WRITER: โจแอนนา ฮอร์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR/EDITOR: Mustard Seed Team
สกรีนช็อตจาก Netflix
โน้ตจากผู้เขียน: รีวิวนี้มีการสปอยล์
ดาว: 4/5
ในโลกของวินเชนโซ่ กาซาโน ความยุติธรรมนั้นคือละครตลก เขาได้ล้อเลียนคำว่า “ฮีโร่แห่งความยุติธรรม” และบอกเปรียบตัวเองเป็น “ขยะที่กำจัดขยะ” เขาต่อสู้ปีศาจด้วยปีศาจ และเขาจัดการศัตรูด้วยการยิงที่หัวหรือแทงที่หน้าอกแบบแทบจะไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ
เขาขับเคลื่อนด้วยการแก้แค้นและความจงรักภักดีต่อครอบครัวมาเฟียกาซาโน ผู้ซึ่งรับอุปการะเขาจากเกาหลีตอนที่เขายังเป็นเด็ก และเลี้ยงดูเขาให้กลายเป็นคอนซีลเยเร (ที่ปรึกษาและมือขวาของผู้นำในครอบครัวมาเฟีย) ในอิตาลี
วินเชนโซ่ ซีรีส์ตลกร้ายจาก Netflix ตอนที่ 1 จากทั้งหมด 20 ตอน ได้เริ่มต้นด้วยวินเชนโซ่ (รับบทโดย ซงจุงกิ) เดินทางกลับมาที่ประเทศเกาหลีหลังจากการตายของดอน ฟาบรีโอ ผู้นำของครอบครัวมาเฟียกาซาโน เพื่อกลับมาจัดการความลับเรื่องทองคำแท่งที่ซ่อนอยู่ใต้คึมกาพลาซ่าในกรุงโซล อย่างไรก็ดีเขากลับเข้าไปพัวพันในแผนการของบาเบลกรุ๊ป กลุ่มเศรษฐีสุดชั่วร้าย ซึ่งเบื้องหน้าถูกบริหารงานโดยคนสมองช้าอย่างจางฮันซอ (ควักดงยอน) และจากนั้นก็เป็นจางฮันซอก (อ๊กแทคยอน) พี่ชายสุดซาดิสม์และไร้ซึ่งความเมตตาปรานี
ในระหว่างทาง วินเชนโซ่พบกับกลุ่มผู้เช่าที่หลากหลายในคึมกาพลาซ่าที่กลายมาเป็นครอบครัวอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งพวกเขารู้สึกสงสัยอย่างสุดๆ ในเจตนาของวินเชนโซ่ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแฟนคลั่งรักใน “คอร์นสลัด” (การออกเสียงเพี้ยนสุดตลกจากคำว่าคอนซีลเยเร) และเรียกพวกเขาเรียกตัวเองอย่างภูมิใจว่าเป็น “กาซาโน แฟมิลี่”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราได้เห็นบท anti-hero อย่างวินเชนโซ่ในจอ แต่สำหรับผู้ชมหลายคนที่คุ้นเคยกับซงจุงกิในบทบาทยูชีจิน กัปตันผู้เสียสละและมีเกียรติแห่งกองทัพที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปี 2016 จากเรื่อง Descendants of the Sun ซึ่งได้เปลี่ยนเรื่องรักในจอเป็นเรื่องรักนอกจอสุดโรแมนติกและแต่งงานกับนักแสดงนำได้ด้วยกัน แต่มันก็จบลงอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่มันเริ่มต้นขึ้น มันอาจจะรู้สึกเซอร์ไพร์สที่ได้เห็นขวัญใจของพวกเราเล่นละครในบทบาทที่แสนจะกำกวม
เกือบทุกตอนวินเชนโซ่ ติดอันดับ 6 ของซีรีส์ที่มีการดูมากที่สุดของสถานีโทรทัศน์ tvN’s ในเกาหลี ซีรีส์ได้ให้ความสุขใจและทำให้รู้สึกสดชื่นในส่วนผสมของตลกแบบโบ๊ะบ๊ะและหนังอาชญากร และแต่งแต้มด้วยจุดเล็กๆ ในเรื่องของความรัก ซีรีส์นี้ทำหน้าที่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในการนำคนดูขึ้นรถไฟเหาะของอารมณ์ โดยมีทั้งการพลิกบทสุดช็อค ฉากตลกสุดขำ และฉากเรียกน้ำตา
ซงจุงกินั้นมาในมาดของผู้ชายแต่งตัวดีอย่างไร้ที่ติ และศาลเตี้ยที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์นุ่มนวล ที่ชนะน็อคอย่างต่อเนื่องในชุดสูทสั่งตัดจากบูรัลโร ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่งานปาร์ตี้สุดแฟนซี หรือในระหว่างการสังหารศัตรูของเขา แต่ถึงอย่างนั้นซีรีส์ยังสามารถสร้างให้เกิดความเกี่ยวข้องต่างๆ ผ่านบทตลกๆ เช่น การเผชิญกับกับอินซากี นกพิราบที่เกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างของเขา (ซึ่งได้สร้างให้เกิดมีมต่างๆ มากมาย)
3 มุมมองเรื่องความยุติธรรมในวินเชนโซ่
ความยุติธรรม (หรือไร้ความยุติธรรม) เป็นตีมหลักของซีรีส์ Netflix ที่แสนโด่งดังนี้ และมันได้ถูกจัดการด้วยวิธีที่ต่างกันออกไปโดยสามทนายที่เป็นกุญแจสำคัญ: ฮงยูชาน (ผู้ก่อตั้งสำนักงานทนายความฟางข้าวสุดซื่อสัตย์) ฮาชายอง (ลูกสาวหัวรั้นของฮงยูชาน และเป็นทนายที่สำนักงานทนายความอูซัง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มาร่วมทีมกับวินเชนโซ่) และตัววินเชนโซ่เอง
ในช่วงตอนแรกๆ พวกเราได้เห็นยูชานทนายผู้ไม่ยอมแพ้ พยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะแสวงหาความยุติธรรมให้กับลูกความด้วยวิธีที่ “ถูกต้อง” โดยการทำตามขั้นตอนของระบบกฎหมาย แต่ความพยายามของเขามันไร้ประโยชน์ และในไม่ช้าพวกเราเรียนรู้ว่าการคอรัปชั่นได้ฝังอยู่ในทุกระดับของระบบความยุติธรรม
ในอีกด้านหนึ่งชายองตัดสินว่าความยุติธรรมในรูปแบบของเธอคือ คนที่สามารถชนะคดีต่างๆ ได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานทนายความอูซังสุดสกปรก เธอไม่รู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องต่อสู้กับพ่อของตัวเองในชั้นศาลและใช้กลวิธีตั้งคำถามเชิงศีลธรรมต่างๆ เพื่อที่จะชนะ แต่มุมมองของเธอถูกทำลายลงด้วยวิธีการที่เลวร้ายที่สุดที่จะสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อพ่อของเธอถูกฆาตกรรม นี่คือจุดเปลี่ยนที่เธอตัดสินใจร่วมมือกับวินเชนโซ่ เพื่อที่จะแก้แค้นผู้กระทำผิดจากอูซังและบาเบล
และตอนต่อๆ มาก็มาในรูปแบบเบาสมอง การปล้นตลกๆ สไตล์เกาหลี พร้อมด้วยวินเชนโซ่ที่แสดงกลวิธีของมาเฟียต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคนชั่วได้รับผลของการกระทำผ่านการเล่นพิเรนทร์และความน่ากลัวอย่างสร้างสรรค์ เช่น การยิงปืนปลอมๆ การแสดงซอมบี้ และเลือดหมู ถึงแม้ว่าจะน่าสงสัยในช่วงแรกๆ ว่าชายองยอมรับรูปแบบความยุติธรรมของวินเชนโซ่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเขารับปากเธอว่า พวกเรา “จะไม่ฆ่าใคร” ในกระบวนการนี้ ในฐานะผู้ชมมันน่าพอใจสุดๆ ที่เห็นผู้ที่ถูกเอาเปรียบนั้นสามารถขึ้นมาอยู่เหนือกว่าศัตรูด้วยสติปัญญาได้ในที่สุด
เมื่อความยุติธรรมมาถึงจุดเปลี่ยน
แต่การแกล้งอย่างพิเรนทร์นั้นไม่เพียงพอเมื่อผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่ามากขึ้นเรื่อยๆ และวินเชนโซ่ได้กระตุ้นให้ชายองทำใจแข็ง เพราะมันจะทำให้การแก้แค้นง่ายขึ้น ช่วงตอนที่ 19 เธอได้สรุปว่า “มันไม่มีกฎหมายข้อใดสามารถลงโทษปีศาจอย่างฮันซอกได้” และจบที่การให้กำลังใจวินเชนโซ่ที่กำลังเดินเข้าไปสู่ระบบของการฆ่าอย่างสนุกสนานเพื่อจัดการผู้ร้ายทีละคน ทีละคน ยิ่งคู่ต่อสู้เป็นปีศาจมากเท่าไหร่เขาก็จัดการฆ่าอย่างสยดสยองมากเท่านั้น
แม้ว่าซีรีส์ทั้งเรื่องนั้นตั้งใจจะนำคนดูไปสู่จุดจบของศัตรูของวินเชนโซ่ แต่มันก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะต้องดูมันจบอย่างนั้นเมื่อมันถึงตอนจบจริงๆ ตามที่ South China Morning ได้โพสต์บทความที่เขียนเกี่ยวกับ “ดาวิด vs โกลิอัท” ซึ่งเรื่องราวถูกเปลี่ยนเป็นนิทานของการแก้แค้นของซงจุงกิ เมื่อวินเชนโซ่กลายเป็นซาดิสม์ ซึ่งผู้ชมหลายๆ คนต่างคาดหวังการให้อภัยไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
ยิ่งฉันมีความสุขกับซงจุงกิในการแสดงบทคอนซีลเยเรของมาเฟียผู้เรียบร้อย ดูวินเชนโซ่ทรมานศัตรูแม้ว่าพวกเขาจะอ้อนวอนขอให้เขายิงกระสุนเข้าที่หัว และละเว้นพวกเขาจากความเจ็ปปวด ความทุกข์ทรมาน และความปวดร้าวซึ่งมันไม่ถูกต้อง
บางทีในฐานะตัวเอกของเรื่อง ฉันคาดหวังว่ามันจะต้อง “แตกต่าง” ออกไป และเขาจะไถ่บาปของตัวเองด้วยการเลือกที่จะไว้ชีวิตของศัตรูในช่วงเวลาสุดท้าย
แทนที่เหล่าคนชั่วทั้งหมดจะถูกฆ่าและวินเชนโซ่หายไปอย่างลอยนวลเมื่อเขาหนีออกนอกประเทศ นี่เป็นรูปแบบของตอนจบที่แฟนๆ ของซงจุงกิยกย่อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาอย่างมาก
ดังที่บทความใน The New York Times เขียนไว้ว่า “นิสัยการดูโทรทัศน์สามารถส่งผลกระทบต่อวิธีการคิด ความพึ่งพอใจด้านการเมือง แม้กระทั่งความสามารถในกระบวนการรับรู้” ดังนั้นในฐานะผู้เชื่อ บางทีมันคุ้มค่าที่จะลองวิเคราะห์ตีมหลักและประเด็นที่ซ่อนอยู่ของซีรีส์นี้ และพิจารณาถึงสิ่งทีพระคัมภีร์พูดถึงเกี่ยวกับมัน
1. เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่แตกสลาย
บทพูดประโยคหนึ่งของวินเชนโซ่ในซีรีส์ที่ว่า “ความชั่วร้ายมันแข็งแกร่งและกว้างใหญ่” เป็นหนึ่งในสิ่งที่พระคัมภีร์เห็นด้วย ในพระธรรมโรมบทที่ 1 ได้ให้เราเห็นภาพของความชั่วร้ายและโลกที่ไร้พระเจ้าที่เราอาศัยอยู่ ที่ๆ มนุษย์นั้น “เต็มด้วยการอธรรมทุกชนิด ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย” (โรม 1:29) ดังนั้นตอนที่ซีรีส์ได้ขยายให้เราเห็นถึงภาพการคอรัปชั่นของระบบ ที่คนงานยากจนและลูกค้าถูกกดขี่ในขณะที่บาเบล กรุ๊ป เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นสิ่งที่ไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงของพวกเรา ที่ซึ่งพวกเราเห็นคนที่แข็งแกร่งกว่าหาประโยชน์จากคนที่อ่อนแอกว่า ทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมองค์รวม
2. เราทุกคนต้องการพระผู้ช่วยให้รอด
ต่อหน้าคนที่หมดหนทาง (โดยเฉพาะถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่โดนกดขี่ข่มเหง) พวกเราทุกคนต้องการพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ที่สามารถช่วยเหลือและแก้แค้นแทนเราสำหรับสิ่งไม่ถูกต้องที่เราต้องทนทุกข์ทรมาน และนี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกเราถึงชุมนุมอยู่เบื้องหลัง anti-hero อย่างวินเชนโซ ผู้ที่สามารถหาช่องโหว่ในระบบยุติธรรมได้ทั้งหมด และแจกจ่ายความยุติธรรมในการลงโทษ (เมื่อบุคคลถูกลงโทษจากการกระทำผิด) ในวิธีการแบบโรบินฮูด
แต่มันไม่สำคัญกว่ารอยยิ้มแห่งชัยชนะของวินเชนโซ่จะเป็นอย่างไร วิธีการของเขาซึ่งในตอนแรกทำให้เรารู้สึกพึ่งพอใจได้พิสูจน์แล้วว่ามีข้อจำกัดและเป็นปัญหาอยู่ และทำให้เขาแทบไม่ต่างอะไรกับ “ตัวร้ายสุด” ของเรื่อง
และยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องการความช่วยเหลือจากกาซาโน แฟมมิลี่ (แม้กระทั่งฮันซอ) ที่จะช่วยเขาออกจากอันตรายและเหตุการณ์เฉียดตาย
และเมื่อวินเชนโซ่ได้แสดงให้เห็น เมื่อพวกเรามองดูมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความผิดบาปหรือตัวเราเองเพื่อเติมเต็มความหมายของความยุติธรรม ทุกสิ่งมันนำเราไปสู่วงจรการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับที่วินเชนโซ่และครอบครัวกาซาโนของเขาที่ได้ถูกล็อคอยู่ในการต่อสู่กับบาเบลกรุ๊ป เพื่อดูว่าสุดท้ายใครจะชนะใครด้วยสติปัญญา
ในทางตรงกันข้าม เราได้เห็นรูปแบบของความยุติธรรมที่ได้ถูกสำแดงออกบนกางเขน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจไม่ได้ดูน่ารักหรือเซ็กซี่ แต่มันสมบูรณ์แบบ และเต็มไปด้วยสง่าราศี
ความจริงคือ พวกเราทุกๆ คนต่างทำสิ่งที่ผิด และพวกเราต่างมีความผิดในสายตาของพระเจ้า และวิธีแก้ปัญหาของพระเจ้าสำหรับความอยุติธรรมไม่ใช่การทำโทษหรือทำลายเราทุกคน แต่คือการส่งพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ผู้เดียวที่มีความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ และทรงรับโทษแทนพวกเรา และพระเจ้าองค์เดียวกันนี้ที่ได้เรียกเราทุกคนตอนนี้ “จงฝึกทำดี จงเสาะหาความเป็นธรรม จงแก้ไขการบีบบังคับ จงแก้ต่างให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย” (อิสยาห์ 1:17)
วินเชนโซ่ก็ยังทำสิ่งหนึ่งที่ถูกอยู่ และนั่นคือ “ความยุติธรรมจะถูกต้องก็ต่อเมื่อมันไร้ที่ติ” และวิธีการเดียวที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้คือ เมื่อเราใช้ชีวิตในพระหัตถ์ของพระเยซูผู้ทรงยุติธรรมและสมบูรณ์แบบ แต่ทรงมอบชีวิตของพระองค์เองเป็นค่าไถ่เพื่อให้เราสามารถกลับคืนดีกลับพระเจ้า อย่างที่โรมบทที่ 12:19 บอกว่า “นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน”
เมื่อเราใช้ชีวิตตามกฎของพระเจ้า ความยุติธรรมก็ไม่ใช่แค่ละครตลก
YOU MAY ALSO LIKE
ถึงโควิด-19 มันคงดีซะกว่าถ้าเราไม่เคยเจอกัน…
WRITER: โจแอนนา ฮอร์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษ YMI EDITOR: Mustard TeamTRANSLATOR: Mustard Team ถึง โคโรน่า, ฉันพูดถึงคุณเกือบทุกวัน ฉันไม่สามารถจะหยุดคิดถึงคุณได้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันแอบสะกดรอยตามดูคุณทางออนไลน์ ดูว่าคุณเป็นยังไงบ้างในช่วงที่ผ่านมา...
คริสเตียนควรรวมตัวกันในช่วง COVID-19 หรือไม่?
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก Our Daily Bread TRANSLATOR: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Team ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่ยากที่สุดที่โบสถ์ในสิงคโปร์ต้องเผชิญ: คริสเตียนยังควรมารวมตัวกันเพื่อนมัสการไหม? มันไม่มีคำตอบที่ง่าย ไม่ว่าคุณจะ...
การแพร่ระบาดใหญ่เป็นวงกว้างของไวรัสโคโรน่า: ผมกลัวและผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม
WRITER: แดเนียล ไรอัน เดย์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Teamแดเนียลแต่งงานกับหวานใจสมัยวัยมัธยมและเป็นพ่อของลูกๆ ทั้งสาม เขาเป็นผู้เขียนเรื่อง What’s Next: Your Dream Job, God’s Call and a Life That Sets You Free...