้เผชิญปัญหานั้นเพียงลำพัง

2. ให้เราอยู่ในกลุ่มของพี่น้องที่รักพระเจ้า

เราเป็นใครที่จะสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้เพียงลำพัง? ถ้าหากเราอยู่ท่ามกลางคนที่มองโลกในแง่ดี ปัญหามันเหมือนจะน่ากลัวน้อยลงแต่ถ้าเราอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มองโลกในแง่ร้าย เราเองอาจจะท้อแท้และไม่มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต

ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับเพื่อนที่รักพระเจ้า เพื่อนที่สามารถพูดคุยปรึกษาปัญหาต่างๆ ในช่วงเวลาที่ผมเครียดได้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่สามารถเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหาของผมได้อย่างเต็มที่แต่พวกเขาคอยหนุนใจและทำให้ผมมีกำลังใจที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้า เมื่อมีโอกาสแบ่งปันเรื่องราวของผมให้กับพวกเขา ความเครียดที่ผมมีก็เริ่มน้อยลง และค่อยๆ มองเห็นหนทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านั้นและความเครียดที่ผมเคยมีก็ลดลงมาก

เพื่อต่อสู้กับความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่ ให้เราลองมองหากลุ่มคนหรือพี่น้องที่พยายามจะเสริมสร้างชีวิตจิตวิญญาณซึ่งกันและกัน และอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่รักพระเจ้าและมีความปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพระคริสต์ วิธีนี้เราสามารถที่จะแบกรับภาระของกันและกันและยึดถือซึ่งกันและกัน (ปัญญาจารย์ 4:9-10,  สุภาษิต 18:24)

3. ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า

คุณอาจจะเคยได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆ คือ “อย่าบอกกับพระเจ้าว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่ขนาดไหน แต่ให้บอกกับปัญหาว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่แค่ไหน” ถ้าเรามัวแต่โฟกัสที่ปัญหา เราจะรู้สึกเครียดและจมอยู่กับสิ่งเหล่านั้น

เมื่อผมเข้ามาหาพระเจ้าผ่านการอธิษฐานและใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่รักพระเจ้า ผมจึงตระหนักว่ามีหลายอย่างมากมายที่ต้องขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทรงสอนบทเรียนที่สำคัญนี้ให้กับผมในขณะที่ธุรกิจผมยังเป็นธุรกิจขนาดเล็ก เพราะหากเกิดขึ้นตอนที่บริษัทขยายตัวใหญ่ขึ้นผมไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะต้องเผชิญกับปัญหาหนักขนาดไหนผมอาจจะต้องรับผิดชอบชีวิตของลูกน้องจำนวนมากรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย

วิลเลียม เจมส์ นักปรัชญาและนักจิตวิทยาชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า “อาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความเครียดคือความสามารถในการใช้ความคิดหนึ่งเปลี่ยนอีกความคิดหนึ่ง” และนั่นคือสิ่งที่ผมพยายามที่จะทำคือการเปลี่ยนโฟสจากปัญหาไปสู่พระเจ้าและพวกคุณรู้ไหม? แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นเราสามารถนับพระพรของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเราได้ การขอบพระคุณเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราไม่ใช่เฉพาะในช่วงเวลาที่ดีเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงช่วงเวลาที่เครียดด้วย (1 เธสะโลนิกา 5:18)

4. ให้เรามีสายตาเหมือนพระเจ้า

ในฐานะมนุษย์ที่มีความเข้าใจอันจำกัด เรามักจะหาข้อสรุปที่ไม่ถูกต้อง เรื่องราวของสายลับ 12 คนที่ถูกส่งไปสอดแนม คอยย้ำเตือนเราถึงความสำคัญในการมองผ่านมุมมองของพระเจ้า

เมื่อสายลับ 10 คน มารายงานว่าแผ่นดินนี้เต็มไปด้วยเมืองที่มีป้อมและยักษ์ใหญ่ที่ทรงพลังชาวอิสราเอลก็สรุปเอาเองว่าพระเจ้าทรงทอดทิ้งพวกเขาและทำให้พวกเขาต่างสิ้นหวัง (กันดารวิถี 14:2-4) แต่โยชูวากับคาเลบได้เห็นต่างออกไป พวกเขาได้เห็นถึงความดีและพระคุณของพระเจ้าในการทรงนำของพระองค์ และทำให้พวกเขาเห็นถึงความอัศจรรย์ในแผ่นดินของพระเจ้าเพราะเป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์จึงทำให้พวกเค้ามีความเชื่อที่เข้มแข็งในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น (กันดารวิถี 14:7-9)

แทนที่ผมจะมานั่งเครียดและจมอยู่กับความสิ้นหวังผมได้เรียนรู้ว่า…พระเจ้าอนุญาตให้ผมเผชิญกับปัญหานี้ พระองค์ต้องการที่จะทำอะไรผ่านชีวิตผม? ผมจึงพบคำตอบผ่านทางปัญหาและอุปสรรคของชีวิตที่มันทำให้ผมเข้มแข็ง มีสติปัญญาในการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นและดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทจึงทำให้ผมกลายเป็นนักธุรกิจที่สามารถใช้ชีวิตเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้

5. ให้เราเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง

การพึ่งพาพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราจะกลายเป็นคนเรื่อยเปื่อยหรือดำเนินชีวิตแบบไร้แก่นสาร ถ้าเราไม่ได้นำสิ่งที่เราเรียนรู้มาพัฒนาตัวเอง เราอาจจะพบว่าตัวเราเผชิญกับความเครียดกับเรื่องเดิมๆ (หรืออาจจะเครียดกว่าเดิม) เมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาที่คล้ายคลึงกัน

หลังจากที่ผมได้ประสบกับปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระภาษีผมลองเช็คในอินเตอร์เน็ตและได้เจอบทความที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ บทความนี้ได้เซอรไพร์สผมว่าจริงๆ แล้ว ผมคำนวณภาษีถูกต้องแล้ว ผมได้นำบทความนี้ไปให้ที่ปรึกษาด้านภาษีดูและได้รับความยืนยันว่ามันถูกต้อง ผมไม่ต้องจ่ายค่าปรับเลยมันทำให้ผมโล่งใจเป็นอย่างมาก!

เมื่อพระเจ้าทรงอนุญาตให้ลูกของพระองค์เผชิญกับปัญหา พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะไม่ทรงให้เราถูกทดลองเกินกว่าที่เราจะทนได้ (1 โครินธ์ 10:13)

เมื่อจิตใจของเราถูกเติมเต็มด้วยพระสัญญาของพระเจ้ามันจึงไม่มีที่ว่างให้สำหรับความเครียดอีกต่อไป เราจะสามารถยอมรับกับสถาณการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยใจที่ขอบพระคุณ และพร้อมที่จะเรียนรู้ว่าพระเจ้าสามารถใช้สถานการณ์ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้เป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น พระองค์อาจจะกำลังเตรียมเราสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ลองนึกถึง 13 ปีที่ยากลำบากของโยเซฟก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจรองลงมาจากฟาโรห์ในประเทศอียิปต์ ลองนึกถึงความท้าทายมากมายในการทดสอบความเชื่อของดาเนียลภายใต้รัชสมัยของกษัตริย์ที่นับถือพระอื่น ก่อนที่พระเจ้าจะทรงตั้งท่านไว้ให้ดูแลทั่วทั้งราชอาณาจักร (ดาเนียล 1-6)

ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ปัญหาคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเราอาจจะต้องเผชิญกับความเครียดมากมาย แต่ผมได้เรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องท้อถอยด้วยสิ่งเหล่านั้น เราสามารถรับมือกับความเครียดด้วยการพึ่งพาพระเจ้า ยึดพระสัญญาของพระองค์ให้มั่น เราสามารถหาคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ที่รักพระองค์และให้เราโฟกัสที่พระเจ้า ให้ความคิดของเราเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ และให้ดวงตาของพระมองเห็นว่าพระเจ้าต้องการจะสอนอะไรเราผ่านเรื่องเหล่านี้เพื่อที่เราจะได้ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์!

YOU MAY ALSO LIKE

อดทนกับการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณที่ค่อยเป็นค่อยไป

อดทนกับการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณที่ค่อยเป็นค่อยไป

WRITER: แคสซี่ วัตสัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ณัฐรวี ยุ้งทอง “ฉันทำมันอีกแล้ว” บางทีคุณอาจย้ำกับตัวเองด้วยคำเหล่านั้นหลังจากหลงทำบาปเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณกลับใจแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อเร็วๆ นี้...

ช้อปไม่หยุด…ฉุดไม่อยู่

ช้อปไม่หยุด…ฉุดไม่อยู่

WRITER: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Team ซื้อไม่หยุด เครียดก็ซื้อ นอนไม่หลับก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซื้อของ ใส่ของไว้ในตระกร้าจนเต็ม โปรลดราคามาตลอดทุกเดือนก็จัดหนักตลอด รอเวลาเก็บคูปอง ชอบของแก็ดเจ็ตล่าสุด พยายามหาของที่ดีที่สุด ของที่ฮิตที่สุด เราจะต้องมี...

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This