fbpx
WRITER: เฟโดรา อาลีเธีย ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/ EDITOR : Mustard Seed Team

มันเริ่มจากการที่ฉันทะเลากับแฟนของฉัน

แม้จะมีข้อกำหนดทางสังคมเนื่องจากโควิด-19 แต่เขาก็ยังออกไปเล่นฟุตซอลกับเพื่อนของเขาที่สนามกีฬาในร่มแบบไม่ใส่หน้ากาก! ฉันโกรธเขามากที่ไม่ระมัดระวังและถูกห้ามไม่ได้เจอฉันสองอาทิตย์เต็มๆ

ถ้ามันฟังดูไร้เหตุผล แต่จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลที่ดีอยู่ในนั้น ฉันกังวลว่าเขาอาจจะได้รับเชื้อไวรัส และอาจจะเอามาติดฉันก็ได้ และก็อาจส่งผลไปถึงสุขภาพของพ่อฉัน พ่อของฉันทำงานเป็นหมอ และช่วงเวลานี้ฉันก็รู้สึกกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าท่านอาจจะได้รับเชื้อโควิด-19 เนื่องจากคุณพ่อมีโรคประจำตัวทั้งเบาหวานและความดัน ดังนั้นถ้าท่านติดเชื้อ มันอาจจะทำให้ท่านถึงตายได้และฉันไม่อยากจะเสียท่านไป

สิบวันผ่านไปเขาไม่มีอาการหรือสัญญาณใดๆ

แต่แล้ววันที่ฉันใกล้ที่จะได้พบแฟนฉันอีกครั้ง ฉันกลับตื่นขึ้นมารู้สึกมีไข้และดวงตาของฉันก็ร้อนเหมือนไฟไหม้

ฉันวัดอุณหภูมิร่างกายปรากฎว่าได้ 37.5 องศา ฉันรีบกินยาแก้ไข้ และหวังว่ามันจะช่วยลดไข้ได้ ขอบคุณพระเจ้าที่มันได้ผล

แต่ความโล่งใจที่ไม่ได้อยู่กับฉันนาน ฉันรู้สึกเป็นไข้อีกครั้งในวันต่อมา และครั้งนี้อุณหภูมิของฉันสูงถึง 38 องศา ฉันรู้สึกไม่สบายใจ และไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนออนไลน์ในเช้านั้นได้ ฉันเริ่มที่จะสูญเสียความสามารถในการได้กลิ่นและลิ้มรส และฉันก็ไม่สามารถที่จะเพลิดเพลินกับสตูเนื้อจานโปรดที่แม่ของฉันทำได้

เมื่อความกลัวค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจฉัน มันโจมตีฉันเพราะแม่ของฉันก็เริ่มมีอาการแบบเดียวกันเมื่อสามวันก่อน พวกเราทำให้ตัวเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือเปล่านะ? แต่มันเป็นไปไม่ได้! ตั้งแต่การแพร่ระบาดกระจายตัว คนเดียวที่ฉันพบเจอนอกจากครอบครัวของฉันก็คือแฟนของฉัน และแม่กับน้องของฉันก็ไม่ได้เจอใคร คนเดียวที่ออกจากบ้านคือพ่อของฉัน และท่านออกไปเพื่อทำงาน ฉันรู้ว่าท่านปฏิบัติตามระเบียบการด้านสุขภาพ (Health protocols) อย่างดี และระมัดระวังทุกความเป็นได้ที่จะเกิดขึ้น คุณพ่อสวมทั้งเฟสชิลด์และหน้ากาก ล้างมือ และทำให้มือปราศจากเชื้อโรคอยู่ตลอด อย่างนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะติดเชื้อไวรัส?

แต่เพื่อความปลอดภัย พ่อแม่ของฉันตัดสินใจให้พวกเราทำ Swab test (การตรวจหาเชื้อ) ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ฉันพยายามที่จะสงบและข้างในลึกๆ ฉันกลับกลัวจนตัวแข็งทื่อ สำหรับการทำ Swab test เจ้าหน้าที่จะป้ายเอาเยื่อบุในคอ หรือเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก ออกมาตรวจหาเชื้อ มันไม่ได้เจ็บเท่าไหร่นัก แต่ฉันกำลังอ่อนไหวและมันทำให้ฉันมีน้ำตาเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามความรู้สึกเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ นี้เทียบอะไรไม่ได้กับความรู้สึกที่ต้องรอด้วยความกังวลถึงผลตรวจตลอดคืน

วันต่อมา พวกเราได้รับผลตรวจและฉันรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ผลตรวจของพ่อแม่และตัวฉันออกมาเป็นบวก! ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ในหัวฉันเต็มไปด้วยคำถาม “โอ้ว จะทำอย่างไรดี?” “ฉันจะต้องเสียพ่อไปไหม?” “แล้วคุณแม่ฉันล่ะ?” “พวกเราจะเอาเชื้อไปติดน้องชายของฉันด้วยหรือเปล่า?”

แม่ของฉันร้องไห้อย่างหนักและต่อเนื่อง เธอกำลังอยู่ในสภาวะตกใจและไม่พอใจ เธอเริ่มที่จะโทษพ่อของฉันที่ทำให้เราทุกคนต้องติดเชื้อ และตอนนั้เราก็ได้รู้ว่าพ่อของพวกเราได้สัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการในตอนนั้น เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเรารู้สึกตกใจมากและไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรต่อไป ในที่สุดพวกเราก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล รวมทั้งน้องชายคนเล็กที่ตรวจพบว่าผลเป็นบวกในอีกสองวันถัดมา

ทีแรกฉันรู้สึกโมโหมากกับทุกสิ่ง มันไม่เกี่ยวกับว่าฉันติดโควิด-19 แต่ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ทั้งหมดมันไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน ฉันเลิกเล่นอินสตาแกรมเพราะฉันไม่อยากเห็นภาพเพื่อนๆ ที่กำลังสังสรรค์กันอย่างมีความสุขที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่มีการติดเชื้อ ในขณะที่ฉันติดอยู่ในห้องที่ต้องถูกแยกอย่างโดดเดี่ยวในโรงพยาบาลกับโควิด-19 แม้ว่าฉันได้ทำตามระเบียบการด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด ทั้งอยู่บ้านและพยายามฆ่าเชื้อสิ่งของและบ้านอยู่ตลอดเวลา

 

ระเบียบการด้านสุขภาพหนึ่งข้อที่เราละเลย

แต่ในช่วงที่เราติดอยู่ในห้องที่ต้องถูกแยกอย่างโดดเดี่ยวด้วยความหวาดกลัว พระเจ้าทรงย้ำเตือนพวกเราในฐานะครอบครัวว่ามี “ระเบียบการด้านสุขภาพ” ข้อหนึ่งที่พวกเราได้ลืมมันไปอย่างสิ้นเชิง และนั่นก็คือการอธิษฐานขอการปกป้อง! นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเราควรจะทำแต่พวกเราไม่ได้ทำ

ฉันได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าทุกๆ สิ่งที่เราทำก็ไร้ประโยชน์ ถ้าพวกเราพึ่งพากำลังและสติปัญญาของตัวเอง

ขณะที่โยบกำลังทุกข์ทรมานโยบได้ร้องออกมาว่า “ข้ามีกำลังอะไรที่ข้าจะคอย?” (โยบ 6:11) และหลังจากนั้นโยบสรุปว่า “ปัญญาและพลังอยู่กับพระองค์คำปรึกษาและความเข้าใจเป็นของพระองค์” (โยบ 12:13) พวกเราได้เห็นถึงความสำคัญของการใช้เวลาอธิษฐานและแสวงหาการช่วยเหลือของพระเจ้าสำหรับความยากลำบากที่เรากำลังเผชิญ

หลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่โควิด-19 ได้แพร่กระจาย พวกเราได้ให้ความยุ่งเหยิงนั้นเข้ามาแทนที่ช่วงเวลาการอธิษฐานกับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทำเสมอทั้งตอนเช้าและก่อนเข้านอนแทนที่จะอธิษฐานอย่างเข้มแข็งมากขึ้น พวกเรากับเสียเวลาไปกับตารางานที่ยุ่งเหยิงและลืมที่จะอธิษฐานของการปกป้องจากพระเจ้าเหนือพวกเรา และเป็นพิเศษสำหรับพ่อของเรา พวกเราได้ปล่อยให้ท่านสู้กับการระบาดอย่างโดดเดี่ยว

แม้เมื่อไหร่ไม่ได้สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า พวกเรายังเห็นพระองค์ทรงนำหน้าเราและกระทำกิจผ่านสถานการณ์ต่างๆ ของเรา พวกเราขอบคุณพระเจ้าที่ยังสามารถเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ในทันที และพวกเราทุกคนในครอบครัวได้อยู่ห้องเดียวกัน ในขณะที่อีกหลายๆ คนต้องรอเป็นวันๆ ที่จะได้เข้ารักษาตัวเพราะในขณะนี้โรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนไข้

พวกเราได้รับความรักและน้ำใจมากมายจากเพื่อนและครอบครัวที่อธิษฐานเผื่อเรา คอยให้กำลังใจพวกเรา ญาติๆ ของพ่อแม่ได้ผลัดกันมาเยี่ยมพวกเราพร้อมกับอาหารแสนอร่อยเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเรามีทุกอย่างที่พวกเราต้องการ

สิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเรารู้สึกขอบคุณที่เรื่องที่พวกเรากลัวว่าจะต้องสูญเสียคุณพ่อไปนั้นไม่เกิดขึ้น จากการทำซีทีสแกนพบว่าปอดของท่านได้รับผลกระทับจากไวรัส และท่านจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ คุณพ่อก็ค่อยๆ ดีขึ้นและสามารถที่จะกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้แล้ว

แม้ว่าพวกเราจะละเลยที่จะเข้าหาพระเจ้าในช่วงเวลาแบบนี้ พวกเรายังได้สัมผัสถึงความดีงามและความเมตตาของพระองค์ที่มีต่อเรา และพวกเราเห็นว่าพระองค์ทรงอยู่กับเราและเพื่อเรา

พระเจ้าได้เปลี่ยนช่วงเวลาที่พวกเราต้องอยู่ในห้องที่แยกอย่างโดดเดี่ยวเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของครอบครัวแบบคาดไม่ถึง พระองค์ได้ย้ำเตือนพวกเราและสร้างแท่นบูชาของครอบครัวที่พวกเราได้ละเลยไปแสนนานกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ผ่านมาแล้วกว่าสองสัปดาห์นับตั้งแต่ฉันและครอบครัวได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับมาใช้ชีวิตปกติ จากประสบการณ์ในครั้งนี้พวกเราได้ตระหนักว่าพวกเราต้องการพระเจ้าในทุกๆ มิติของชีวิตมากแค่ไหน ดังนั้นพวกเราจึงกลับไปอธิษฐานขอการปกป้องจากพระเจ้าเหนือครอบครัวสองครั้งต่อวัน ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน และแม้ว่าพวกเราไม่รุ้ว่าการแพร่ระบาดจะจบลงเมื่อไหร่ พวกเรายังได้อธิษฐานครอบคลุมไปถึงคนใกล้ตัว ทั้งญาติๆ เพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ ของพวกเรา

ถึงเพื่อนๆ แม้ขณะที่พวกเรากำลังเฝ้าระวังและปฏิบัติตามสำหรับระเบียบการด้านสุขภาพเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 อย่าให้เราลืมที่จะเริ่มต้นและจบวันด้วยการอธิษฐาน การปฏิบัติตาม “ระเบียบการด้านสุขภาพ” โดยไม่มีพระเจ้านั้นเปล่าประโยชน์ เพราะในท้ายที่สุด ผู้ที่เสด็จไปข้างหน้าท่านคือพระยาห์เวห์ พระองค์สถิตอยู่กับท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ท่านล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 31:8)

YOU MAY ALSO LIKE

สรรเสริญวันสะบาโตด้วยการวางทุกสิ่งลง

สรรเสริญวันสะบาโตด้วยการวางทุกสิ่งลง

WRITER: จาเนล ไบเทนสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: Mustard Seed Team ในฤดูร้อนปี 2016 ครอบครัวของฉันขนข้าวของจากประเทศยูกันดาขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาเป็นเวลาหกเดือน ระหว่างจัดกระเป๋าสำหรับวันหยุดยาวนี้ ฉันมีความรู้สึกขัดแย้งบางอย่าง...

การบรรเทาอาการแพนิคของฉัน : นมัสการ

การบรรเทาอาการแพนิคของฉัน : นมัสการ

WRITER: ราเชล มอร์แลนด์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: ธนากร พูลสินกูล ฉันไม่มีทางลืมครั้งแรกที่ฉันเริ่มมีอาการตื่นตระหนกได้ (ความรู้สึกกลัวหรือไม่สบายใจอย่างมาก) เกิดขึ้นในปีที่ 2...

การฆ่าตัวตาย และ ปีศาจที่เรียกว่าภาวะซึมเศร้า

การฆ่าตัวตาย และ ปีศาจที่เรียกว่าภาวะซึมเศร้า

WRITER: มาร์ค สตอร์เมนเบิร์ก ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ผมทำบางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนคือ การที่ผมร้องไห้ให้กับนักแสดง ผมไม่ใช่คนที่คอยตามข่าวดาราหรือหมกมุ่นกับชีวิตของดาราฮอลลี่วู้ด...

Share This