WRITER: คิม ชอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ฤกษ์สิน เขมสุนทร
EDITOR: พักตร์วดี คะนึงไกวัล
เมื่อคืนวันอาทิตย์ฉันป่วยเป็นไข้หวัดค่อนข้างหนัก เวลาประมาณสามทุ่มฉันก็รู้สึกง่วงอย่างรวดเร็ว จึงเตรียมตัวเพื่อจะเข้านอนและก็ซุกตัวนอนอยู่บนเตียงตั้งแต่ก่อนสี่ทุ่ม
ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็จะได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มเสียที เพราะช่วงเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาฉันนอนน้อยมาตลอด แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นคืนที่ฉันนอนไม่หลับเลย
ฉันพลิกตัวกลับไปมาอยู่หลายหน ร่างกายของฉันเริ่มเหนื่อยล้าอยากจะนอน แต่ความคิดของฉันกลับยิ่งตื่นขึ้น ความคิดหลายๆ อย่างผุดขึ้นมาในหัวและฉันก็เริ่มกระวนกระวายใจ
ฉันพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคิด แต่มันกลับถูกบดบังด้วยความกังวลใจหลายเรื่องแทน และต่อมาความกระวนกระวายใจนั้นก็กลายเป็นความตื่นตกใจกลัว เพราะมีหลายเรื่องที่ฉันจะต้องทำในสัปดาห์นี้ ฉันจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ฉันจะมานอนไม่หลับแบบนี้ไม่ได้
หลังจากที่พลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียงจนนับครั้งไม่ถ้วน ฉันก็ลุกขึ้นมองดูนาฬิกา มันใกล้จะตีหนึ่งแล้ว ฉันยิ่งรู้สึกกระวนกระวายหนักเข้าไปอีก
ฉันพยายามที่จะหลับให้ได้อีกครั้งและก็เป็นอีกครั้งที่ไม่สำเร็จ เมื่อฉันลุกขึ้นมาดูนาฬิกาอีกที มันก็เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะสติแตก
ฉันไม่เคยมีอาการนอนหลับยากแบบนี้มาก่อน มันเหมือนกับว่าฉันรู้สึกได้ถึงกิจกรรมทุกๆ อย่างในเซลล์สมองของฉัน ถึงแม้ว่าร่างกายของฉันจะอยู่ในภาวะที่อ่อนล้ามาก แต่สติของฉันนั้นไม่ยอมหยุดพัก ในความสิ้นหวังตรงนั้นฉันก็เริ่มอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยฉันด้วย ฉันร้องขอต่อพระองค์เป็นเวลานาน แต่ไม่ได้ยินคำตอบใดๆ
ความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาปกคลุมตัวฉัน ฉันเริ่มสงสัยว่าพระเจ้าทิ้งฉันไปแล้ว
ฉันแทบจะหายใจไม่ออกจากความทุกข์ทรมานที่นอนไม่หลับ รวมกับความเหนื่อยล้าทางกายจากการเป็นไข้หวัดอีก แต่ที่เจ็บปวดมากกว่านั้นก็คือการที่รู้สึกว่าพระเจ้าได้ทอดทิ้งฉันไปแล้ว
ฉันนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ในใจฉันสงสัยว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหน? ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งฉันไป?
หลังจากนั้นเป็นเวลานานทีเดียว ฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาดู มันเป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว ฉันเปิดแอปพลิเคชัน We Chat และก็เขียนลงไปว่า… เวลาที่เรานอนไม่หลับเท่านั้น เราถึงจะตระหนักว่าการนอนหลับได้คือของขวัญ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตลอดทั้งคืนฉันไม่สามารถนอนหลับได้เลยแม้แต่นาทีเดียว และมันก็เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดได้ว่า ทุกครั้งที่ได้นอนหลับนั่นคือพระพร
ฉันมักจะไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการนอนหลับ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าการนอนหลับได้นั้นเป็นของขวัญ แต่หลังจากวันที่ต้องต่อสู้กับการนอนไม่หลับที่แสนทรมานนั้นสองสัปดาห์ เมื่อฉันมองย้อนกลับไป ฉันก็ตระหนักว่ามันคือพระพรจากพระเจ้า
มี 3 บทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ครั้งนี้
1. ฉันเรียนรู้จักการขอบพระคุณ
บทเรียนที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับจากคืนที่นอนไม่หลับนี้ คือ การนอนหลับได้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม ฉันเริ่มต้นขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันที่สามารถนอนหลับได้ ฉันยังตระหนักด้วยว่ามีหลายสิ่งในชีวิตที่ฉันได้รับมาโดยไม่ได้เห็นคุณค่าของมัน เช่น ความสามารถในการมองเห็น ความสามารถในการได้ยิน ความสามารถในการวิ่งแข่งระยะไกล เป็นต้น ฉันไม่เคยขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งเหล่านี้มาก่อน ในทางกลับกันถ้าฉันรู้สึกไม่พอใจเพียงเล็กน้อย ฉันก็จะเริ่มบ่นต่อว่าพระเจ้า ฉันคิดว่าฉันสมควรได้รับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ฉันคิดแต่เพียงว่าถ้าฉันได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ ฉันก็จะมีความสุขมากกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม ทุกสิ่งที่ดีและสวยงามในโลกใบนี้ คือ พระคุณของพระเจ้าที่ให้ฉันมาเปล่าๆ และหัวใจที่ไม่รู้จักขอบพระคุณได้ขโมยความชื่นชมยินดีไปจากฉัน และทำให้ฉันตกอยู่ในความสงสารตัวเองและความขมขื่น
2. ฉันค้นพบว่าการควบคุมของฉันมีข้อจำกัด
ประสบการณ์การนอนไม่หลับนี้ ยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงความปรารถนาที่ฉันต้องการจะควบคุม ฉันคิดว่าฉันสามารถจะนอนหลับอย่างเต็มที่ได้ วางแผนงานตลอดทั้งสัปดาห์ได้ และทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผน แต่เมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น ฉันก็จะรู้สึกหงุดหงิดมาก รู้สึกแม้กระทั่งผิดหวังกับพระเจ้า และฉันก็ลืมไปว่าพระองค์ต่างหากที่เป็นผู้ควบคุมทุกส่วนในชีวิตของฉัน
นกกระจาบสองตัวเขาขายหนึ่งอาส์ซาริอันไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่โปรด นกเหล่านั้นจะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น (มัทธิว 10:29-30)
เมื่อฉันสำรวจจิตใจของตัวเอง ฉันพบว่าขณะที่ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ยอมทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าได้ในทุกๆเรื่อง แต่ความเป็นจริงแล้วฉันต้องการควบคุมทุกอย่างในชีวิตของฉันเอง ตั้งแต่การจัดการกับชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการวางแผนการแต่งงาน ไม่มีแม้แต่สักสิ่งเดียวที่ฉันจะยอมให้พระเจ้าควบคุมอย่างแท้จริง
ครั้งหนึ่งฉันได้ฟังชุดคำเทศนาในหัวข้อรูปเคารพ ในคำเทศนานั้น ศิษยาภิบาลได้กล่าวถึงรูปเคารพอย่างหนึ่งที่เรานมัสการ นั่นก็คือ “การควบคุม” ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า พระเจ้าทรงเปิดเผยความบาปเรื่องการควบคุมของฉันผ่านประสบการณ์เรื่องนอนไม่หลับ
3. ฉันพบว่าความเข้าใจในพระเจ้าของฉันนั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึก
เพราะว่าการร้องคร่ำครวญของฉันไม่ได้รับคำตอบในค่ำคืนอันแสนทรมานจากการนอนไม่หลับ ฉันถูกกลืนกินโดยความสิ้นหวังว่า “ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง” และฉันก็ร้องไห้อยู่นานมาก แต่พระสัญญาของพระเจ้าสำหรับฉันนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจนในพระวจนะว่า พระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งฉัน “สารพัดที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และคนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย” (ยอห์น 6:37)
เมื่อฉันอาศัยความรู้สึกของฉันอย่างเดียว ความเชื่อและอารมณ์ของฉันก็ไม่มั่นคง
พระเจ้าต้องการให้เราเชื่อวางใจในพระองค์บนพื้นฐานของพระวจนะ ไม่ใช่บนพื้นฐานของความรู้สึกที่ไม่มั่นคง
พระองค์ไม่ได้สถิตอยู่เพียงแค่ตอนที่ฉันรู้สึกว่าพระองค์อยู่ด้วยเท่านั้น แต่พระองค์อยู่กับฉันเสมอตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ ถึงแม้ว่าบางครั้งในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดฉันจะไม่รู้สึกว่าพระองค์อยู่ด้วยก็ตาม แต่ฉันยังคงยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ว่า พระบิดาในสวรรค์ของฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งฉัน ฉันควรจะเชื่อวางใจในพระคำของพระองค์มากกว่าวางใจในความรู้สึกของตัวเอง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีคืนที่ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนอีกเลย แต่ยังมีบางคืนที่ฉันนอนหลับยากบ้าง เมื่อเป็นแบบนั้น ฉันก็จะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้ว เพราะไม่ว่าฉันจะนอนหลับหรือไม่ ฉันเชื่อว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงรักฉัน พระองค์ทรงเฝ้าดูฉัน เมื่อฉันนอนหลับฉันก็ขอบพระคุณพระองค์ เมื่อฉันนอนไม่หลับฉันก็อธิษฐาน ฉันตระหนักว่าประสบการณ์ของการนอนไม่หลับครั้งนี้ ทำให้ฉันมีความกระวนกระวายน้อยลง และเป็นพระพรที่แท้จริงในชีวิตของฉัน
YOU MAY ALSO LIKE
ยอมปล่อยความเป็นตัวเองไป เพื่อค้นหาคุณค่าของตัวเอง
WRITER: คลีเมนไทน์ เชนจ์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ตอนฉันอายุ 15 ฉันมักจะถามพ่อว่า พ่อคิดว่าฉันเก่งในด้านอะไร บทสนทนาของเรามักจะจบลงแบบเดิมๆ ฉันไม่สามารถหาจุดแข็งของตัวเองได้สักที...
ทำไมการประกาศกับเพื่อนถึงยากจัง?
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สุพิชชา จันทสุทธิบวร หลังจากที่ฉันได้เข้าร่วมงานรับใช้ในมหาวิทยาลัย ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการประกาศข่าวประเสริฐมากขึ้น และทำให้การประกาศข่าวประเสริฐมีความสำคัญเป็นอันดับแรกในชีวิตของฉัน...
พระเจ้ากล้าสร้างโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ได้อย่างไร?
WRITER: อเล็กซ์ สตาร์ก ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: Mustard Seed Teamอเล็กซ์ สตาร์ก เป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรนิวไลฟ์ (Newlife Church) คริสตจักรตั้งอยู่ที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ภูมิหลังของเขามีความเกี่ยวข้องกับ OCCA the Oxford...