
WRITER: อัลวิน โธมัส ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ณัฐพร ชังเจริญ
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ผมอยากจะเริ่มต้นโดยการบอกว่า ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ คงมีหลากหลายเหตุผลเลยทีเดียวที่ว่าการเป็นคริสเตียนอาจไม่ตอบโจทย์ หรือบางทีก็ดูเป็นภาระมากกว่าที่คิด
บางทีคุณอาจรู้สึกว่าคุณได้ผ่านเรื่องแย่ๆ ในชีวิตมาเยอะ เช่น ตกงาน มีปัญหาด้านการเงิน ถูกทำร้าย มีปัญหาสุขภาพ หรือแม้กระทั่งสูญเสียคนที่คุณรักไป
หรือบางทีคุณอาจแค่รู้สึกเคยชินกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในศตวรรษที่ 21 คือได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการเพียงแค่กดสั่งหรือคลิกจากหน้าจอ หลายคนมีความเชื่อว่าเพียงแค่ตั้งใจลงมือทำและมีเครือข่ายคนรู้จักที่ดีๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จและมีความมั่นคงทางการเงินได้ตลอดชีวิต
และในทำนองเดียวกัน เมื่อชีวิตต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก คุณก็เริ่มสงสัยว่า “แล้วจะเชื่อพระเจ้าไปทำไมล่ะ?”
เพราะในขณะที่เราต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เราได้แต่สงสัยว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และพระเจ้าผู้ทรงรักเราหวงแหนเรานั้นอยู่ที่ไหน และเมื่อเรามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เราก็มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้อื่นเลย
คุณอาจประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าพระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องพวกนี้ไว้อย่างไรบ้าง และพระเจ้าทรงสามารถเติมเต็มทุกสิ่งในชีวิตของเราได้อย่างเหมาะเจาะขนาดไหน โดยการเรียนรู้ผ่านชีวิตของโยบและคริสเตียนในยุคก่อตั้งคริสตจักร เพราะนั่นจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้ลึกถึงตัวตนที่แท้จริงของเรา และความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าจะส่งผลให้เราสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เจอด้วยท่าทีที่ต่างออกไป
ลองใคร่ครวญเกี่ยวกับความสำเร็จและความทุกข์
เรามาเริ่มกันที่เรื่องราวของโยบ ชายผู้เผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว และคุ้นเคยดีกับชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองและชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์
ในพระธรรมโยบ 1:1 เราจะเห็นว่าโยบนั้นเป็นผู้ชายที่ “ดีพร้อมและเที่ยงธรรม เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหันจากความชั่วร้าย” เขาเป็นคนที่มั่งมีและพระเจ้าทรงอวยพรเขาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ได้รับขนานนามว่าเป็นคนที่ “มั่งคั่งที่สุดในบรรดาชาวตะวันออก” (โยบ 1:1-2) แต่น่าเศร้า เพราะเมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป เราได้เห็นหายนะครั้งแล้วครั้งเล่าในชีวิตของเขา ที่ไม่เพียงแต่พรากความมั่งมีไปจากเขาเท่านั้น แต่ได้พรากลูกๆ ไปจากเขาด้วย และหลังจากนั้นก็เป็นสุขภาพของเขา และลองจินตนาการดูสิ ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนจะมีต้นตอมาจากการโจมตีของซาตาน (โยบ 1:8-12, 2:3-6) !
หากดูผ่านๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนประสบกับความรู้สึกที่ว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และพระเจ้าผู้ทรงรักเราหวงแหนเรา ทำไมถึงปล่อยให้คนของพระองค์ทนทุกข์อยู่
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้โยบเผชิญ เขาอดทนวางใจในพระองค์ และเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ มีบทสนทนาที่น่าสนใจตอนหนึ่ง ภรรยาของโยบบอกให้เขาแช่งด่าพระเจ้าและจบชีวิตตัวเองไปซะ แต่โยบกลับตอบว่า “เราจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ?” (โยบ 2:9) พระคัมภีร์กล่าวว่าในขณะที่โยบทนทุกข์อยู่นั้น เขาก็ไม่ได้ทำความบาปใดๆ นั่นทำให้ต้องตั้งคำถามต่อว่า อะไรกันที่ให้ความมั่นใจและความแน่ใจแก่โยบที่ทำให้เขายังคงวางใจในพระเจ้า? แม้ว่าเขาจะเห็นชีวิตที่ตนเองเพียรสร้างมาพังทลายลงต่อหน้าในพริบตาเดียว
ในขั้นแรก โยบตระหนักได้ว่าทุกสิ่งที่เขามีล้วนเป็นของพระเจ้า เขากล่าวว่า “ข้ามาจากครรภ์มารดาตัวเปล่า และข้าจะกลับไปตัวเปล่า พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์” (โยบ 1:21)
และนี่เองเป็นข้อแตกต่างจากสิ่งที่โลกพยายามบอกกับเรา ว่าทุกสิ่งที่เรามีนั้นเป็นของเรา และเราสมควรได้รับความสำเร็จ ความสุข และความสะดวกสบายทุกอย่าง โยบเตือนให้เราตระหนักว่าพวกเราเป็นเพียง “มนุษย์” เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วย “พระปัญญาและพลานุภาพ” (โยบ 9:2-4)
เมื่อตระหนักได้ว่าพระเจ้าทรงสร้างเขามาอย่างไร โยบก็ถ่อมใจลง เขารู้ว่าพระองค์เปี่ยมไปด้วยความชอบธรรมและอำนาจที่จะพาเขาข้ามผ่านสิ่งต่างๆ ไปได้ เพราะไม่มีใครสามารถเทียบได้กับพระองค์และความสามารถของพระองค์ พระเจ้าทรงยืนยันแก่โยบว่าพระองค์จะทรงตอบทุกคำถามและการคร่ำครวญของเขาโดยการเปิดเผยผ่านสิ่งที่พระองค์ทำ ตั้งแต่การทรงสร้างตลอดจนสิทธิอำนาจสูงสุดของพระองค์ในฐานะผู้สร้างต่อสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง (โยบบทที่ 38-39)
ไม่ว่าสถานะของเราบนโลกนี้จะเป็นอย่างไร เราก็ยังคงเป็นผลงานการทรงสร้างของพระเจ้า สำหรับเราที่เป็นผู้เชื่อ กุญแจสำคัญก็คือการตระหนักให้ได้ว่าพระผู้ทรงสร้างของเรานั้นยิ่งใหญ่และทรงสมควรได้รับการสรรเสริญ ให้เราเลือกที่จะวางใจในพระองค์
นั่นหมายความว่า สำหรับคริสเตียน เราต้องมีความสุขกับทุกสถานการณ์ในชีวิตอย่างนั้นหรือ? ยกตัวอย่างจากการคร่ำครวญของโยบในบทที่ 3 ถึงแม้เราเป็นคริสเตียน แต่เราก็ยังรู้สึกเศร้าเนื่องจากความเจ็บปวดและความทุกข์ได้อยู่ดี และนั่นเองคือส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรานั้นเป็นมนุษย์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ให้เรามุ่งดูที่การตอบสนองสุดท้ายของโยบ คือการที่เขานมัสการพระเจ้าและตระหนักเห็นความจำกัดของตนเอง (โยบ 42:1-6) และความเชื่อของโยบก็ได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อพระเจ้าตรัสตอบโยบและทรงตำหนิเพื่อนๆ ของเขาที่ได้ว่ากล่าวว่าโยบเป็นคนอธรรมและโง่เขลา (โยบ 42:7-8)
พระเจ้ายังทรงทำงานอยู่ภายในเรา
พระธรรมยากอบเริ่มต้นด้วยคำตักเตือนที่น่าสนใจต่อคริสตจักรในยุคแรกเริ่มคือ “ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี… เมื่อท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน” (ยากอบ 1:2-3)
ผมเข้าใจว่านั่นคงไม่ใช่คำแนะนำที่ผมเองอยากได้ยินเหมือนกันหากผมกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ลองจินตนาการว่าคุณต้องเดินไปบอกกับแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกสิว่า “คิดเสียว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้วกันนะ?” มันคงเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดและโหดร้ายมาก!
แต่ยากอบไม่ได้จบแค่ตรงนั้น เขาอธิบายต่อว่า สิ่งที่เหลืออยู่ในบั้นปลายของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน ในความมั่งมีหรือแร้นแค้น “เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนแรงกล้าก็ทำให้หญ้าเหี่ยวแห้ง และดอกหญ้าก็ร่วงหล่น และความงามของมันก็สูญสิ้น คนมั่งมีก็เช่นกัน เขาจะสูญสลายไปในระหว่างที่เขากำลังวุ่นวายอยู่กับการดำเนินธุรกิจ” (ยากอบ 1:11)
ไม่ว่าชีวิตของเราจะไปในทิศทางแบบไหน ชะตากรรมของเราล้วนไม่แตกต่างกัน วันหนึ่งชีวิตของเราก็ต้องจบลง และทุกสิ่งที่เรามีในชีวิตนี้ไม่ว่าจะทุกข์หรือสมหวังก็ล้วนจางหาย ชีวิตของโยบเองก็เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้
เราเองก็เห็นว่าสถานการณ์ของการระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ทำให้ธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ต้องปิดตัวลงไปมากมายแค่ไหน และเหลือไว้เพียงหนี้สินกับหัวใจที่แตกสลาย หรือแม้กระทั่งการที่คนจะได้โชคก้อนใหญ่หรือเสียทรัพย์ก้อนโตอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้น เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่ามันมีอีกหลายปัจจัยและหลายตัวแปรที่ทำงานอยู่ในชีวิตของเรา ในท้ายที่สุด แม้ว่าเราจะทุ่มเทแค่ไหน มันก็ไม่ได้รับประกันว่าชีวิตของเราจะออกมาในรูปแบบใด
แต่อย่างไรก็ตาม ยากอบได้หนุนใจเราว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของชีวิต ก็ยังมีสิ่งที่แน่นอนและเป็นยิ่งกว่าความหวังกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบเจอในชีวิตนี้ แต่แน่นอนว่า “คนที่สู้ทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” (ยากอบ 1:12)
ถ้าหากเรากำลังคิดไปเองว่า การเป็นคริสเตียนหมายความว่าเราจะไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ใดๆ เลย มันก็ไม่แปลกที่จะทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นคริสเตียนนั้นไม่ได้ช่วยอะไร แต่จากสิ่งที่ยากอบสอนก็คือ ในทุกบททดสอบที่เราต้องเผชิญ บททดสอบที่อาจทำให้เราต้องเจ็บปวด ล้วนเป็นบททดสอบที่จะทำให้ความเชื่อของเราบริสุทธิ์และเป็นจริง และเมื่อเราเลือกที่จะอดทนจนถึงวินาทีสุดท้าย เราก็จะไปถึงวันที่เราเป็นอิสระจากความเจ็บปวดทั้งปวงและได้รับรางวัลอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งทุกสิ่งที่เรามีในชีวิตนี้เทียบไม่ได้เลย
ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาที่หนักหนาอยู่ และรู้สึกราวกับว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลเหลือเกิน ขอหนุนใจให้คุณมีความกล้าหาญเหมือนอย่างโยบและยากอบ
อย่าเพิ่งยอมแพ้ เพราะความเจ็บปวดของคุณจะไม่สูญเปล่าไป
ผมขออธิษฐานให้คุณได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่เพียงแต่รักและสนับสนุนคุณเท่านั้น แต่ขอให้เขาหนุนใจคุณถึงรางวัลยิ่งใหญ่ในสวรรค์ที่เราได้รับแล้วผ่านการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูด้วย
และหากที่ผ่านมาคุณได้ฝากความหวังไว้ในชื่อเสียงเงินทองที่คุณสร้างขึ้นมา ขอให้คุณได้ใช้เวลาใคร่ครวญสักนิดว่า คุณจะทำอย่างไรต่อไปหากสิ่งเหล่านี้ที่คุณมีถูกพรากไปจากคุณหมด? ความสวยงามจะร่วงโรยไป ความมั่งคั่งจะสูญหายได้ และเกียรติยศชื่อเสียงจะถูกลืมเลือน แต่พวกเราที่เชื่อ เรารู้ว่าเรามีความหวังที่อยู่เหนือไปกว่าทุกสิ่งที่โลกให้ และผู้ที่เลือกพึ่งพาพระเจ้าจะไม่ขาดสิ่งดีสิ่งใดเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาหรือตรัสเรียกเรากลับไป (อิสยาห์ 40:8, ยอห์น 14:3) อย่าให้เราได้หลงติดตามความสำเร็จที่เปราะบางและไม่ยั่งยืนของโลกเลย แต่ให้เรามุ่งมั่นทุ่มเทในแผนงานของพระเจ้าและยึดมั่นพระสัญญาของพระองค์ที่เป็นนิรันดร์ มั่นคง และไม่เปลี่ยนแปลง!
กลับมาที่คำถามใหญ่ของเรา ผมหวังว่าการได้ใคร่ครวญในพระธรรมโยบและยากอบจะช่วยให้เราตระหนักได้ว่า การเป็นคริสเตียนนั้นไม่ใช่แค่ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำการใดเพื่อชีวิตเราได้บ้างในขณะนี้ แต่นั่นรวมถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำสำเร็จแล้วเพื่อไถ่พวกเราไว้ และสิ่งที่พระองค์ทรงกำลังทำอยู่ในชีวิตของเรา เพื่อเตรียมเราให้พร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...