fbpx
WRITER: เคเซีย ลูอิส ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Mustard Seed Team
EDITOR: Mustard Seed Team

เมื่อ 20 ปีที่แล้วฉันตัดสินใจติดตามพระเยซู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การพูดคุยเรื่องพระเจ้ากับผู้เชื่อคนอื่นๆ เป็นเรื่องปกติในชีวิต แต่ฉันเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหัวใจที่น้อยมากๆ ภายในฉัน  นอกเหนือจากการไปโบสถ์วันอาทิตย์อย่างสม่ำเสมอและอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำ ฉันก็ใช้ชีวิตและหาเหตุผลให้กับตัวเองเหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้

ฉันเคยได้ยินเรื่องพระเยซูผ่านคำเทศนาทุกวันอาทิตย์ แต่ฉันเพิกเฉยที่จะคิดพิจารณาว่าชีวิตของพระองค์ การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ได้สำแดงว่าพระองค์ทรงเป็นมนุษย์แท้ และสิ่งนี้ส่งผลต่อเราในฐานะสาวกของพระองค์อย่างไร

คงต้องใช้เวลาหลายปีในการตรวจสอบพระคัมภีร์ ควบคู่ไปกับการนั่งขบคิดอย่างตั้งใจว่าพระเยซูเป็นใครและทรงทำงานในด้านการประกาศอย่างไร ก่อนที่ฉันจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ในฐานะผู้เชื่อ พระองค์ทรงเรียกฉันให้นำอาณาจักรของพระเจ้าไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน พระเยซูไม่ได้มาเพียงเพื่อฉันจะได้ไปสวรรค์เมื่อฉันตาย แต่พระองค์ทรงมาเพื่ออะไรที่มากกว่านั้น พระองค์เสด็จมาเพื่อสถาปนาสิทธิอำนาจของพระองค์ เรียกคืนการทรงสร้าง และแสดงให้ฉันเห็นถึงวิธีการใช้ชีวิต

พระเยซูเสด็จเข้าสู่ความตายเพื่อฉันจะได้เรียนรู้จักการเผชิญหน้ากับความตาย

ฉันสูญเสียคุณแม่ไปในช่วงอายุยี่สิบต้นๆ ชีวิตเหมือนถูกโยนลงสู่ความมืด ความมืดที่คุณสามารถสัมผัสและรู้สึกได้ คุณแม่เป็นความมั่นคงของชีวิตฉันไม่อย่างนั้นชีวิตของฉันจะสับสนและไม่แน่นอน การจากไปของแม่ได้ก่อให้เกิดความโกรธที่กุมฉันเอาไว้ ในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันต้องจัดการกับความเจ็บปวดที่สูญเสียแม่ ฉันรู้สึกหลงทางและขมขื่น พระเจ้าทรงนำการรักษามาถึงฉันในปีถัดมา และเปิดเผยพระองค์เองกับฉันในช่วงเวลาดังกล่าว

แปดปีต่อมา ฉันสูญเสียคุณพ่อสามวันหลังจากงานแต่งงานของฉัน ฉันมีความสุขมากๆ จากนั้นฉันก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ฉันเจ็บปวดเจียนตายแทบทุกคืน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับมันอย่างไร ฉันจำได้เพียงว่าพระเจ้าได้ประทานสันติสุขที่ล้ำลึกและมั่นคงกับฉัน ซึ่งพระองค์จะทรงทำทุกอย่างเพื่อผลดีของฉันตามที่พระองค์ทรงสัญญา (โรม 8:28)

ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันเข้าใจความตาย แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและความพินาศที่มาพร้อมกับการสูญเสีย พวกเราทุกคนมักจะต่อสู้กับความตายด้วยกำลังทั้งหมดที่เรามี ดังนั้นเมื่อความตายมาเยือน มันทำให้เราแตกสลาย ความตายไม่ใช่ตัวเลือกที่เราพิจารณาด้วยซ้ำ

แต่พระเยซูทรงเลือกสิ่งนี้ เมื่อพระเยซูทรงทราบว่าเวลาของพระองค์มาถึงแล้ว แทนที่พระองค์จะใช้พลังอำนาจของพระองค์ในการต่อสู้และต่อต้าน พระองค์ทรงเลือกที่จะยอมจำนนและรับใช้ (ยอห์น 13:1-5)

พระองค์เต็มใจที่จะเดินเข้าไปสู่ความตายด้วยความถ่อมใจ สันติสุข และการคืนดีระหว่างเรากับพระบิดา (โคโลสี 1:20) ถึงกระนั้นความตายไม่สามารถชนะพระองค์ได้ (กิจการ 2:24) และในวันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย (ลูกา 24:6-7)

ความถ่อมใจของพระเยซูที่ยอมจำนนต่อความตายและในท้ายที่สุดพระองค์ทรงชนะมัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉันสามารถยืนหยัดและมีความหวัง ความตายไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือทางเข้าไปสู่ชีวิตที่พระเจ้าได้จัดเตรียมให้เรา ชีวิตที่การรับใช้นั้นเป็นนิสัย ความถ่อมใจเป็นเรื่องปกติที่เราตอบสนอง และความมีน้ำใจคือมาตรฐาน

ทั้งชีวิตของพระเยซู (และการสิ้นพระชนม์) ทำให้การให้อภัยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ความซับซ้อนยุ่งยากในช่วงวัยเด็กทำให้ฉันถูกปลูกฝังไปด้วยวิญญาณแห่งการไม่ให้อภัย ความรู้สึกผิดและความละอายกลายเป็นตัวตนของฉัน ฉันใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความอับอายมาตลอด ฉันปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่แตกต่างแต่ไม่สามารถหนีออกมาจากวงจรการตำหนิตัวเองได้เลย ความผิดพลาดทำให้ฉันกลัวเพราะฉันต้องการจะพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นไร้ที่ติอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะไม่เคยเชื่อเช่นนั้นก็ตาม ฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการให้อภัยตัวเองและให้อภัยผู้อื่น

เมื่อฉันเริ่มต้นเป็นผู้เชื่อ แนวคิดเรื่องการให้อภัยเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่จะเข้าใจสำหรับฉัน

แต่พระเยซูได้เปิดประตูแห่งการให้อภัยเพื่อฉันและแสดงให้ฉันเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่พระองค์ทำไม่ได้ ฉันเรียนพระคัมภีร์เกือบปีเมื่อฉันพบว่าตัวเองอยู่ในจุดที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และมีความมั่นใจอย่างเต็มล้นในพระเมตตาและการให้อภัยของพระองค์ เรื่องราวของพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงความเชื่อของฉันอย่างเงียบๆ ฉันรู้สึกเป็นไทจากความรู้สึกผิดและฉันตัดสินใจรับบัพติศมาในพระนามของพระองค์ 

มีบางวันที่ฉันรู้สึกกลับไปเป็นคนเก่าที่ใช้ชีวิตในความรู้สึกผิด แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยพลาดที่จะเตือนฉันถึงความจริงพื้นฐานว่า ฉันได้รับการอภัยแล้ว พระเยซูได้จ่ายราคาสำหรับการให้อภัยด้วยพระโลหิตของพระองค์ ในทางกลับกัน ฉันเลือกที่จะเรียนรู้ในการให้อภัยตัวเองและให้อภัยผู้อื่น ฉันพยายามที่จะละทิ้งความขุ่นเคืองและให้พระคุณเข้ามาทำงานแทนที่

การยอมจำนนของพระเยซูสอนให้ฉันเรียนรู้จักการยอมจำนน

ไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ท้อใจซึ่งทำให้ฉันตาบอด ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางและนั่นทำให้ฉันรู้สึกโกรธและหัวเสีย สิ่งที่ฉันต้องการคือยอมแพ้

แต่เมื่อฉันกำลังเขียนและใคร่ครวญ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ย้ำเตือนฉันถึงคำอธิษฐานของฉันในวันแรกของปีนี้ ฉันทูลขอพระเจ้าที่จะจัดการกับความหยิ่งและอีโก้ของฉัน และช่วยให้จิตใจของฉันอ่อนลงและยอมจำนน และตอบสนองด้วยความถ่อมใจ พระเจ้าได้สำแดงให้ฉันเห็นว่านี่คือโอกาสสำหรับฉันในการกระทำตามคำอธิษฐานและปรับทัศนคติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับพระคริสต์

เมื่อพระเยซูทรงยอมจำนนด้วยชีวิตของพระองค์เอง มันดูไร้เหตุผลสำหรับสาวกของพระองค์

มันอาจดูเป็นเรื่องโง่เขลาที่พระองค์สิ้นพระชนม์ แต่พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เพื่อทำลายพลังอำนาจของความตายและความบาป และการทำแบบนี้พระองค์ได้ประทานชีวิตใหม่ให้กับเรา ชีวิตที่ได้มีชีวิตอยู่ในพระองค์ ซึ่งเรียกร้องการยอมจำนนและความถ่อมใจ (ลูกา 9:23, ฟีลิปปี 2:5-8)

การยอมจำนนไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของฉัน ฉันเป็นคนที่ยืนกรานในตัวตนมากกว่าปฏิเสธตัวเอง แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ในการพัฒนาสิ่งนี้ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้หยุดที่จะประทานโอกาสแล้วโอกาสเล่าให้ฉันในการเดินตามพระเยซู

ในวันถัดมา ฉันฝึกฝนที่จะวางความหงุดหงิดไว้ที่เบื้องพระบาทพระเยซูผ่านคำอธิษฐาน ฉันตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยแนวคิดแบบพระองค์ ฉันกำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันรู้สึกได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ปลดปล่อยฉันจากความผิดหวัง และจุดไฟแห่งความชื่นชมยินดี ณ จุดที่ฉันตัดสินใจที่จะเชื่อฟังพระองค์

การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูให้กำลังที่ฉันจะใช้ชีวิตเหมือนพระองค์

พระเยซูทรงพระชนม์อยู่และทรงประทับ ณ เบื้องขวาของพระบิดา (มาระโก 15:19) และในพระธรรมเอเฟซัส 2:6 กล่าวว่า “และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์” นี่หมายความว่าขณะที่ตัวของฉันกำลังอยู่บนโลกนี้ วินาทีนี้ฉันก็กำลังนั่งอยู่กับพระคริสต์ในสวรรค์

ดังนั้น การฟื้นคืนพระชนม์เป็นเหมือนการเชิญชวนให้ฉันมีส่วนร่วมได้อาณาจักรแห่งชีวิต ในฐานะบุตรของพระเจ้าผู้นั่งกับพระเยซูในฟ้าสวรรค์ ฉันมีการทรงสถิตและสิทธิอำนาจอย่างเดียวกันกับที่พระเยซูทรงมีเมื่อพระองค์ทรงอยู่บนโลกนี้ เพื่อสั่งสอนเรื่องการให้อภัยและการได้รับอิสรภาพไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็ตาม

การที่ได้รับรู้นี้ที่ทำให้ฉันมีความมั่นใจที่จะรักอย่างสุดซึ้ง มันได้เปิดประตูให้ฉันได้เข้าสู่การทรงสถิตและอธิษฐานเผื่อผู้ที่เจ็บป่วยและผู้ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน มันได้เชิญชวนฉันสู่ความเข้มแข็งของพระองค์ให้เดินร่วมกันกับผู้อื่นในความเจ็บปวดและยอมให้ผู้อื่นเห็นความเจ็บปวดของฉันเช่นกัน

การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูได้ประทานเหตุผลในการฝึกฝนการให้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อตนเอง แต่กล้าที่จะพูดความจริงถึงแม้มันจะยากก็ตาม

และไม่ให้สิ่งที่ไม่จริงออกจากปากของเรา แต่เฉพาะสิ่งที่ดี สิ่งที่ทรงคุณ (เอเฟซัส 4:25-32)

การฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์เป็นสมอของทุกสิ่งที่ฉันทำ การที่ได้รู้ว่าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่ตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ฉันทำในพระนามของพระองค์แล้วจะไร้จุดหมาย สิ่งนี้รับรองกับฉันว่าสิ่งที่ฉันยอมจำนนเพื่ออาณาจักรของพระองค์นั้นมีค่าเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ในชีวิตนี้ พระเยซูจะกลับมาพร้อมฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ (วิวรณ์ 21:1) พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ (เอเฟซัส 1:10)

สิ่งนี้ย้ำเตือนฉันว่าชีวิตที่ฉันรู้จักและโลกที่ฉันอยู่นี้ไม่ใช่ความบริบูรณ์ที่พระเจ้าตั้งใจให้เป็น ฉันหวังและอธิษฐานว่าความคิดนี้จะหล่อหลอมชีวิตในทุกๆ วันของฉันต่อไป ในขณะที่ฉันรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูอย่างกระตือรือร้น

YOU MAY ALSO LIKE

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

WRITER: กาเบรียล ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: Mustard Seed Team อินโทรเวิร์ต (Introvert) เป็นคนเงียบ ขี้อายและไม่ชอบพบปะคนอื่น  ส่วนคนเอ็กซ์ทราเวิร์ต (หรือ เอ็กซ์โทรเวิร์ต ใช้ในทางจิตวิทยา (Extravert or Extrovert)) เป็นคนเสียงดัง...

เมื่อบุคลิกภาพของฉันทำให้ฉันรู้สึกด้อยค่า

เมื่อบุคลิกภาพของฉันทำให้ฉันรู้สึกด้อยค่า

WRITER: แองนิส ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์EDITOR: พิม ผู้จัดการแผนกของฉันเพิ่งเข้าร่วมอบรมหลักสูตรบุคลิกภาพ DISC และอยากทำให้พวกเราทำแบบทดสอบด้วย เป้าหมายของเธอคืออยากให้พวกเราเรียนรู้ถึงสไตล์การทำงานของกันและกัน...

การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)

การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)

WRITER: มิเชล ไล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: อรุณพร ทักษิณทวีทรัพย์EDITOR: Mustard Seed Team ฉันได้ยินคำย่อนี้ครั้งแรกในโบสถ์ของฉันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากในการจัดการเวลาหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย...

Share This