WRITER: ฮุย นิน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: Nathapol Tepjak
EDITOR: Mustard Seed Team
น้ำตาคลอและอ้อมกอดที่ไม่อยากจะปล่อยไป หลังจากจัดกระเป๋าเสร็จเพื่อนที่ดีของฉันสะอึกสะอื้นและบอกลาฉัน “ไว้มาเที่ยวเมื่อไหร่ แวะมาหาฉันด้วยนะ แต่ถึงแม้จะไม่มา ฉันจะเจอเธอบนสวรรค์กับพระเยซูนะ!”
ในตอนนั้น แม้ว่าคำพูดอาจฟังดูไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่คำพูดของเธอโดนใจฉัน เพื่อนของฉันและฉันเองมักจะใช้เวลานานหลายชั่วโมงครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด และสงสัยถึงการมีชีวิตบนสวรรค์กับโลกใหม่ อย่างที่พระเจ้าทรงสัญญา (2 เปโตร 3:13) มันจะสวยงามสักแค่ไหน ถ้าพระเยซูเสด็จมาตอนนี้ และเราอยู่ด้วยกันตลอดไปบนบ้านแห่งสรวงสวรรค์
มันสำคัญต่อเรามากที่จะตื่นเต้นถึงการเสด็จกลับมาของพระเยซูและการฟื้นฟูของทุกสิ่ง (วิวรณ์ 21:4)
และมันสำคัญพอๆ กับการที่เราจะใช้ชีวิตบนโลกอันชั่วคราวนี้อย่างมีความสุขที่สุด
นี่คือเหตุผลสองประการ :
#1 เวลาบนโลกนั้นสำคัญเพราะเราใช้ชีวิตเพื่อพระเยซู
ขณะที่กำลังเติบโต ฉันมักจะคิดว่าชีวิตนิรันดร์เป็นอะไรที่ได้รับหลังจากที่เราจากไปแล้ว ในใจของฉัน นึกภาพความตายเหมือนการหลับไป เพียงพริบตาเดียว ฉันจะตื่นขึ้นอยู่หน้าประตูไข่มุกแห่งสวรรค์ สวมชุดสีขาวให้ความรู้สึกเบาบางราวกับขนนก
แต่คำอธิษฐานของพระเยซูต่อเหล่าสาวก ก่อนจะสิ้นพระชนม์ทำให้ฉันคิดต่างออกไป พระองค์กล่าวว่า “และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการที่พวกเขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา” (ยอห์น 17:3-4)
สิ่งนี้ทำให้ฉันหวนนึกถึงชีวิตนิรันดร์นั้นเริ่มต้นเมื่อฉันเชื่อว่าพระคริสต์เป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ถ้าเราได้รับการช่วยกู้เพียงเพื่อไปจุดหมายปลายทางเดียวเท่านั้น มันคงไม่มีเหตุผลใดที่พระเจ้าจะทรงชะลอการเดินทางของเรา
ตรงกันข้าม พระเยซูมาเพื่อช่วยและฟื้นฟูเรากลับสู่เป้าประสงค์แรก คือการมีชีวิตในความสัมพันธ์แห่งความรักกับพระผู้สร้าง
หลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นจากความตาย เหล่าสาวกของพระองค์ได้มีประสบการณ์ทันที จากวันที่เต็มไปด้วยการติดตามพระเยซูทำภารกิจบนโลกไปสู่การรอคอย เปโตรและสาวกอีกหกคนกลับไปเป็นชาวประมงเหมือนก่อน แต่น่าผิดหวังที่จับอะไรไม่ได้เลย (ยอห์น 21:1-3)
พระเยซูทรงรีบเร่งเข้าไปช่วยและแนะนำพวกเขาให้เหวี่ยงแหไปทางขวาของเรือ ช่างน่าอัศจรรย์ สาวกของพระองค์จากที่ไม่ได้ปลาสักตัวทั้งคืน กลายเป็นอวนที่เต็มไปด้วยปลามากมาย (ยอห์น 21:10-11) พระเยซูทรงเตรียมปลาและชวนสาวกทานอาหารร่วมกับพระองค์ (ยอห์น 21:12-13)
ขณะที่พวกเขาทานอยู่นัั้น พระเยซูทรงถามเปโตรสามครั้งว่า “เจ้ารักเราหรือ” แต่ละครั้ง เปโตรยืนยันถึงความรักและการผูกพันตัวกับพระเยซู และตลอดทั้งสามครั้ง พระเยซูทรงย้ำเตือนเปโตรให้เลี้ยงและดูแลแกะของพระองค์ (ยอห์น 21:15-17)
คำถามและคำตอบของพระเยซูต่อเปโตรมีผลกับฉันและผู้อื่นที่ติดตามพระคริสต์ ว่าพวกเราควรใช้เวลาบนโลกตอนนี้ในการดูแลฝูงแกะของพระองค์
ภาพการทานอาหารเช้ากับพระเยซูบนชายฝั่งทะเล สะท้อนให้ฉันนึกถึงว่าการรู้จักพระเจ้า และมีความสัมพันธ์กับพระเยซูนั้นคือ การมีความสุขในมิตรภาพกับพระองค์เหมือนกับการเลียนแบบกษัตริย์ผู้รับใช้เรา และดำเนินชีวิตตามการทรงเรียกเพื่อดูแลซึ่งกันและกัน
ทุกวันบนโลกตอนนี้เป็นโอกาสที่จะอยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ ชื่นชมกับมิตรภาพ และรับเอาพระคุณและความรักอันอุดมจากพระองค์
เวลาชีวิตอันแสนสั้นของฉันบนโลกนั้นสำคัญ เพราะการได้รู้จักพระเยซูนำมาซึ่งความหมายของการใช้ชีวิตแบบใหม่ ผ่านการเสียสละของพระคริสต์ ฉันไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง หรือเพื่อความเห็นแก่ตัว เพื่อการไล่ตามความฝันอันแสนสั้น แต่ฉันอยู่เพื่อพระเจ้าและความรักของพระองค์ และวัตถุประสงค์ที่ถาวร (กาลาเทีย 2:20) และมันเป็นความรัก ความสัมพันธ์ของพวกเรากับพระเยซู ที่ทำให้เรามีคุณสมบัติและนำให้เรารับใช้พระองค์กับคนอื่นๆ ในพระกายใหม่ของพระคริสต์ (2 โครินธ์ 5:14-15)
#2 เวลาของเราบนโลกนี้เพื่อนำทางคนอื่นไปถึงพระเยซู
เวลาของเราที่นี่ช่างแสนสั้น แต่พระเยซูมอบหมายสิ่งที่สำคัญทั้งหมดให้เรา การช่วยเหลือชีวิต การเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ การประกาศพระกิตติคุณ และสร้างทุกๆ ชนชาติให้เป็นสาวก (มัทธิว 28:18-20)
แม้ว่าตัวฉันเองจะเป็นคริสเตียนมานาน ฉันเองยังมีปัญหาเรื่องการเข้าหาผู้คนและพูดคุยเกี่ยวกับความเชื่อของคริสเตียนกับเพื่อนของฉันที่ไม่เป็นคริสเตียน ความกลัวที่จะถูกตัดสิน ถูกปฏิเสธ หรือแย่ไปกว่านั้น การพูดสิ่งที่ผิด
แต่ในพระคริสต์และความช่วยเหลือของพระวิญญาณ ฉันมีทุกสิ่งที่ต้องการเพื่อจะให้คนอื่นรู้จักพระคริสต์ (ยอห์น 14:16, 26) สำหรับฉันนั้น ฉันค้นพบว่ามันช่วยได้อย่างมากถ้าฉันอธิษฐานก่อน ระหว่าง และหลังจากการพูดคุย ฝากทุกๆ บทสนทนาไว้ในพระหัตถ์พระเจ้าทูลขอความเชื่อและความเข้าใจสำหรับทุกฝ่าย
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้อ่านคำพยานที่เป็นแรงบันดาลใจของ โจนาธาน นีโอ ซึ่งเป็นนักศึกษาวัยรุ่นจบใหม่คณะกฎหมายชาวสิงคโปร์ ผู้เคยเดินทางไปยังชายแดนยูเครนท่ามกลางความวุ่นวายและไฟสงคราม
เป้าหมายของเขาเพื่อจะส่งต่อเสียงของพระเจ้าไปยังผู้ลี้ภัยชาวยูเครน การเดินทางของเขาต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากและเผชิญสถานการณ์ความไม่แน่นอนในแต่ละวัน แต่ความตั้งใจที่มีไม่เคยลดลง
สิ่งที่ตราตรึงใจของฉันจากคำพยานของโจนาธาน คือ อายุ ภูมิหลังทางวัฒนธรรม อาชีพ และสถานะไม่มีผลใดๆ ต่อการประกาศที่เกิดผลของเขา สิ่งที่สำคัญคือ การฟังเสียงของพระเจ้าและตอบสนองด้วยความเชื่อ “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ใช้ข้าพระองค์ไป!” ส่งฉันไปในที่ที่พระองค์อยากให้ไป สำแดงให้ฉันเห็นว่าพระองค์ต้องการให้ทำอะไร
นี่เป็นคำอธิษฐานที่ยากและน่ากลัว สำหรับผู้ที่ติดตามพระเยซู มันหมายถึงการเตรียมพร้อมไม่ว่าพระองค์จะจัดเตรียมอะไรให้เรา ซึ่งรวมถึงความท้าทาย ความยากลำบาก ความตาย (มัทธิว 16:24) พวกเราส่วนใหญ่ รวมถึงตัวฉันเอง จะบอกกับตัวเองเสมอให้เลือกที่จะมีชีวิตบนโลกนี้แบบเรียบง่าย สบายๆ จนกระทั่งพระเยซูมารับเรากลับบ้าน
แต่การแสวงหาความสะดวกสบาย การมีความสุขกับตัวเอง กลับทำให้ฉันมักรู้สึกไม่สงบและไม่พอใจ เพราะลึกลงไปนั้นสันติสุขที่แท้จริงและความพึงพอใจมาจากการรู้จักพระคริสต์อย่างลึกซึ้ง มีประสบการณ์ทั้งในความเจ็บปวดและชัยชนะร่วมกับพระองค์ (ฟีลิปปี 3:10-12) ในขณะที่เราทุ่มเทชีวิตของเราเพื่อจะรู้จักพระองค์และนำผู้อื่นไปหาพระเจ้าทั้งในช่วงเวลาที่ดีและแย่ พระเจ้าทรงปลอบโยนเราด้วยความรักและทำให้เราชื่นชมยินดี อุ้มชูเราตลอดชีวิต (2 โครินธ์ 1:3-5)
ไม่ใช่พวกเราทุกคนที่จะถูกเรียกมาเพื่อไต่ภูเขาที่สูงชันหรือเป็นมิชชันนารีข้ามวัฒนธรรม แต่พวกเราแต่ละคนถูกเรียกให้ไต่เขาในชีวิตของเรา ฉะนั้นเราควรอุทิศตนอย่างเต็มที่ให้กับงานรับใช้ของพระเจ้า (1 โครินธ์ 15:58) แบ่งปันความรอดจากพระเยซูสู่เราทุกคน
อาจจะดูน่ากลัวที่ต้องแบ่งปันเรื่องราวความเชื่อ แต่เราสามารถเต็มด้วยความกล้าได้ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยคารม ความรู้ หรือการโน้มน้าวใจของเรา ความรอดจะไปถึงทุกๆ คนที่เชื่อ (โรม 1:16) ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเรา เพื่อนๆ เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรือจนไปสุดปลายแผ่นดินโลก ให้เราไม่รีรอที่จะอธิษฐานเผื่อผู้คนในชีวิตของเรา บอกถึงความหวังและชัยชนะที่พวกเรามีผ่านองค์พระเยซูคริสต์ (1 โครินธ์ 15:56-57)
เมื่อพวกเราแสวงหาพระคริสต์และให้พระองค์เป็นที่รู้จักในเรื่องชีวิตนิรันดร์ ให้เราใช้ชีวิตโดยมีพระกิตติคุณและส่งต่อพระคุณที่เราได้รับมาอย่างเต็มที่ไปสู่คนรอบๆ ตัวเราเป็นศูนย์กลาง เหมือนที่เซนต์ ออกัสตินอธิษฐานว่า “พระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์ โปรดให้เราได้รู้จักพระองค์ เพื่อพวกเราจะรักพระองค์อย่างแท้จริง และรักพระองค์ด้วยการรับใช้พระองค์ด้วยทั้งหมดที่มี เพื่อผู้ที่จะรับใช้พระองค์จะมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ในนามพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา”
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...