fbpx
WRITER: แม็กซ์ เจกานาธาน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: อาเกียว

แม็กซ์ เจเกนาธาน เป็นผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของ Ravi Zacharias International Ministries แม็กซ์เกิดที่ศรีลังกา หลังจากนั้นครอบครัวของแม็กซ์ได้ย้ายไปที่ออสเตรเลียในฐานะผู้ลี้ภัยในช่วงประมาณกลางยุค 1980 แม็กซ์ทำงานเป็นทนายความ และที่ปรึกษาทางการเมืองในรัฐสภาแห่งชาติออสเตรเลีย ผลงานวิจัยของเขาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อ การเมือง นโยบายสาธารณะ เศรษฐศาสตร์และการใช้เหตุผลเชิงศีลธรรม แม็กซ์อาศัยอยู่ที่สิงคโปร์กับภรรยาและลูกสองคน

ถ้าพระเจ้าเป็นอย่างที่พระองค์เป็นจริงเหมือนที่ใครๆ พูดกัน ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความรัก ฤทธานุภาพ และดีเสมอ พระองค์น่าจะให้ความทุกข์หมดสิ้นไป แต่เนื่องจากโลกนี้ยังมีความทุกข์อยู่ เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงไม่มีอยู่จริง

ประโยคข้างต้นนี้มาจากข้อเขียนเชิงวิจารณ์ในอดีต พวกเราหลายคนยอมให้คำพูดเหล่านี้เข้าถึงจิตใจของเรา โดยไม่ได้ผ่านการคิดที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การยอมรับประโยคข้างต้นนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าให้เข้าใจได้อย่างดีที่สุดก็คือ การเชื่ออะไรโดยไม่ไตร่ตรอง และอย่างแย่ที่สุดก็คือ การไม่ยอมจำนนต่อเหตุผลและความจริงซึ่งก็เหมือนกับหลายๆ กรณีที่มีข้อเท็จจริงและสภาพที่เป็นจริงซ่อนอยู่ ยังมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังอีกมาก

ความจริงเกี่ยวกับความทุกข์คือ เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า หรือผู้เชื่อในศาสนาอื่นๆ ต่างก็ไม่มีใครสามารถหนีพ้นความทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเป็นความกังวล ความเศร้าสลด ความเจ็บป่วย การจากไปของคนที่เรารัก ปัญหาทางการเมือง หรือเศรษฐกิจ ความทุกข์ก็ยังคงเป็นความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี

เพราะฉะนั้น เพื่อให้การมองภาพรวมเป็นไปอย่างเหมาะสม การเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล อารมณ์ที่น่าพึงพอใจ และการมีอยู่จริงที่น่าสนใจ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำมาใช้ตอบสนองต่อความเป็นจริงของความทุกข์

พวกเราที่เป็นคริสเตียนก็ยังคงค้นหาคำอธิบายที่ว่า ทำไมพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก ผู้ที่เราทั้งหลายนมัสการ ถึงปล่อยให้เราเผชิญกับความทุกข์มากมายขนาดนี้ สิ่งที่จะอธิบายมีมากเกินกว่าที่จะอธิบายหมดในบทความนี้ อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะประกอบไปด้วยความคิดที่เปิดเผยถึงการวิเคราะห์และการตอบสนองต่อความทุกข์ของคริสเตียนที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ

พระเจ้าแห่งความรัก

มันอาจจะดูแปลกๆ ที่เริ่มต้นอธิบายเรื่องความทุกข์ด้วยการพูดถึงพระลักษณะของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเราวิเคราะห์ให้ลึกลงไป เราจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น พระเจ้าไม่ได้เป็นแค่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรักเท่านั้น(ยอห์น 3:16) แต่พระองค์ทรงเป็นความรัก(1 ยอห์น 4:8) ความสัมพันธ์คือทางเดียวที่ความรักจะถูกแสดงออกมาให้เห็นว่าเป็นความรักที่แท้จริง เพราะฉะนั้น พระเจ้าแห่งความรักองค์นี้ ก็ยังเป็นพระเจ้าแห่งความสัมพันธ์ด้วย

ความจริงนี้ทำให้เราต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวคริสเตียน เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นในตอนแรก ก็สร้างขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ คือเพื่อให้เราได้รักพระองค์และพระองค์รักเรา(มาระโก 12:30-31) ในการที่จะให้ความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริง อย่างน้อยที่สุด ต่างฝ่ายต่างจำเป็นต้องให้อิสระแก่อีกฝ่ายหนึ่งในการเลือกที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์นี้หรือไม่ ลองนึกภาพว่าถ้ามีเพื่อนคนหนึ่งถูกบังคับให้มาใช้เวลากับคุณภายใต้คำขู่ว่าจะทำร้าย มันคงจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่แท้จริงแน่ๆ การขโมยอิสรภาพในการตัดสินใจที่จะเลือกจากเพื่อนของคุณ คุณก็ได้ประเมินคุณค่าของความรักและความสัมพันธ์ต่ำเกินไปแล้ว

ตัวอย่างด้านบนก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า สำหรับความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองนั้น จำเป็นจะต้องมีทั้งความรักและอิสรภาพ เมื่อเรามีอิสรภาพในการเลือกที่จะรัก แน่นอนว่าเงื่อนไขที่จำเป็นของอิสรภาพนั้นก็คือ การเลือกที่จะไม่รักได้ด้วย

นี่คือการใช้อิสรภาพที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ ในสนามรบต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วย การคดโกง อาชญากรรม การทำร้ายร่างกายกัน ความยากจน และความเกลียดชัง

ความเป็นจริงที่น่าเศร้าของเงื่อนไขของเราก็คือ มนุษย์ที่มีอิสระในการเลือกที่จะรักนั้น เป็นต้นเหตุในการสร้างความทุกข์ให้แก่กันและกันมากกว่าต้นเหตุอื่นๆ เพียงแค่ในศตวรรษที่ 20 ศตวรรษเดียว เราได้ฆ่ากันและกันไปมากกว่า 19 ศตวรรษรวมกันเสียอีก อย่างไรก็ตาม โลกใบอื่นที่ไม่ใช่โลกที่เรากำลังอยู่ ก็คงจะไม่ใช่ที่ๆ ทั้งความรักและความสัมพันธ์ไปด้วยกันอย่างแท้จริงเช่นเดียวกัน พระเจ้าต้องการให้จักรวาลนี้มีทั้งความรักและความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้และเป็นจริง ส่วนความทุกข์ก็เป็นส่วนจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

พระเจ้าผู้ทรงรู้

ยังมีอีกหลายมุมมองเกี่ยวกับความทุกข์ที่ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกับฤทธานุภาพของพระเจ้าและพระลักษณะของพระองค์ แล้วเด็กที่เป็นมะเร็งหละ? ภัยพิบัติทางธรรมชาติ? คนบริสุทธิ์ที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับอะไรที่ไม่มีเหตุผลหละ?

เราต้องกลับมาพิจารณา 2 สิ่งนี้ก่อน นั่นก็คือ ข้อมูลที่เรามีกับความน่าเชื่อถือของพระเจ้า เมื่อมาถึงเรื่องความทุกข์ พวกเราทุกคนที่เป็นมนุษย์รับข้อมูลได้จำกัด เรารู้น้อยกว่าข้อมูลที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ตัดสินด้านศีลธรรม แต่เราควรปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ถูกตัดสินโดยพระเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือ พระเจ้าทรงรู้มากกว่าเราและพระองค์ก็ทรงมีพระปัญญาที่เหนือกว่าเรา(อิสยาห์ 55 และเอเฟซัส 3)

น่าแปลกที่เราไม่ได้ประเมินความจริงอื่นๆ เพียงเพราะว่าเราขาดข้อมูล มันเหมือนกับการที่คุณกำลังอ่านบทความนี้ แล้วคุณก็เหมือนกับผม ที่ไม่รู้ว่าเมืองหลวงของประเทศชาดคือเมืองอะไร น้ำหนักโดยเฉลี่ยของเสือโคร่งคือเท่าไหร่ หรือเส้นรอบวงของโลกนี้มีขนาดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ตั้งสมมติฐานว่า คำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบ เพียงเพราะว่าเราไม่รู้

ในทำนองเดียวกัน มันคงมีเหตุผลที่ดีสำหรับความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นเดียวกัน แต่เราแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง

มันก็จะดูเหมือนหยิ่งผยองไปหน่อยนะครับ ในการคิดว่า ถ้าสิ่งต่างๆ นั้นมีจริง ผมจำเป็นต้องรู้ว่ามันคืออะไร

ตรงกันข้าม พระเจ้าทรงรู้ทุกอย่าง(สดุดี 147:5) นี่เป็นการให้คำยืนยันอีกครั้งกับเรา แต่แค่คำยืนยันเท่านั้นยังไม่พอ สำหรับการที่ใครบางคนจะพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นน่าเชื่อถือ พวกเขาจำเป็นจะต้องทำอะไรที่มากกว่าการแสดงออกถึงการมีข้อมูล และเมื่อกลับมาที่คำถามถึงความน่าเชื่อถือของพระเจ้า สิ่งที่เราเห็นคือพระองค์รู้ทุกสิ่งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

พระเจ้าผู้ทรงห่วงใย

การตอบสนองต่อความทุกข์ของคนในโลกนี้นั้นแปลกและมีหลายรูปแบบมาก มันขึ้นอยู่กับการมองโลกของคุณ บางคนบอกว่าพระเจ้ามีจริงแต่พระองค์สามารถที่จะทำให้เกิดความทุกข์ยังไงก็ได้ตามแต่พระทัยของพระองค์ และเราไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยในพระองค์ อีกกลุ่มหนึ่งอาจจะบอกว่า ตัวเราเองนั้นแหละที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ของเราเอง(อาจจะเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เราเคยทำมาในชีวิต ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติก่อน) แต่ก็ยังมีบางคนบอกว่าต้นเหตุของความทุกข์คือกิเลส ดังนั้น คำตอบของการหมดทุกข์ก็คือการตั้งใจฝึกตนหรือถือศีลภาวนา เพื่อให้เราได้ออกจากห้วงกิเลส ในท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า เมื่อมายอมรับกันตรงๆ ต่างก็พูดว่า ความทุกข์ยากทุกอย่างนั้นล้วนไร้ความหมาย เหมือนกับที่ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้ายุคใหม่ได้พูดว่า พวกเราต่างก็เป็นเพียงโมเลกุลเท่านั้น ดังนั้นเราจะไปสนใจอะไรกับความทุกข์ยากกันเล่า! ก่อนที่จะลงลึกไปมากกว่านี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าการตอบสนองต่อความทุกข์แบบนี้ล้มเหลว มันทำลายทั้งความเป็นเหตุเป็นผล ความรู้สึกและอารมณ์ และความมีอยู่จริง

เมื่อเราหันกลับไปที่ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ สิ่งที่เราเห็นคือพระเจ้าผู้ที่เผชิญความทุกข์เหมือนกัน ไม่ได้รับการยกเว้นที่จะไม่ต้องทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้บอกให้เราไม่ต้องสนใจมัน หรือให้คิดหาทางออกด้วยตัวเอง ไม่เลย นี่คือพระเจ้าผู้ทรงรักเรามาก มากจนกระทั่งยอมลงมาทนทุกข์แทนเรา พระองค์ทรงยอมเจ็บปวดเพื่อเรา เหมือนเรา พระองค์ทรงเอาชนะความทุกข์ทรมานบนไม้กางเขน พระองค์ทรงสร้างทางเพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกับพระองค์ และเพื่อที่เราจะได้เป็นอิสระจากความทุกข์เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ และในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงสัญญาว่าจะจับมือเรา(ถ้าเราต้องการที่จะจับมือพระองค์) และประทานพละกำลังให้กับเราในการผ่านความทุกข์ยากซึ่งเป็นสิ่งชั่วคราวที่เกิดจากโลกที่เต็มไปด้วยความบาปนี้(1 เปโตร 1:6-9, โรม 8:18)

ในช่วงหลายปีที่ผมเป็นทนาย และหลังจากนั้นเป็นที่ปรึกษาให้กับนักการเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผมทางด้านอารมณ์ ชีวิตความเป็นอยู่ และอาชีพการงานนั้นมีอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมทนทุกข์ ช่วงเวลานั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าพระเจ้าผู้ครอบครอง ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก และผู้ทรงเป็นพระผู้ไถ่ พระเจ้าที่ผมเข้าสนิทและลงลึกในความสัมพันธ์ส่วนตัว เป็นผู้ที่ทำให้ผมผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้

ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ตอบสนองต่อความทุกข์ของมนุษย์แตกต่างจากการตอบสนองแบบอื่นๆ ไม้กางเขนแสดงถึงพระเจ้าแห่งความรัก พระเจ้าผู้ทรงรู้ และพระเจ้าผู้ทรงห่วงใยต่อความทุกข์ยากที่คนที่พระองค์รักต้องทน โดยแสดงผ่านประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่พิสูจน์ได้ การตอบสนองต่อความทุกข์ของพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ หรือใช้หลักปรัชญาใดๆ แต่มันคือ การเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล เป็นความกล้าหาญ เป็นสิ่งที่ทำได้จริง เป็นสิ่งที่จับต้องได้ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต

และเป็นการตอบสนองเดียวที่มีอยู่ คือความรักที่สมบูรณ์แบบมารวมกับพระเมตตาที่สมบูรณ์แบบผ่านทางพระองค์เอง เพื่อจะหยิบยื่นทางออกต่อความแตกสลายของเราและของโลกนี้ให้กับมนุษย์ทุกคน

ไม่ว่าคุณอาจจะกำลังเผชิญกับอะไรก็ตาม ได้โปรดรู้ว่ายังมีพระเจ้าที่ทรงยื่นพระหัตถ์พร้อมกับเปิดพระทัยออกรอคุณอยู่ พระเจ้าผู้ทรงทนทุกข์เพื่อคุณ ผู้ทรงยื่นพระหัตถ์พร้อมที่จะดึงมือคุณไว้ เพื่อที่คุณจะสามารถเอาชนะและผ่านความทุกข์ยากต่างๆ นั้นไปได้

YOU MAY ALSO LIKE

สรรเสริญวันสะบาโตด้วยการวางทุกสิ่งลง

สรรเสริญวันสะบาโตด้วยการวางทุกสิ่งลง

WRITER: จาเนล ไบเทนสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: Mustard Seed Team ในฤดูร้อนปี 2016 ครอบครัวของฉันขนข้าวของจากประเทศยูกันดาขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาเป็นเวลาหกเดือน ระหว่างจัดกระเป๋าสำหรับวันหยุดยาวนี้ ฉันมีความรู้สึกขัดแย้งบางอย่าง...

การบรรเทาอาการแพนิคของฉัน : นมัสการ

การบรรเทาอาการแพนิคของฉัน : นมัสการ

WRITER: ราเชล มอร์แลนด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: ธนากร พูลสินกูล ฉันไม่มีทางลืมครั้งแรกที่ฉันเริ่มมีอาการตื่นตระหนกได้ (ความรู้สึกกลัวหรือไม่สบายใจอย่างมาก) เกิดขึ้นในปีที่ 2...

การฆ่าตัวตาย และ ปีศาจที่เรียกว่าภาวะซึมเศร้า

การฆ่าตัวตาย และ ปีศาจที่เรียกว่าภาวะซึมเศร้า

WRITER: มาร์ค สตอร์เมนเบิร์ก ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ผมทำบางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนคือ การที่ผมร้องไห้ให้กับนักแสดง ผมไม่ใช่คนที่คอยตามข่าวดาราหรือหมกมุ่นกับชีวิตของดาราฮอลลี่วู้ด...

Share This