WRITER: แองนิส ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์
EDITOR: พิม
ผู้จัดการแผนกของฉันเพิ่งเข้าร่วมอบรมหลักสูตรบุคลิกภาพ DISC และอยากทำให้พวกเราทำแบบทดสอบด้วย เป้าหมายของเธอคืออยากให้พวกเราเรียนรู้ถึงสไตล์การทำงานของกันและกัน เพื่อการทำงานเป็นทีมที่ดีขึ้น
คะแนน DISC ของเธอเป็นไงบ้าง? เพื่อนร่วมงานถามฉัน
“ฉันได้ S” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้มเพื่อพยายามซ่อนความผิดหวังของตัวเอง
“S” ผู้สนับสนุน (Supportive) สิ่งนี้หมายความว่าฉันคือคนที่มีแนวโน้มที่จะรับบทบาทผู้สนับสนุนได้ดีกว่าบทบาทผู้นำ คือฉันมักจะอยู่ฝ่ายที่เห็นด้วยกับผู้อื่นและชอบที่จะทำตามมากกว่านำ เมื่อฉันค้นดูหัวใจของตัวเอง ฉันรู้ว่าธรรมชาติแล้วฉันมักเป็นฝ่ายตั้งรับและเห็นคุณค่าของความสามัคคี และฉันไม่ปรารถนาที่จะนำจริงๆ
ผู้คนมักบอกฉันว่า “เธอต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้นะ” “เธอต้องปรับตัวให้มากขึ้น จะเป็นผู้ตามตลอดไม่ได้หรอกนะ
แม้ว่าถ้อยคำเหล่านี้ถูกพูดขึ้นด้วยความหวังดี เพื่อหนุนใจให้ฉันก้าวออกจากตัวเองและประสบความสำเร็จในบทบาทอื่นๆ ในสังคม แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
แม้ว่าแบบทดสอบบุคลิกภาพจะไม่ได้มีไว้เพื่อเปรียบเทียบหรือตำหนิกัน แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจอยู่ดี มันทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ชื่นชมความเป็นผู้นำ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลและประสบความสำเร็จทั้งหลาย แน่นอนว่ามันทำให้รู้สึกว่าบรรดาผู้ตามถูกมองว่าเป็นคนที่มีความสามารถด้อยกว่า
อย่างเช่นที่ทำงานเก่าของฉัน ฉันมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสำคัญเพราะที่นั่นมักจะให้โอกาสคนระดับผู้จัดการเข้าร่วมการอบรมพัฒนาต่างๆ ในขณะที่ระดับปฏิบัติงานอย่างฉันถูกคาดหวังเพียงแค่ให้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ซึ่งต่างจากระดับผู้จัดการ เราไม่ค่อยได้รับโอกาสทางการเติบโตในหน้าที่การงานสักเท่าไหร่
ฉันต้องต่อสู้อย่างหนักและรู้สึกต่ำต้อยเมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับบุคลิกภาพด้านอื่นๆ ทำไมชีวิตฉันถึงไม่มีบุคลิกที่เอื้อให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้? แต่ฉันจำคำเทศนาที่ฉันเคยได้ยิน ที่ศิษยาภิบาลเตือนเราว่า ขณะเราติดตามพระคริสต์ เราไม่ควรลอกเลียนแบบตามอย่างของโลกนี้ แต่เราควรให้พระวจนะของพระเจ้าฟื้นฟูจิตใจและเปลี่ยนแปลงความคิดของเรา (โรม 12:2ก)
เมื่อฉันหันไปจากพระเจ้าและโฟกัสไปในสิ่งที่โลกคาดหวัง เป็นเรื่องง่ายมากที่ฉันจะลืมวัตถุประสงค์ของพระเจ้าสำหรับฉันและเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
แต่เมื่อฉันปรับมุมมองของฉันให้ตรงกับพระเจ้า ฉันก็ตระหนักได้ว่าไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะตัวตนของฉันถูกพบแล้วในพระคริสต์ และเหมือนที่เปาโลกล่าวในพระธรรม 1 โครินธ์ 12:18-19 “แต่พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์ ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน”
พระองค์ประทานบุคลิกภาพของฉันเพื่อสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ (อิสยาห์ 43:7) นิยามความสำเร็จของพระเจ้าต่างจากของโลก คือการทำในสิ่งที่พระองค์อยากให้ฉันทำและเป็นในแบบที่พระองค์อยากให้ฉันเป็น การอยู่ในพระคริสต์และยอมจำนนในเรื่องบุคลิกของฉันทำให้พระเจ้าทำงานผ่านชีวิตของฉันได้ เพื่อเตรียมฉันให้พร้อมต่อการดีและวัตถุประสงค์ที่พระองค์มีไว้เพื่อฉัน (เอเฟซัส 2:20)
ตั้งแต่นั้นฉันก็เรียนรู้ที่จะให้พระองค์เปิดเผยกับฉันว่า ฉันจะใช้บุคลิก “S” ของฉันเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ได้อย่างไร และนี่ก็คือสิ่งที่ฉันค้นพบในการเป็น “S” นั้น ฉันให้น้ำหนักกับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมาก ฉันหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และเมื่อมันเกิดขึ้นฉันก็พยายามจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แทนที่จะยอมให้ความเข้าใจผิดงอกเงยเป็นความโกรธเคืองหรือความขมขื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ใหญ่กว่า ฉันตั้งใจที่จะแก้ไขความขัดแย้ง นำการอภัย และสร้างสันติสุข การได้รู้ว่าพระคัมภีร์สั่งให้เราเป็นผู้สร้างสันติในมัทธิว 5:9 “บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร” ทำให้ฉันเห็นวิธีที่ฉันจะสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้
ในที่ทำงาน ฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะมองตัวเองในมุมที่ต่างออกไป แทนที่จะเรียกร้องการได้ควบคุม ฉันมักจะทุ่มสุดใจเพื่อสนับสนุนเพื่อนร่วมงานหรือสิ่งที่หัวหน้าต้องการอย่างเต็มที่จากหน้าที่ของฉัน สิ่งนี้ทำให้เราทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดียิ่งขึ้น เพราะฉันไม่ได้ชิงดีชิงเด่นเพื่อตำแหน่งจากการทำงาน เพื่อนร่วมงานจึงรู้สึกสบายใจในการทำงานร่วมกับฉัน เพื่อนๆ บอกด้วยว่าฉันมักเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอในเวลาที่พวกเขาเผชิญเรื่องท้าทาย
ด้วยความเชื่อที่หยั่งรากลึกและทอดสมออย่างมั่นคงในพระคริสต์ ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะมีความสุขและมีพลังในการเป็น “S”
ประสบการณ์ที่แตกต่างเหล่านี้ยังช่วยเตือนให้ฉันรู้ว่า ไม่ว่าบทบาทหรือบุคลิกภาพแบบไหนก็สามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ เมื่อเราแสวงหาสติปัญญาและกำลังจากพระคริสต์ และทำในสิ่งที่พระองค์พอพระทัยในทุกที่ ที่พระองค์วางเราไว้ ในพระธรรมยอห์น 15:5 เขียนไว้ว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...