
WRITER: เจ. คูน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: นามระพี พีระมาน
ฉันนอนคว่ำอยู่บนเตียง หมอนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เสียงจิ้งหรีดร้องระงมอยู่ในความมืดที่ปกคลุมอยู่ภายนอกหน้าต่าง ฉันดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง อยากจะกันตัวเองออกจากโลกภายนอก ฉันไม่อยากให้ใครเข้ามารับรู้ความทุกข์ของฉัน
เรามีปัญหากันมาสักพักแล้ว แต่ฉันก็พยายามจะยื้อเก็บความสัมพันธ์ที่กำลังพังทลายนี้ไว้ เขาเริ่มเหนื่อยล้า และตอนนี้เขาก็ยอมแพ้กับความสัมพันธ์ของเราไปแล้ว ในขณะที่ฉันกำลังทำใจกับการเลิกราครั้งนี้ ฉันไม่ได้เพียงแต่โศกเศร้ากับความสัมพันธ์ที่จบลงไปเท่านั้น แต่ยังเสียใจที่ความหวังจะร่วมชีวิตกันได้ดับลงไปด้วย ความฝัน ความหวัง และแผนการทั้งหลายที่วางไว้เหมือนเป็นปราสาททรายที่ถูกลมพัดปลิวหายไปในพริบตา แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ฉันกลับต้องมาเผชิญภาพที่ว่าฉันต้องอยู่ด้วยตัวเองอีกครั้ง
“พระเจ้าคะนี่มันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับลูกด้วย? ลูกรับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อ ลูกพยายามอย่างดีที่สุดในการเชื่อฟังพระองค์ ลูกถึงขนาดไม่คบกับคนต่างความเชื่อ ทำตามพระคัมภีร์ทุกอย่าง แล้วทำไมถึงต้องเป็นลูกคะพระเจ้า?”
คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม? เรารู้ว่าเราคือลูกของพระเจ้า ได้รับการไถ่โดยพระคุณ แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นและเราร้องเรียกหาพระเจ้าอย่างสิ้นหวัง เรารู้สึกเหมือนว่าชีวิตนี้ไม่ยุติธรรม
การที่เราอยู่บนโลกนี้แต่ไม่ได้เป็นของโลก เราจึงไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อผลของความบาปเลยขณะที่เรายังอยู่บนโลกนี้ บางครั้งเราอาจทนทุกข์เพราะการกระทำของเราเองหรือเพราะความบาป หลายครั้งชาวคริสต์ก็ประสบกับความทุกข์จากการถูกข่มเหงเนื่องจากความเชื่อและความทุ่มเทที่มีให้กับพระคริสต์ มันเป็นเหมือนตลกร้ายที่การทำสิ่งที่ถูกต้องอาจจะนำเราไปเจอกับผลลัพธ์ซึ่งเป็นลบได้แต่บรรดาช่วงเวลายากลำบากที่เราเผชิญก็สามารถเป็นเครื่องเตือนใจเราได้ว่า เราเป็นแค่ผู้ที่ผ่านมาอาศัยอยู่บนโลกที่ตกสู่ความบาปนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และเรายังมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่ารอเราอยู่ข้างหน้าด้วย
“พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขาทั้งหลายและความตายจะไม่มีอีกต่อไปความโศกเศร้าการร้องไห้และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไปเพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว”(วิวรณ์ 21:4)
เราอาจจะไม่เข้าใจพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้าในเรื่องความเจ็บปวดและการทนทุกข์ของเรา แต่เราสามารถรับการปลอบประโลมใจได้จากความจริงที่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ เรามีพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงมีประสบการณ์การบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงผ่านความโศกเศร้าและความสุขสันต์ในชีวิตมนุษย์มาแล้ว เรามีพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงแบกรับความบาปของเราไว้ โดยพระองค์ทรงยอมทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงห่างเหินอยู่ไกลที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด
“ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน”(อิสยาห์ 53:3)
พวกเราจำเป็นต้องไว้วางใจและเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักพระองค์นี้ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อมากที่พระเจ้าซึ่งเป็นองค์พระบิดาบนสวรรค์ของเรา ทรงมีแผนการและจุดประสงค์ในชีวิตของเราทุกคน ในความจำกัดของมนุษย์ เราอาจจะไม่เข้าใจการทรงงานของพระเจ้าผู้ไม่มีขีดจำกัด แต่ตราบเท่าที่เราเข้าใจว่าพระองค์ทรงคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเราเสมอ เราก็สามารถจะไว้วางใจพระองค์ได้ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดที่เรากำลังเผชิญก็ตาม ความจริงแล้ว หลายครั้งที่เราเผชิญความทุกข์ยาก มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราเติบโต มีสติปัญญาและประสบการณ์มากขึ้น พวกเราจำเป็นที่จะต้องเชื่อวางใจและเชื่อฟังพระองค์เมื่อมีความยากลำบากเกิดขึ้นในชีวิต
“เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”(โรม 8:28)
ในคืนนั้นที่ฉันร้องไห้กับพระเจ้า ฉันสัมผัสถึงการทรงสถิตอันเล้าโลมใจของพระองค์เต็มเปี่ยมไปทั้งห้อง และฉันก็ได้รับการเตือนใจว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ช่วงเวลาสองปีถัดมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเลย และมันก็ยากที่จะเชื่อฟังพระเจ้าและมอบถวายชีวิตของฉันให้กับพระองค์
โดยพระคุณพระเจ้า ฤดูกาลแห่งความโสดครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ฉันได้ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้นและเรียนรู้ที่จะเชื่อวางใจในพระองค์ ถึงแม้เพื่อนรอบข้างจะเห็นว่า ฉันโง่ที่ไม่ทำตามแบบวิถีของโลกก็ตาม
ในเวลาที่ยากลำบากพระเจ้าทำให้ฉันรู้ว่าการทรงสถิตของพระองค์เป็นสิ่งกำหนดชีวิตที่ได้รับพระพรอย่างแท้จริง ฉันซาบซึ้งที่การดูแลและจัดเตรียมของพระเจ้าได้นำพาผู้ที่มีความเชื่อเดียวกันเข้ามาสู่ชีวิตของฉันหลังจากนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ฉันรู้สึกขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงสอนให้ฉันฝากความหวังสูงสุดของฉันไว้กับพระองค์เท่านั้น แทนที่จะฝากไว้กับมนุษย์หรือสถานการณ์
วันนี้คุณกำลังรู้สึกเศร้าหรืออกหักอยู่หรือเปล่า? ขอให้อุ่นใจและรู้ว่า เรามีพระบิดาบนฟ้าสวรรค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งหรือละเลยเรา จงร้องหาและเชื่อวางใจในพระองค์ เพราะอนาคตของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
YOU MAY ALSO LIKE
3 ความจริงที่จะช่วยให้เรารับมือกับอดีตได้ดีขึ้น
TRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: Mustard Seed TeamArtwork by : YMI“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) “อดีตก็คืออดีต” อย่างที่เขาพูดกัน...
5 วิธีที่ทำให้เรายังคงหยั่งรากลึกในพระคำของพระเจ้า
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: พันทนิน พัวบัณฑิตกุลEDITOR: MUSTARD SEED TEAM มีหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการอ่านพระวจนะของพระเจ้า บ่อยครั้ง เราคิดว่าเราไม่มีเวลา แต่บางทีเหตุผลที่จริงๆ คือ เรารู้สึกเหนื่อยและล้าเกินไปจากการทำงานและเหตุผลส่วนตัว...
งดดู Netflix ในช่วงเทศกาล Lent : การเดินทางเพื่อสัมผัสพระคุณของพระเจ้า
WRITER: เหว่ย (@alifepast25) ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team คุณคงเคยรู้สึกแบบนั้นเมื่อเปิดดูตอนหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์แล้วจู่ๆ ก็ผ่านไปสี่ชั่วโมง...