WRITER: เมเคย์ลา บิสสัน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: Mustard Seed Team
มันเริ่มจากการที่ฉันเฝ้าเดี่ยวเป็นกิจวัตรประจำวัน ฉันทำเป็นประจำทุกเช้าหรือพยายามจะทำ… บ่อยครั้งที่ฉันกดปุ่มสนูซในโทรศัพท์ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้น (เพื่อที่จะนอนต่อ) พอถึงเวลาที่ต้องตื่นจริงๆ ฉันก็ต้องรีบ จึงทำให้การเฝ้าเดี่ยวต้องข้ามไปก่อน ถ้าหากฉันไม่เฝ้าเดี่ยวเป็นประจำและศึกษาพระวจนะคำในตอนเช้า ฉันกำลังจะพลาดอะไรบางอย่างในแง่ของการให้คุณค่าและความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความผิดครั้งที่ 1
เมื่อฉันทำงาน ฉันเช็คอีเมลและพบว่าฉันพลาดกำหนดส่งงาน มันแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนและความล้มเหลวของฉัน ข้อบกพร่องเหล่านี้จะทำให้ฉันถูกวัดจากสายตาของพระเจ้าอย่างไร ความผิดครั้งที่ 2
เมื่อฉันเล่นฟุตบอลหลังเลิกงาน ฉันบังเอิญพ่นคำหยาบออกกลางสนามจึงทำให้พลาดโอกาสที่จะประกาศกับเพื่อนที่ยังไม่เป็นคริสเตียน เพราะการละเลยเล็กๆ เหล่านี้พระเจ้าจะทรงคิดอย่างไรกับฉัน? ความรอดของฉันจะปรากฎท่ามกลางความบาปเหล่านี้ได้อย่างไร? ความผิดครั้งที่ 3
หนึ่งในหัวข้อประจำใจของฉันคือมุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์แบบ ฉันมุ่งมั่นในเรื่องของการเรียน พยายามอย่างดีที่สุดในการเรียนเรื่องคำสอน และต้องดีเลิศในการเล่นกีฬา ตัวตนของฉันในหลายด้านขึ้นชื่อว่า “ดี” ฉันเคยอยู่ในช่วงชีวิตต่างๆ แม้กระทั่งวันนี้ฉันยังคงปล่อยให้ตัวตนของฉันเองสับสนในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าฉันจะไปทำงาน หรือถึงเวลากำหนดส่งงาน หรือฉันจะช่วยคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร สมองของฉันก็ยังคงบอกต่อเนื่องว่า “ไปเลย ไปเลย ไปเลย ทำสิ่งนั้นแหละ แล้วฉันจะได้รับรางวัล ฉันจะโดดเด่น ฉันจะดีเลิศ” และฉันชอบการเป็นคนที่ดีเลิศด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าพอๆ กับความผิดที่เริ่มสะสมขึ้นเรื่อย
สมองของฉันก็ยังคงบอกต่อเนื่องว่า “ไปเลย ไปเลย ไปเลย ทำสิ่งนั้นแหละ แล้วฉันจะได้รับรางวัล ฉันจะโดดเด่น ฉันจะดีเลิศ”
แต่พระเจ้าทรงสื่อสารต่างออกไป พระวจนะคำที่ฉันเลือกเมื่อต้องเปิดเผยความเชื่อต่อหน้าคริสตจักรของฉัน ในพระธรรมยอห์น 15:16 กล่าวไว้ว่าพระเจ้าทรงเลือกฉัน แม้ว่าฉันเป็นคนบาป แม้ว่าฉันมุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์แบบและล้มเหลวก็ตาม
สถานที่ที่ฉันได้ยินพระเจ้าตรัสอย่างดังที่สุดก็คือในคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ ในคริสตจักรนั้น ฉันสามารถเข้ามาอย่างที่ฉันเป็น ฉันไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะเป็นคนสมบูรณ์แบบ ฉันสามารถเป็นคนที่ยุ่งเหยิงหรือเต็มไปด้วยคำถามก็ได้ แต่พระเจ้าก็ยังรักฉันเหมือนเดิม เหมือนในทุกสัปดาห์ ฉันได้รับการเตือนใจว่าความผิดได้ถูกชำระล้างไปหมดแล้ว และฉันเป็นผู้ชนะ! พระเจ้าทรงชำระฉันทั้งหมด เพื่อให้ฉันสามารถใช้เวลาชั่วนิรันดร์อยู่กับพระองค์บนสวรรค์
แต่แล้ววันจันทร์ก็วนกลับมาอีกครั้ง และฉันยังคงทำงานหนักเพื่อเพิ่มคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง ทำไมฉันไม่จำข้อความของเช้าวันอาทิตย์ให้ชัดเจนมากขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์กันนะ?
ฉันไม่รู้คำตอบที่ถูกต้องสำหรับคำถามนี้ แต่ฉันเริ่มสังเกตว่าพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทั้งวัน เมื่อเอลียาห์ค้นหาการปรากฏของพระเจ้า เขาไม่ได้พบพระเจ้าในลักษณะของสายลม แผ่นดินไหว หรือไฟ แต่เป็นเสียงกระซิบเบาๆ (1 พงศ์กษัตริย์ 19:12) สิ่งนี้หนุนใจฉันว่าพระเจ้าจะพูดกับฉันผ่านเสียงกระซิบได้อย่างไร อาจเป็นคำหนุนใจจากเพื่อนร่วมงานหรือการได้รับคำอธิษฐานจากเพื่อนที่ฉันพูดคุยในวันนั้น
แม้ว่าฉันยังคงเริ่มวันใหม่ด้วยการเฝ้าเดี่ยวเป็นประจำ ฉันพยายามมองว่าเป็นเวลาที่ฉันนั่งอยู่กับพระเจ้า เป็นเวลาที่ฉันได้เตรียมตัวเองในการฟังและติดตามพระองค์อย่างชัดเจนมากขึ้นตลอดทั้งวัน ไม่ใช่หมายถึงการที่จะต้องทำตามรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่เป็นเวลาที่มีคุณภาพกับพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน ผู้ซึ่งไม่ตัดสินฉันว่าฉันจะตื่นสาย
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า (เอเฟซัส 2:8)
และเมื่อฉันกลับไปทำงาน ไปเช็คอีเมล และค้นพบว่าฉันพลาดกำหนดส่งงาน ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และระลึกถึงพระคุณที่ฉันสามารถมีให้แก่ตัวเองได้เพราะพระคุณของพระเจ้า
แต่ถ้าเป็นทางพระคุณ ก็ไม่ได้เป็นทางการประพฤติ (โรม 11:6)
หลังเลิกงาน เมื่อฉันไปเล่นฟุตบอลและบังเอิญพูดคำหยาบคาย หรือฉันพลาดโอกาสที่จะประกาศกับเพื่อนที่ยังไม่เป็นคริสเตียน ฉันระลึกได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ความรักของพระเจ้ามัวหมองไปจากฉัน และด้วยพระคุณอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ที่มอบให้แก่ฉันแม้ว่าจะทำพลาดไปก็ตาม
เพราะเราได้รับพระคุณซ้อนพระคุณจากความบริบูรณ์ของพระองค์ (ยอห์น 1:16)
เมื่อฉันเปลี่ยนมุมมองจากการเป็น “คนสมบูรณ์แบบ” สู่การเป็น “ความรักสมบูรณ์แบบของพระเจ้าที่ช่วยฉันให้ไม่ต้องพยายามเป็นคนสมบูรณ์แบบ” ความเหนื่อยล้าที่เคยมีกลายเป็นกำลังที่เข็มแข็งขึ้นใหม่ มุมมองนี้หมายถึง ฉันไม่ต้องหนักใจกับความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ทำทุกอย่างให้ออกมาให้สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการที่ฉันไม่ต้องแบกภาระและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระในความหวังจากพันธสัญญาของพระเยซูคริสต์
มันมีอิสระในการรู้ว่าฉันจะเกิดผลกับพระองค์ (ยอห์น 15:5) ไม่ใช่เพราะการกระทำของฉัน ความอ่อนแอรวมถึงความเข็มแข็งต่างๆของฉันกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพระเจ้า ไม่ว่าแผนการจะเป็นไปอย่างไรก็แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ฉันรอดโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...