
WRITER: ราฟาเอล จาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/EDITOR: ทิพย์สุพร ชาน
“ถ้ามันสำคัญสำหรับคุณ มันก็สำคัญสำหรับพระเจ้า” ผมอ่านข้อความนี้จากแม่เหล็กติดตู้เย็นของเพื่อน ตอนแรกที่ผมได้อ่านถ้อยคำเหล่านี้ที่บ้านเพื่อนเมื่อหลายปีก่อน ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกดี แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่ผมปล้ำสู้กับความหวังที่ไม่ประสบผลและความผิดหวังที่มีต่อพระเจ้า ผมก็เริ่มจะตั้งคำถามกับประโยคนี้อย่างจริงจัง
เมื่อผมอายุยังน้อย ผมต่อสู้อยู่กับปัญหาเรื่องความเหงาและอยากจะมีความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาวอย่างมาก ผมอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยครั้ง แต่ปีแล้วปีเล่าพระเจ้าก็ดูเหมือนจะไม่ตอบคำอธิษฐานของผมเสียที ไม่นานหลังจากนั้นผมก็สงสัยว่าพระเจ้าทรงใส่ใจในสิ่งที่สำคัญสำหรับผมหรือเปล่า
จะว่าไปแล้วพระองค์จะทรงให้เวลากับคนอย่างผมไปทำไม? หากเปรียบเทียบกับแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตัวผมและความปรารถนาเรื่องการมีแฟนของผมคงเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญเลยในสายพระเนตรของพระองค์เลย
ผมรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยสง่าราศี ทรงเป็นนิรันดร์และทรงงดงาม พระองค์ทรงเป็นจอมราชาและจอมเจ้านาย ประเสริฐกว่าสิ่งใดๆ ทั้งปวง แต่ผมซึ่งมาจากผงคลีดินและจะกลับไปเป็นผงคลีดิน เป็นเหมือนหญ้าที่จะเหี่ยวแห้งไปอย่างรวดเร็ว ทำไมพระเจ้าจะต้องใส่ใจผมและความปรารถนาของผมด้วยล่ะ?
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสงสัยและการต่อสู้ดิ้นรน พระคัมภีร์ข้อโปรดของผมในพระธรรมโยนาห์ก็จะผุดขึ้นมาอยู่เสมอ เหมือนกับว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับผม ในข้อความตอนท้ายของพระธรรมเล่มนี้ พระเจ้าตรัสถามโยนาห์ว่า “ไม่สมควรหรือที่เราจะห่วงใยนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพลเมืองมากกว่า 120,000 คน ผู้ไม่ทราบว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วย”(โยนาห์ 4:11)
พระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงสนใจในเรื่องใหญ่ๆ หรือเรื่องที่สำคัญๆ เท่านั้น พระองค์ยังทรงสนใจเรื่องที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญด้วย เช่น ชีวิตของสัตว์ มันทำให้ผมคิดว่าบางทีพระเจ้าก็อาจสนใจในสิ่งเล็กน้อยด้วยจริงๆ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่ผมได้อ่านพระคัมภีร์ ผมก็เริ่มจะมองหาตัวอย่างที่พระเจ้าทรงใส่ใจสิ่งเล็กน้อย
พระเจ้าทรงใส่ใจดวงดาวทุกดวง
คุณรู้หรือเปล่าว่าพระเจ้าไม่เพียงแค่ตัดสินใจว่าควรจะมีดาวกี่ดวงในจักรวาล แต่พระองค์ยังทรงเรียกดาวแต่ละดวงตามชื่อของมันด้วย? (สดุดี 147:4, อิสยาห์ 40:26) ราวกับว่าในขณะที่พระองค์ทรงสร้างดาวแต่ละดวงขึ้นนั้น พระเจ้าประทานความสนใจเป็นพิเศษให้กับดาวทุกดวง ทรงตั้งชื่อให้ดาวแต่ละดวงและทรงแนะนำทุกดวงให้โลกได้รู้จัก
ถ้านี่เป็นความสนใจที่พระเจ้าทรงทุ่มเทให้กับบรรดาดวงดาว แล้วความสนใจใกล้ชิดที่เปี่ยมไปด้วยความรักซึ่งพระเจ้าทรงมีให้เราล่ะจะขนาดไหน? พระคัมภีร์บอกกับเราว่าพระเจ้าจะประทานคำปรึกษาแก่เราและทรงเฝ้าดูเราอยู่(สดุดี 32:8) จะอย่างไรก็ตาม พระบิดาได้ทรงเลือกเราแต่ละคนอย่างเจาะจงให้เป็นบุตรของพระองค์ เพื่อที่เราจะถูกเรียกชื่อโดยพระนามของพระองค์(1 ยอห์น 3:1) ช่างเป็นความสุขใจที่เกินจินตนาการและเป็นเกียรติที่ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ!
พระเจ้าทรงใส่ใจสรรพสัตว์และพืชพรรณ
พระเยซูทรงเตือนใจเราในมัทธิว 10:29 ว่า “นกกระจาบสองตัวเขาขายหนึ่งอาส์ซาริอันไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่โปรด นกเหล่านั้นจะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว” ที่จริงพระเจ้าประทานความสนใจให้แม้แต่นกตัวเล็กๆ พระองค์ทรงใส่ใจในความเป็นความตายของพวกมันทุกตัว
พระเยซูยังทรงยืนยันกับเราอีกครั้งในมัทธิว 10:31 ว่า “เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว” หากพระเจ้าทรงใส่ใจมากพอที่จะเลี้ยงดูและดูแลแม้แต่สัตว์ที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆ พระเจ้าจะทรงดูแลเรามากกว่านั้นสักเท่าไร?
ยิ่งกว่านั้นพระเจ้ายังทรงตกแต่งบรรดาดอกไม้ในทุ่งอย่างงดงามยิ่งกว่ากษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยศักดิ์ศรีเสียอีก(มัทธิว 6:28-29) แม้ขณะที่ผมอาจรู้สึกว่าตัวเองเหมือนผงคลีดินอันต่ำต้อยหรือต้นหญ้าที่เดี๋ยวก็เหี่ยวแห้งตายไป ผมยังรู้สึกอุ่นใจได้จากความคิดที่ว่าถ้าพระเจ้าสามารถทำให้ต้นหญ้าในทุ่งงดงามได้เช่นนั้น แม้ว่าพวกมันจะเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ แน่นอนว่า พระองค์จะทรงเลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีเช่นกัน
พระเจ้าทรงใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
คุณเคยรู้หรือเปล่าว่าพระเจ้าทรงทำเสื้อผ้าให้อาดัมและเอวา?
หลังจากที่อาดัมและเอวาทำบาปต่อพระเจ้า พวกเขาก็ได้ปกปิดตัวเองด้วยใบมะเดื่อเพราะว่าอายที่ตนเองเปลือยกายอยู่(ปฐมกาล 3:7) อย่างไรก็ตาม เครื่องปกปิดกายของพวกเขาคงไม่ดีพอเป็นแน่เพราะว่าหลังจากนั้น “พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์มอบให้อาดัมและภรรยาของเขาสวมปกปิดกาย”(ปฐมกาล 3:21)
ถึงแม้ว่าพระเจ้าทรงขับไล่อาดัมและเอวาออกจากสวนเอเดนเพราะความผิดบาปของพวกเขา แต่พระองค์ก็ยังทรงจัดเตรียมสิ่งที่แข็งแรงทนทานไว้ให้พวกเขาใช้ปกปิดร่างกายตนเอง แล้วพระองค์จะไม่ทรงจัดเตรียมสิ่งที่แข็งแรงทนทานไว้ให้พวกเราในวันนี้หรือ?
เมื่อพระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารตลอด 40 ปี พระองค์ทรง “เลี้ยงดูเขาทั้งหลายในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี และเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย” ถึงจุดที่พระองค์ทรงมั่นใจได้ว่า เสื้อผ้าของเขาไม่ขาดวิ่นและเท้าของเขาไม่ได้บวม(เนหะมีย์ 9:21) ในทุกๆ วันพระเจ้าทรงปกป้องร่างกายของพวกเขาจากสิ่งรอบข้างและปกป้องไม่ให้เท้าของเขาบวม(เฉลยธรรมบัญญัติ 8:4, 29:5) แล้วพระองค์จะไม่ทรงสนใจและจัดการสิ่งที่เราเป็นกังวลในแต่ละวันหรอกหรือ?
พระเจ้าทรงใส่ใจสิ่งเล็กน้อยในชีวิตของเรา
พระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพและทรงสมควรได้รับการเทิดทูนทั้งสิ้นทั้งปวงจากชีวิตของผม แต่ผมยังตระหนักอีกว่าพระองค์ยังเป็นพระเจ้าที่ทรงละเอียดลออและใส่ใจในทุกรายละเอียดแม้แต่สิ่งที่เล็กน้อยที่สุดในชีวิตของผมด้วย
พระองค์ทรงนับจำนวนเส้นผมบนศีรษะของผม(มัทธิว 10:30-31) ผมชอบจิตนาการถึงภาพที่พระเจ้าทรงลูบศีรษะของผมอย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ นับเส้นผมของผมทีละเส้น พระเจ้าทรงรู้จักผมอย่างลึกซึ้งและทรงรักผมมากถึงขนาดนั้น
พระองค์ทรงรับรู้ถึงความทุกข์ยากของผมและทรงเก็บทุกหยดน้ำตาของผมใส่ขวดของพระองค์ไว้ (สดุดี 56:8) พระเจ้าทรงใส่ใจสิ่งที่ผมใส่ใจ พระองค์ทรงใส่ใจทุกอย่างที่ผมกังวลใจ และในวันหนึ่ง พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของผม(วิวรณ์ 21:4)
พระเจ้าทรงบอกเราว่า “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลยแต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบ ทุกสิ่ง ที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ”(ฟิลิปปี 4:6) นี่รวมถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรากระวนกระวายใจด้วย ข้อพระคัมภีร์นี้หนุนใจผมเพราะว่าผมมักจะเครียดกับเรื่องเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เรื่องทำงานส่งไม่ทันกำหนด จนไปถึงเรื่องพักผ่อนน้อย หากผมไม่ทันระวัง เรื่องเหล่านี้จะทำให้ผมกระวนกระวายใจ อย่างไรก็ตามผมจะรู้สึกสงบใจลงได้เมื่อเตือนตัวเองว่าพระเจ้าทรงใส่ใจผม ผมสามารถเชื่อและวางใจในพระองค์ได้ในทุกเรื่องของชีวิตไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องใหญ่หรือเล็ก
ผมเคยต่อสู้กับความรู้สึกที่ว่าถูกพระเจ้าลืม มันเหมือนกับว่า “ทางของข้าพเจ้าถูกปิดไว้จากพระยาห์เวห์และความยุติธรรมที่ควรเป็นของข้าพเจ้านั้นก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไป”(อิสยาห์ 40:27) แต่พระเจ้าทรงคอยยืนยันกับผมว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นนิตย์ พระองค์จะไม่ทรงเหนื่อยล้ากับการใส่ใจทุกเรื่องที่ผมกังวลใจ และไม่มีสิ่งใดในชีวิตของผมเลยที่พระเจ้าไม่ทรงเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมสามารถนำทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตมาวางไว้กับพระเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงสนใจทุกๆ รายละเอียดอันซับซ้อนในชีวิตของผม และหลักฐานที่สำคัญที่สุดก็คือการที่พระเจ้าทรงห่วงใยผม พระเยซูทรงเป็นพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลจิตวิญญาณของผม พระองค์จะทรงทิ้งแกะ 99 ตัว เพื่อตามหาผม พระองค์จะทรงขึ้นที่สูงและลงไปยังที่ลึก เดินทางไกลไปสุดขอบฟ้า และส่องสว่างในความมืดจนกว่าพระองค์จะทรงหาผมจนพบ(1 เปโตร 2:25, ลูกา 15:4, สดุดี 139:7-12)
นี่เป็นสิ่งเสริมสร้างความไว้วางใจที่ผมมีในพระองค์และช่วยให้ผมมีสันติสุขในชีวิตได้แม้ในขณะที่กำลังเผชิญความกังวลใจเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต
ถ้ามันสำคัญสำหรับคุณ มันก็สำคัญสำหรับพระเจ้า เพราะว่าทั้งคุณและผมสำคัญสำหรับพระเจ้า
YOU MAY ALSO LIKE
3 ความจริงที่จะช่วยให้เรารับมือกับอดีตได้ดีขึ้น
TRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: Mustard Seed TeamArtwork by : YMI“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) “อดีตก็คืออดีต” อย่างที่เขาพูดกัน...
5 วิธีที่ทำให้เรายังคงหยั่งรากลึกในพระคำของพระเจ้า
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: พันทนิน พัวบัณฑิตกุลEDITOR: MUSTARD SEED TEAM มีหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการอ่านพระวจนะของพระเจ้า บ่อยครั้ง เราคิดว่าเราไม่มีเวลา แต่บางทีเหตุผลที่จริงๆ คือ เรารู้สึกเหนื่อยและล้าเกินไปจากการทำงานและเหตุผลส่วนตัว...
งดดู Netflix ในช่วงเทศกาล Lent : การเดินทางเพื่อสัมผัสพระคุณของพระเจ้า
WRITER: เหว่ย (@alifepast25) ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team คุณคงเคยรู้สึกแบบนั้นเมื่อเปิดดูตอนหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์แล้วจู่ๆ ก็ผ่านไปสี่ชั่วโมง...