WRITER: เอ็ม ทวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/ EDITOR: Mustard Seed Team
หมายเหตุจากผู้เขียน: พระคัมภีร์สามารถให้สติปัญญาแก่เราในหัวข้อต่างๆ ด้วยหลากหลายวิธี การเรียนรู้จากคู่รักในพระคัมภีร์อาจเป็นวิธีที่ดีที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในมุมมองของพระคัมภีร์ ด้านล่างนี้คือคู่รักพระคัมภีร์บางคู่ที่อาจส่งผลต่อมุมมองความสัมพันธ์ของคุณ
คู่รักในพระคัมภีร์
1. อิสอัค และ เรเบคาห์
2. โบอาส และ รูธ
3. โยเซฟ และ มารีย์
4. อาควิลลา และ ปริสสิลลา
5. เศคาริยาห์ และ เอลีซาเบธ
ฉันเคยคิดว่ามันโอเคที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติกตราบใดก็ตามที่มันรู้สึกใช่ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องใช้เวลาอธิษฐานกับพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน
ฉันเคยคิดว่ามันก็แค่ถึงเวลาที่ต้องเลิกกันถ้าความรู้สึกมันจางหายไป ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษา ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นคนมีเหตุผลพอในเรื่องความรัก ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นเกลียดอีกฝ่ายมากๆ และเก็บรักษาความรู้สึกขมขื่นของตัวเองเมื่ออีกฝ่ายจากไป
จากปั้ปปี้เลิฟในโรงเรียนสู่การออกเดทในมหาวิทยาลัยสู่การเป็นโสดหลังจากเรียนจบ ฉันผ่านมาหมดแล้วกับความรู้สึกต่างๆ นานา มันถึงจุดที่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าพระเจ้าไม่รักฉันแล้ว ทำไมคนอื่นถึงเริ่มมีความสัมพันธ์และมองดูมันผลิบานและเกิดผล ในขณะที่ฉันยังคงดิ้นรน? และทำไมฉันถึงไม่เพียงแค่ทำร้ายตัวเอง แต่ทำร้ายคนอื่นด้วยแม้ฉันจะเคยคบกับใครก็คิดถึงเรื่องแต่งงานด้วย?
เพียงแค่เวลาต่อมา ที่ฉันคิดได้ว่าฉันมองความสัมพันธ์ผ่านสายตาของตัวเอง เมื่อทุกสิ่งรู้สึกใช่ ฉันก็จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ทันที สมมติว่าความรู้สึกนั้นมาจาก “พระวิญญาณบริสุทธิ์” ในทำนองเดียวกัน เมื่อปัญหาและสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ฉันหมดแรงทั้งทางกายและจิตใจ ฉันจะถือว่าสิ่งเหล่านี้คือสัญญาณของการเลิกลา และผลก็คือฉันปล่อยวางความสัมพันธ์ของฉัน
ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เกมส์ออกเดทออนไลน์ และอื่นๆ ทั้งหมดนี้บอกให้เราพึ่งพาความรู้สึกของตัวเราเอง เราถูกบอกให้ไล่ตามความรักใคร่ ความสุข และสิ่งที่ดูดีดูยิ่งใหญ่ เมื่อความรู้สึกเหล่านี้หายไป การออกเดทและการแต่งงานก็ควรจบลงเช่นกัน แต่นี่คือสิ่งที่ถูกต้องหรือ? พระคัมภีร์ตรัสสอนให้เรามีทัศนคติอย่างไรต่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ ?
วันหนึ่งฉันก็นึกขึ้นได้ว่า : ทำไมไม่เรียนรู้จากคู่รักในพระคัมภีร์เพื่อค้นหาว่าพระเจ้าคิดอย่างไร?
ให้ฉันแบ่งปันสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากคู่รักห้าคู่ในพระคัมภีร์
1. อิสอัค และ เรเบคาห์
เรเบคาห์มาจากชนเผ่าเดียวกันกับอับราฮัม เธอได้ถูกเลือกโดยคนใช้ของอับราฮัมให้มาเป็นเจ้าสาวของอิสอัค (ลูกชายของอับราฮัม) หลังจากที่คนใช้ได้แสวงหาพระเจ้าในคำอธิษฐาน จากจุดนี้ฉันเห็นหลักการที่สำคัญมากสำหรับความสัมพันธ์คือ การเลือกคู่ครองจากคนของพระเจ้า ตัวเลือกนี้ไม่ใช่การสุ่ม และไม่ควรขึ้นอยู่กับความรู้สึก มันควรเป็นผลลัพธ์ของการอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ ถ้าหากเราไปมีส่วนกับผู้ที่ไม่เชื่อ เราก็ต้องรับมือกับความแตกต่างในความเชื่อและค่านิยมต่างๆ หรือแย่กว่านั้น เราอาจปฏิบัติตามประเพณีทางศาสนาของอีกฝ่าย และทอดทิ้งพระเจ้าและคำสอนของพระองค์
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากความสัมพันธ์ของพวกเขาคือ ความรักคือการตัดสินใจ แม้ว่าอิสอัคและเรเบคาห์ไม่เคยพบกันมาก่อนที่จะแต่งงานกัน พวกเขาก็สามารถรักกันไปตลอดชีวิต ในเวลานั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผู้ชายจะมีภรรยาหลายคน แต่อิสอัคเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเรเบคาห์เพียงคนเดียว ความสัมพันธ์ของพวกเขาแสดงให้เราเห็นว่าเมื่อคุณตัดสินใจที่จะรักใครสักคนและพันธสัญญาที่ศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดขึ้น เราสามารถพึ่งพาพระเจ้าที่จะก้าวต่อไปและที่จะรักกันและกันไปตลอด แม้จะมีความยากลำบากเกิดขึ้นในการใช้ชีวิตคู่ก็ตาม
2. โบอาส และ รูธ
รูธเป็นชาวต่างชาติและเป็นม่าย แต่เธอรักนาโอมีแม่สามีของเธอ รูธทำตามคำแนะนำของนาโอมีและบอกใบ้ความตั้งใจของเธอถึงโบอาส และอย่างที่เรารู้กัน มันคือการจบลงอย่างมีความสุขของโบอาส รูธ และนาโอมี จากเรื่องนี้ฉันได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงดูถูกใครไม่ว่าภูมิหลังของพวกเขาจะเป็นอย่างไร สิ่งที่พระองค์ทรงสนใจคือหัวใจของพวกเรา รูธเลือกที่จะเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกันกับที่แม่สามีของเธอนั้นเชื่อ เธอยังเชื่อฟังผู้ใหญ่อันเป็นที่รักและเธอก็ได้รับการอวยพรในท้ายที่สุด และได้มีชื่ออยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซู
ฉันเคยคิดว่าคนที่ได้แต่งงานกับแฟนคนแรกของตัวเองนั้นได้รับการอวยพรจากพระเจ้าในเรื่องความสัมพันธ์ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น พระเจ้ายอมรับเราไม่ว่าอดีตของเราจะเป็นอย่างไร น่าสนใจที่ฉันก็มองอย่างนั้นจากการแต่งงานของรูธและโบอาส ที่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนในความสัมพันธ์ บางครั้ง ผู้หญิงก็สามารถแสดงออกอย่างเหมาะสมและทันท่วงทีต่อผู้ชายที่ “ไม่ขี้สังเกต” แน่นอน สิ่งเหล่านี้อยู่บนเงื่อนไขว่าการกระทำใดๆ ต้องสอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า สำหรับผู้ชายนั้น พวกเขาควรใคร่ครวญและสอบถามคริสเตียนอาวุโสสำหรับคำแนะนำก่อนที่จะตัดสินใจอะไร
3. โยเซฟ และ มารีย์
เมื่อมารีย์ตั้งครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และจะให้กำเนิดพระเยซู โยเซฟอยากที่จะหย่ากับเธอแต่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงและชีวิตของเธอ ในยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้ชายที่หมั้นแล้วมีสิทธิ์ที่จะหย่ากับคู่หมั้นอย่างเป็นทางการ และผู้หญิงสมควรที่จะโดนปาหินใส่จนตายเพราะล่วงประเวณี แต่โยเซฟไม่ทำอย่างนั้นเพราะเขารักมารีย์และยำเกรงพระเจ้า มารีย์เองก็เช่นกันเป็นผู้หญิงที่ยำเกรงพระเจ้า และปรารถนาที่จะยอมรับความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ของเธอ
การรักใครสักคนนั้นพิสูจน์ด้วยการกระทำ โยเซฟพิสูจน์ความรักของเขาต่อมารีย์ด้วยการเคารพ ปกป้อง และแต่งงานกับเธอ เมื่อคนร้ายตามล่าพวกเขาเพื่อจะฆ่าพระกุมารเยซู พวกเขาคอยดูแลซึ่งกันและกันตลอด นี่คือคู่รักที่ยำเกรงพระเจ้าผู้ซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเพื่อพระเจ้า การที่แบ่งปันความเชื่อเดียวกันกับคู่ชีวิตของเรา และการเต็มใจที่จะอุทิศตนเพื่อพระคริสต์ และต่อกันและกันเป็นสิ่งที่สวยงาม
4. อาควิลลา และ ปริสสิลลา
แม้ว่าคู่รักพระคัมภีร์คู่นี้จะไม่ได้เป็นที่รู้จักเหมือนกับคู่อื่นๆ ที่เราได้เรียนรู้ไปแล้ว ฉันชื่นชมความมุ่งมั่นของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้าในพันธสัญญาใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะยุ่งกับงาน พวกเขาต้อนรับผู้รับใช้ของพระเจ้าอย่างเปาโลและอปอลโลอย่างอบอุ่นเสมอ (กิจการบทที่18) พวกเขาเปิดบ้านให้เป็นสถานที่นัดพบกัน (1 โครินธิ์ 16) และแสวงหาโอกาสในการขยายแผ่นดินของพระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้ต้องการเพียงแค่หลายๆ ครอบครัวจะได้รับความรอด แต่ให้ร่วมรับใช้ด้วย การเปิดบ้านของตัวเองไม่เพียงทำให้เกิดค่าใช้จ่าย แต่รวมถึงเวลาและกำลัง และนี่เราได้เห็นตัวอย่างของผู้ที่รับใช้ในพันธกิจ “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่านและด้วยสุดความคิดของท่าน” (มัทธิว 22:37) และ “แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์” (โยชูวา 24:15)
นอกจากนี้ สองย่อมดีกว่าหนึ่ง นอกจากการใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันแล้ว คู่รักยังสามารถอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันได้ รับใช้พระเจ้า และปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่นด้วยกัน นี่คือภาพที่สวยงาม เมื่อฉันพิจารณาครอบครัวที่ฉันรู้จักที่ฝ่ายหนึ่งมีใจเกี่ยวกับพันธกิจแต่อีกฝ่ายไม่มีใจ ฉันยิ่งมั่นใจถึงความสำคัญของการอธิษฐานสำหรับคู่พระพรในอนาคตที่จะมีความคิดที่คล้ายกัน เมื่อคนสองคนมีวุฒิภาวะและหัวใจที่เหมือนกันเท่านั้น ที่จะสามารถสร้างครอบครัวที่มีพระคริสต์เป็นผู้นำได้
5. เศคาริยาห์ และ เอลีซาเบธ
ดังที่พระธรรมลูกาบทที่1 เศคาริยาห์และเอลีซาเบธรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อทั้งๆ ที่พวกเขาก็อายุเยอะแล้ว ฉันจำได้โดยเฉพาะตอนที่เศคาริยาห์กำลังรับใช้ในฐานะปุโรหิต เมื่อทูตสวรรค์มาปรากฎต่อหน้าเขา บอกกับเขาว่าคำอธิฐานของเขานั้นได้รับคำตอบแล้วและพระเจ้าจะทรงประทานบุตรชายให้แก่เขา เหตุการณ์นี้เตือนใจฉันว่าพระเจ้านั้นทรงฟังคำอธิษฐานของเราเสมอ แต่คำอธิษฐานเหล่านั้นจะได้รับคำตอบหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้า
ถึงแม้เราจะได้เห็นความอ่อนแอของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ เศคาริยาห์พูดไม่ได้อยู่ชั่วขณะเพราะเขาขาดความเชื่อ และเอลีซาเบธในตอนแรกนั้นกลัวที่จะบอกผู้อื่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขัดขวางพระเจ้าจากการใช้พวกเขาให้ทำแผนการของพระองค์ให้สำเร็จ เมื่อให้กำเนิดบุตรชาย พวกเขาเชื่อฟังพระเจ้าและตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่ายอห์น และหลังจากอธิษฐานเผื่อบุตรชายมานานหลายปี เศคาริยาห์และเอลีซาเบธปรารถนาที่จะมอบบุตรชายให้กับแผนงานของพระเจ้า และเพื่อที่จะเชื่อฟังพระเจ้าด้วยการตั้งชื่อลูกของตน การยอมจำนนดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ฉันต้องเรียนรู้
ห้าคู่รักในพระคัมภีร์แต่ละคู่ล้วนมีจุดอ่อนของตัวเอง แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ๓ ทั้งคู่ยำเกรงและเชื่อฟังพระเจ้า โดยเฉพาะตัวอย่างของอาควิลลาและปริสสิลลาที่เตือนฉันว่าฉันควรรับใช้พระเจ้าทุกเวลาและทุกหนทุกแห่ง
เรียนรู้เพิ่มเติมจากคู่รักในพระคัมภีร์คู่อื่นๆ
พระคัมภีร์มีตัวอย่างอีกมากมายที่สอนเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ห้าคู่รักในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกเขาคือผู้ที่แตะใจฉันอย่างสุดซึ้ง ผ่านการศึกษาชีวิตพวกเขา ฉันสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เกิดจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของฉันได้ดีขึ้น คู่รักเหล่านี้ดลใจฉันให้สร้างความสัมพันธ์ผ่านมุมมองของพระเจ้า และช่วยฉันหันกลับมาที่พระเจ้า ฉันหวังว่าทั้งหมดที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์จะสามารถช่วยนำแสวงสว่างมาให้กับคุณในความสัมพันธ์ของคุณเช่นกัน
4 บทเรียนที่ความล้มเหลวสอนเรา
WRITER: เอเลน บาร์จ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR/EDITOR: นฤมล บางทราย มีหลายวิธีที่เราจะล้มเหลว...ฉันล้มเหลวที่จะอ่านพระคัมภีร์ในทุกๆ วัน ฉันล้มเหลวในการบอกความจริงกับพ่อแม่ บางครั้งฉันล้มเหลวที่จะคุยกับคนที่ทำให้ฉันอึดอัดและรำคาญใจด้วยความเมตตา...