ความรู้สึกผิดและความคาดหวัง
ทุกวันนี้หลายคนจะรู้สึกผิดและดำเนินชีวิตเหมือนถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกผิด เมื่อไม่อาจทำให้ผู้อื่นพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้ หลายคนที่ว่านี้อาจเป็นเพื่อนซึ่งไม่เคยกล้าปฏิเสธ สามีหรือภรรยาซึ่งถูกอีกฝ่ายทำร้าย พ่อแม่หรือพนักงานที่หมดไฟ หรือผู้ใหญ่ซึ่งไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สมควรที่จะดำเนินชีวิตโดยรู้สึกผิดจากการที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน ซึ่งอาจทำให้หมดแรงกาย แรงใจ รวมไปถึงจิตวิญญาณ ทั้งยังตกเป็นทาสความคิดเห็นของผู้อื่น ในที่สุดแล้วความคิดเห็นเหล่านั้นจะขัดขวางไม่ให้เราดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่จากตัวเอง ครอบครัว และสังคม
ทุกคนดำเนินชีวิตตามความคาดหวังที่มักจะไม่ได้มีเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่รับรู้กันได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงความคาดหวังจากตนเอง ความคาดหวังจากครอบครัว และความคาดหวังจากสังคม ความรู้สึกผิดเมื่อรู้สึกว่า ตนเองไม่เอาไหน ไปไม่ถึงมาตรฐานที่วางไว้ อาจเป็นอันตรายเพราะนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงหลายอย่าง เช่น ความพยายามทำให้ผู้อื่นพอใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ การใช้สารเสพติด ความนิยมความสมบูรณ์แบบ ความเครียด และความสัมพันธ์ที่ภายนอกดูดีแต่ภายในย่ำแย่
หรืออาจกล่าวได้ว่า เมื่อพยายามอย่างหนักที่จะบรรลุความคาดหวัง ใจของเราอาจจะเป็น (1) ใจหวาดกลัว เมื่อต้องทำให้ผู้อื่นพอใจมักมาจากความกลัวว่าผู้อื่นจะปฏิเสธหรือไม่ยอมรับ หรือ (2) ใจกระหาย เมื่อลึกๆ แล้ว เรากระหายอยากให้ผู้อื่นยอมรับหรือชื่นชมอยู่เรื่อยๆ
เรากำลังทำให้พระเจ้าพอพระทัยหรือกำลังเอาใจผู้อื่น
แท้จริงแล้วปัญหาคือการที่เราพึ่งพาพระจอมปลอม แทนที่จะพึ่งพาพระเจ้าในพระคัมภีร์ พระจอมปลอมนั้นคือบุคคลที่เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีมากกว่าพระเจ้าเสียอีก การทำให้ผู้อื่นพอใจเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อให้ตนเองได้รับการปกป้อง แทนที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยเป็นตัวอย่างของการวางใจในผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พระเจ้าเท่านั้นจะประทานให้ได้ ซึ่งคือการยอมรับและชื่นชม
ด้วยกำลังและวิธีของเราเองในการรับมือ (เช่น การปฏิเสธ) เราอาจพยายามปกปิดความเป็นตัวเองหรือปรับปรุงตัวเพื่อเอาใจผู้อื่น แต่โดยความจริงของพระเจ้าและการให้อภัยของพระองค์ เรามีเสรีภาพในการดำเนินชีวิตและเสรีภาพในการแสดงความรู้สึกแท้จริงและความคิดเห็นของเรา
เสรีภาพที่จะปฏิเสธในบางครั้ง
เสรีภาพนี้รวมไปถึงเสรีภาพที่จะปฏิเสธ “เมื่อเราอาจไม่กล้าพูดปฏิเสธออกไป” และถ้าพูดออกไป ก็จะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น แน่นอนว่าการปฏิเสธด้วยท่าที “ฉันไม่แคร์ว่าใครจะคิดอย่างไร” ไม่ใช่สิ่งถูกต้อง เปาโลเขียนไว้ว่า เราไม่ควรใช้เสรีภาพของเราทำตามเนื้อหนัง แต่ควร “รับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด” (กาลาเทีย 5:13)
เมื่อทำเช่นนั้น เราได้อุทิศตัวในลักษณะที่กระทบชีวิตผู้อื่นเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ยิ่งเราได้ชิมรสหอมหวานจากการดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราในพระคริสต์มากขึ้นเท่าไหร่ เราจะยิ่งตื่นเต้นที่มีโอกาสเลียนแบบพระองค์ (เอเฟซัส 5:1–2) และสำแดงเสรีภาพในการดำเนินชีวิตอย่างผู้ที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ในชีวิตเรามากขึ้นเท่านั้น
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)