
WRITER: เมดาลิน กาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: วิวรรธน์ ศรีธนางกูร
ฉันได้พูดคุยกับเมย์หนึ่งในสมาชิกของโบสถ์หลังเลิกเทศนา เมย์ถามฉันทันทีว่า “ฉันได้ใช้เวลาอธิษฐานเพื่อฟังเสียงพระเจ้า แต่ฉันก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงพระองค์ คุณคิดว่ามันเป็นเพราะว่าฉันไม่มีความเชื่อมากพอหรือเปล่า?”
ฉันถามเธอต่อว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เธอบอกฉันว่าเพื่อนของเธอสามารถได้ยินเสียงพระเจ้าพูดกับเธอ เพื่อนคนนี้ได้ให้กำลังใจเธอและบอกเธอว่าถ้าเธอแสวงหามากพอ และอธิษฐานมากพอ เธอก็จะได้ยินเสียงพระเจ้าตรัส
แต่เธอก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงพระองค์
“คุณหล่ะได้ยินเสียงพระเจ้าพูดกับคุณบ้างหรือไม่” เธอถามฉัน
“จริงๆ ฉันไม่เคยได้ยินเสียงพระองค์ด้วยหูตนเอง” ฉันตอบเธอ
เธอมองฉันแบบประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าฉันเป็นคริสเตียนมานานกว่าเธอและเธอคาดหวังว่าฉันจะได้ยินเสียงพระเจ้าพูดดังๆ กับฉัน
เมย์คิดว่าการมีความเชื่อมากพอจะทำให้เธอได้ยินเสียงพระเจ้าพูดกับเธอ
เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูด เธอสรุปเองว่าเธอไม่มีความเชื่อมากพอหรือไม่ก็อธิษฐานไม่หนักพอ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดว่าอาจจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป
ฉันอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างรวดเร็วเพื่อขอสติปัญญาและการทรงนำ และถามเมย์ว่าเธอจะสามารถดูข้อพระคัมภีร์ด้วยกันกับฉันสักสองสามข้อได้ไหม โดยหวังว่าจะช่วยเธอได้ว่าพระเจ้ายังคงตรัสกับเธอและพระองค์ยังทรงทำงานในชีวิตของเธอ ถึงแม้ว่าวิธีการทำงานของพระองค์จะดูแตกต่างออกไปจากเพื่อนของเธอ
เราค้นพบความจริงสี่ประการในพระคัมภีร์ที่อาจมีประโยชน์แก่คุณเช่นกัน
1. คริสเตียนทุกคนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์
ฉันได้อ่านในพระธรรมยอห์น พระธรรมข้อแรกที่เราดูด้วยกัน ท้ายๆ บทกล่าวไว้ว่า พระเยซูทรงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง” (ยอห์น 14:16-17) จากพระธรรมข้อนี้และข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระเยซูทรงสัญญากับเราว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตอยู่กับเรา(ยอห์น 14:17)
พระเยซูไม่ได้ตรัสว่าเราจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ต่อเมื่อเรามีความเชื่อมากพอ หรือถ้าหากเราอธิษฐานถูกวิธี ในทางกลับกันเราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์และถูกประทับตราไว้แล้วเมื่อเราได้รับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์(เอเฟซัส 1:13-14)
เรารู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ตลอดเวลาหรือเปล่าขณะอยู่ที่ทำงาน? คำตอบก็คงอาจจะไม่ ตัวฉันเอง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์เหนือธรรมชาติมากมายในการพบพระเจ้า แต่ฉันเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นจริง เที่ยงแท้ และฉันรู้ว่าพระองค์ทรงรักฉัน เมื่อฉันมองกลับไปในชีวิตของฉันในหลายปีที่ผ่านมา ฉันเห็นตัวฉันเองและครอบครัวของฉันเติบโตขึ้นอย่างอัศจรรย์เมื่อเราเดินกับพระเจ้า และเป็นเพราะว่าฉันได้มอบชีวิตของฉันแด่พระองค์ และฉันยังรู้ด้วยว่าพระองค์ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ฉัน เพราะว่าพระองค์ทรงตรัสไว้แล้วในพระคัมภีร์
2. พระคำของพระเจ้ามีชีวิตและยังคงทำการอยู่
แล้วถ้าหากว่าฉันไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าเมื่อฉันอธิษฐาน ฉันจะติดตามพระองค์ได้อย่างไร? ฉันจะเชื่อฟังพระองค์และเติบโตในพระองค์ได้อย่างไร หากฉันไม่ได้รับการทรงนำอย่างชัดเจน?
โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงประทานพระคัมภีร์แก่เรา(2 เปโตร 1:21) และถึงแม้ว่าฉันอาจจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าพูดกับฉัน หรือไม่ได้เห็นการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในบางสถานการณ์ แต่ฉันมีพระคัมภีร์นั่นอาจฟังแล้วทำให้ดูเหมือนหมดกำลัง แต่ถ้าฉันล้มลงหรือตกขอบในความเชื่อไป หนังสือคู่มืออื่นๆ สามารถช่วยฉันได้ไหม? เห็นได้ชัดว่าพระคัมภีร์ได้สอน ตักเตือน แก้ไข และฝึกฉันในทางชอบธรรม เพื่อให้ฉันมีความพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง! (2 ทิโมธี 3:16-17)
และเมื่อมีบางสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันมีพระวิญญาณแห่งความจริงผู้ทรงนำฉันในความจริงทั้งมวล(ยอห์น 16:12-13) มันอาจจะต้องใช้เวลาแต่ฉันรู้ว่าฉันเข้าใกล้พระเจ้าวันต่อวัน พระเจ้าจะทรงทำให้ฉันเข้าใจในพระคำของพระองค์ เพื่อเชื่อฟังพระองค์และเติบโตขึ้นในทางของพระองค์
3. พวกเราได้รับของประทานที่แตกต่างกัน
อาจารย์เปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสตจักรในโครินธ์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเข้าใจผิดในของประทานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดูเหมือนว่าจะมีบางคนภาคภูมิใจและแข่งขันกันในเรื่องของประทานในคริสตจักร และอาจารย์เปาโลได้เตือนพวกเขาและรวมถึงพวกเราด้วยในความจริงสำคัญบางประการ
ประการแรก อาจารย์เปาโลบอกเราว่ามีของประทานหลายอย่าง ซึ่งแต่ละคนได้รับผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่กำหนดไว้(1 โครินธ์ 2:11) เราอาจจะได้รับการเผยพระวจนะหรือพูดภาษาแปลกๆ (1 โครินธ์ 12:29-30) หรือเราอาจจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าโดยตรง แต่พระองค์ทรงประทานของประทานที่แตกต่างกันแก่เราทั้งหลายเพื่อเสริมสร้างคริสตจักร มันโอเคที่แม้ของประทานของเราอาจดูไม่เหมือนของคนอื่น
ประการที่สอง แม้ว่าเราจะใฝ่หาของประทานในพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเสริมสร้างคริสจักร(1 โครินธ์ 14:12) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรัก(1 โครินธ์ 13)
ของประทานของเราจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากเราไม่เรียนรู้ที่จะรัก
หากเรารักได้อย่างที่พระเจ้าทรงเรียกให้เรารัก ของประทานใดก็ตามที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรา พระองค์จะทรงใช้ของประทานนั้นผ่านเราอย่างแน่นอน
4. พระเจ้ายังทรงทำการของพระองค์อยู่ แม้ว่าเราจะรู้สึกหรือไม่ก็ตาม
พระธรรมหลายข้อในพระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าผู้ทรงทำให้เราเชื่อในพระองค์จะทรงสานต่อให้สำเร็จในงานที่พระองค์ทรงตั้งต้นไว้(ฮีบรู 12:2, ฟีลิปปี 1:6, 1 เธสะโลนิกา 5:24)
อาจไม่ได้รู้สึกตลอดเวลาว่าพระเจ้ากำลังทำงานอยู่ และในความจริงแล้วก็ไม่เป็นเช่นนั้น การเชื่อฟังพระเยซูคริสต์เหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องต่อสู้จริงไหม? แม้ในเวลาที่เรากำลังต่อสู้และดิ้นรน พระเจ้าก็ทรงใช้ประสบการณ์เหล่านี้เพื่อเสริมสร้างเรา
อาจารย์เปาโลกำชับแก่คริสเตียนในฟิลิปปี 2:12-13 ว่า “ฉะนั้น พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าอยู่เสมอ ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ไม่เฉพาะในเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น แต่มากยิ่งกว่านั้นอีกในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์”
เมื่อความเชื่อหมายถึงการเชื่อฟัง ขั้นตอนที่ดูเหมือนยากที่สุดหลังจากนั้นคืออาจจะดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณแห่งการเติบโตแสดงให้เห็น หรือแม้ว่าเราอาจไม่ได้รับประสบการณ์แห่งสันติสุขและความชื่นชมยินดีอย่างที่เราคิด ถึงกระนั้นพระเจ้ายังทรงทำงานอยู่ในชีวิตของเราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อทรงกระทำตามที่กำหนดไว้ในพระประสงค์อันดีของพระองค์
ก่อนจบการพูดคุยของเราฉันขอเมย์ที่จะอธิษฐานด้วยกัน เราอธิษฐานว่าหากนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย พระองค์จะทรงอนุญาตให้เธอได้ยินเสียงของพระองค์จริงๆ และได้รู้ว่าอะไรคือกำลังใจและการปลอบประโลมอย่างที่ควรจะเป็น และเราขอบคุณพระองค์ที่ได้ทรงทำการอยู่เสมอมาในชีวิตของเธอ ผ่านการประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ การประทานถ้อยคำ และของประทานพิเศษที่ได้ให้แก่เธอ และในความรักที่พระองค์ทรงเรียกเรามา ทรงเฝ้าดูเธอและทำให้เธอเติบโตอย่างสวยงามในทางที่ไม่เหมือนใคร
พระราชกิจของพระเจ้าอาจดูไม่ใช่สิ่งที่เหนือธรรมชาติเสมอไป อาจไม่ใช่การได้ยินพระสุรเสียงในห้องมืดๆ หรือพูดภาษาแปลกๆ
หรือแม้แต่การรักษาที่อัศจรรย์ การที่เราไม่ได้เห็นการอัศจรรย์เหล่านี้ในชีวิตของเราก็ไม่ได้หมายความว่าเราขาดอะไรไป หรือเราขาดจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า หากเรายอมจำนวนชีวิตของเราแด่พระองค์ เราก็ได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นในทางพระเจ้าแล้ว(2 เปโตร 1:3) เป็นการจัดเตรียมที่อัศจรรย์ใจจริงๆ จากพระเจ้าที่ทรงรักเรา!
YOU MAY ALSO LIKE
3 ความจริงที่จะช่วยให้เรารับมือกับอดีตได้ดีขึ้น
TRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: Mustard Seed TeamArtwork by : YMI“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) “อดีตก็คืออดีต” อย่างที่เขาพูดกัน...
5 วิธีที่ทำให้เรายังคงหยั่งรากลึกในพระคำของพระเจ้า
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: พันทนิน พัวบัณฑิตกุลEDITOR: MUSTARD SEED TEAM มีหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการอ่านพระวจนะของพระเจ้า บ่อยครั้ง เราคิดว่าเราไม่มีเวลา แต่บางทีเหตุผลที่จริงๆ คือ เรารู้สึกเหนื่อยและล้าเกินไปจากการทำงานและเหตุผลส่วนตัว...
งดดู Netflix ในช่วงเทศกาล Lent : การเดินทางเพื่อสัมผัสพระคุณของพระเจ้า
WRITER: เหว่ย (@alifepast25) ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team คุณคงเคยรู้สึกแบบนั้นเมื่อเปิดดูตอนหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์แล้วจู่ๆ ก็ผ่านไปสี่ชั่วโมง...