WRITER: ฌอน ควาห์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร
ชาร์ลส์ สเปอร์เจียน? เป็นโรคซึมเศร้า?
ผมได้ยินชื่อ ชาร์ลส์ สเปอร์เจียนครั้งแรกจากศิษยาภิบาลของผม เขาได้แบ่งปันข้อคิดดีๆ จากหลายๆ คำเทศนาของสเปอร์เจียนให้ฟัง ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมทึ่งกับ “สุดยอด” นักเทศน์ท่านนี้มาก และมันดูเป็นไปไม่ได้เลยที่นักเทศน์อย่างสเปอร์เจียนจะเผชิญกับปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้า
จนกระทั่งเพื่อนของผมเล่าให้ฟัง ผมถึงพึ่งเริ่มเห็นด้านที่แตกต่างออกไปของคนที่มี “สุดยอด” ความเชื่อ บวกกับความสนใจที่ผมอยากจะเรียนรู้เพิ่ม ผมได้ไปหาหนังสือความทุกข์ของสเปอร์เจียน ที่เขียนโดยแซค เอสไวน์มาอ่าน หนังสือเล่มนี้เล่าถึงประสบการณ์ของสเปอร์เจียนไว้อย่างละเอียด
การต่อสู้ของสเปอร์เจียนกับโรคซึมเศร้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศิษยาภิบาลของโบสถ์ขนาดใหญ่เมื่ออายุ 22 ปี ครั้งหนึ่งในขณะที่เขากำลังเทศนาให้กับคนหลายพันคนที่หอแสดงดนตรีเซอร์เรย์ การ์เด้นท์ มีคนแกล้งตะโกนขึ้นมาว่า “ไฟไหม้!” เสียงนั้นทำให้เกิดการแตกตื่นและชุลมุนอย่างมาก ในที่ประชุมทุกคนต่างรีบออกจากอาคารในทันที ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 28 คน
หลังจากเหตุการณ์นั้น สภาวะจิตของสเปอร์เจียนก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย
ซูซานนาห์ ภรรยาของเขาเคยเขียนว่า “ความเจ็บปวดของผู้เป็นที่รักของฉันบาดลึกและรุนแรงมาก เหตุผลนั้นดูเหมือนจะสั่นคลอนชีวิตของเธอ และบางครั้งพวกเราก็กลัวว่าเขาจะไม่มีวันเทศนาอีกต่อไปแล้ว”
หลายปีต่อมา สเปอร์เจียนต้องทนทุกข์กับสิ่งที่เรียกเขาว่า “โรคซึมเศร้าอย่างไร้สาเหตุ” เขาเคยพูดว่า “จิตวิญญาณของผมตกต่ำมาก จนผมสามารถร้องไห้อย่างหนักได้เป็นชั่วโมงเหมือนเด็ก และยังไม่รู้ว่าผมร้องไห้ทำไม”
ในขณะที่ผมไม่สามารถจิตนาการได้ว่า ชาร์ลส์ สเปอร์เจียนต้องเจออะไรมาบ้าง แต่ผมก็คุ้นเคยกับโรคซึมเศร้าเป็นอย่างดี ผมพึ่งผ่านช่วงเวลาที่ผมรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างหนัก และถามพระเจ้าถึงเรื่องความโสดของผมว่า “ทำไม?” และ “เมื่อไหร่?”
ดังนั้น ยิ่งผมอ่านหนังสือเล่มนี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากรู้ว่าสเปอร์เจียนผ่านอาการซึมเศร้าของเขามาได้อย่างไร และเผื่อว่าเขาจะมีเคล็ดลับอะไรที่ผมจะสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้บ้าง
ในทางกลับกัน ผมได้ค้นพบสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากกว่านั้นซึ่งก็คือ ในขณะที่สเปอร์เจียนไม่ได้ค้นพบวิธีการรักษาอาการซึมเศร้าของเขา เขายังคงยืนหยัดในการมอบส่วนของชีวิตที่ยังดีอยู่ไปกับการรับใช้พระเจ้าโดยการเดินทางเทศนารอบประเทศอังกฤษ
ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างกระตือรือร้นในโบสถ์ ผมรับใช้โดยการเป็นหัวหน้ากลุ่มเซลและเป็นหนึ่งในกรรมการอนุชน โดยผมจะคอยช่วยหาวิธีที่จะนำอนุชนให้เข้าใกล้พระเจ้ามากยิ่งขึ้น ในเวลานั้นเอง ผมรู้สึกว่าปัญหาที่ผมมีเรื่องอาการซึมเศร้าทำให้ผมรู้สึกไม่คู่ควรที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ เพราะผมคิดว่าผมอาจจะเป็นภาระมากกว่าที่จะช่วยเหลืออนุชนได้ถ้าผมยังนำต่อไปแบบนี้ ผมเคยถึงขั้นบอกว่าจะให้เพื่อนร่วมรับใช้ของผมมาทำหน้าที่แทน พวกเขาหนุนใจให้ผมรับใช้ต่อไป แต่พวกเขาก็เคารพการตัดสินใจของผม หากว่าผมแน่ใจแล้วจริงๆ ว่านี่คือสิ่งที่ผมต้องการ
อย่างไรก็ดี ชีวิตของสเปอร์เจียนแสดงให้ผมเห็นว่าบางทีมันก็มีแง่มุมอื่นๆ ที่ผมสามารถมองโรคซึมเศร้าของผมได้เหมือนกัน ไม่ใช่มุมที่มองว่ามันมาขัดขวางเราในการทำงาน แต่เป็นทางที่ผมจะได้เรียนรู้ความรักและความชอบธรรมของพระเจ้าในมุมที่ล้ำลึกขึ้น
ผมไม่ได้อยู่คนเดียว
เพราะพระองค์เองได้ทนทุกข์และถูกทดลองพระองค์จึงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลองได้
ฮีบรู 2:18
ในเวลาแห่งความทุกข์ บ่อยครั้งที่พวกเราได้ยินว่าพระเยซูจะทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา ในขณะที่เรากำลังรอความจริงข้อนี้ที่จะเกิดขึ้น สเปอร์เจียนได้เชิญชวนผู้ที่ทนทุกข์จากโรคซึมเศร้าให้เข้ามารับการช่วยเหลือจากพระผู้ช่วยให้รอด เป็นที่ๆ พวกเราต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะพบ และนั่นก็คือที่สวนเกทเสมนี
สำหรับสเปอร์เจียน “ภาวะซึมเศร้า” แสดงให้เห็นถึงภาพสวนแห่งความทุกข์ทรมาน เป็นที่ๆ พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา” (มัทธิว 26:38) เพราะเหตุนั้นเอง ผู้ที่ทนทุกข์จากโรคซึมเศร้าสามารถเข้ามาพักสงบเหมือนดั่งเรื่องราวของพระเยซูที่ในครั้งหนึ่งพระองค์เคยทุกข์ทรมานอย่างสาหัสและเจ็บปวดจนกระทั่งมรณา
ผมไม่เคยมองภาพช่วงเวลาที่พระเยซูประทับอยู่ในสวนเกทเสมนีในมุมนี้มาก่อนเลย และบ่อยครั้งผมก็มัวแต่โฟกัสไปที่มุมอื่นๆ ในการเดินทางของพระเยซูก่อนที่จะไปถึงไม้กางเขน แต่การอ่านคำอธิบายของสเปอร์เจียนทำให้ผมได้กลับมาซาบซึ้งในพระผู้ช่วยให้รอดของผมอีกครั้ง
มันช่วยให้ผมเห็นว่าพระเยซูไม่เพียงแต่ให้ความหวังสำหรับอนาคตกับผม แต่ให้ความหวังสำหรับที่นี่และตอนนี้อีกด้วย
เหมือนอย่างที่พระธรรมฮีบรู 2:18 ได้เตือนใจเราว่า พระองค์ทรงเข้าใจความเจ็บปวดและปัญหาของเรา เพราะพระองค์เองได้ทรงทนทุกข์และถูกทดลอง
การได้รู้ความจริงนี้นำผมให้อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกสิ้นหวัง ผมจะย้ำเตือนตัวเองให้เชื่อวางใจว่าพระคริสต์ทรงสถิตอยู่ที่นี่กับผม พระองค์ทรงรับรู้ถึงความเจ็บปวดของผม และผมสามารถวางความรู้สึกทั้งหมดของผมไว้กับพระองค์ได้ วิธีนี้ช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลาที่ผมรู้สึกหมดแรงมาได้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อผมอยู่ที่ทำงานหรือในขณะที่ผมรับใช้อยู่ที่โบสถ์ก็ตาม และวิธีนี้ยังช่วยเสริมกำลังผมให้ทำงานได้ต่อไปอีกด้วย
ชวนเพื่อนๆ ให้เข้ามาในการเดินทางของคุณ
“จงช่วยรับภาระของกันและกัน และด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์”
กาลาเทีย 6:2
ในหนังสือความทุกข์ของสเปอร์เจียน แซค เอสไวน์ ได้อธิบายถึงวิธีการที่สเปอร์เจียนทำเพื่อดึงตัวของเขาเองออกจากอาการซึมเศร้า เช่น หัวเราะ ใช้เวลาพักสงบ และหาวันหยุดพักผ่อน ผมพบว่าคำแนะนำเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อผมเริ่มลองไม่ทำอะไรเลยนอกจากนอนเฉยๆ อยู่ที่บ้านในตอนที่ผมรู้สึกซึมเศร้า ถึงแม้ว่าวิธีเหล่านี้จะสามารถเป็นวิธีการผ่อนคลายที่ดีก็ตาม แต่สเปอร์เจียนหนุนใจให้พวกเราที่จะเข้าร่วมการผ่อนคลายในอีกแบบหนึ่งที่จะสามารถช่วยดึงเราขึ้นจากภาวะอารมณ์ของเราได้
ผมค้นพบว่าการนัดเพื่อนๆ มาใช้เวลาและมีความสุขร่วมกันเป็นวิธีที่ช่วยผมได้เป็นอย่างมาก รวมถึงการแบ่งปันเรื่องราวปัญหาและนำปัญหาเหล่านั้นมาวางไว้กับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน (กาลาเทีย 6:2) แทนการเก็บมันไว้คนเดียวด้วย และถึงแม้ว่าเราจะไม่มีเวลามาเจอกัน การที่ได้ส่งข้อความไปหาเพื่อนสักคน และรู้ว่าเขาเดินอยู่ข้างๆ ผมก็ช่วยให้ผ่านพ้นอาการซึมเศร้าของผมได้เช่นกัน
พึ่งพิงในพระคริสต์
พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่
เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27
ชีวิตของสเปอร์เจียนเป็นตัวอย่างให้กับผมในเรื่องการพึ่งพาในพระคริสต์ และให้ความหวังกับผมว่า การที่ผมมีปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าไม่ได้ทำให้ผมไร้ความสามารถในการรับใช้คนของพระเจ้าเลย
ความจริงแล้ว ผมตระหนักได้ว่ามันโอเคที่จะบอกคนอื่นว่าผมกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร นั่นอาจจะช่วยให้ผมพึ่งพิงในพระคริสต์ ในพระคำของพระองค์ และในชุมชนที่พระองค์ทรงประทานให้กับผมมากขึ้นอีกด้วย ผมรู้ว่าพระองค์เป็นที่ลี้ภัยของผมและพระกรนิรันดร์ของพระองค์จะพาผมให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตนี้ได้ เหมือนกับที่พระองค์เคยทำกับสเปอร์เจียน และเฝ้ามองเขาผ่านโรคซึมเศร้าและชีวิตแห่งการรับใช้ของเขา
ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาโรคซึมเศร้าเหมือนกัน ผมหวังว่าคุณจะได้รับการปลอบประโลมใจด้วยความจริงที่ว่าพระคริสต์ให้ความหวังสำหรับการเดินทางบนโลกนี้ของเรานะครับ และผมขออธิษฐานต่อพระเจ้าที่พระคุณอันมั่นคงของพระองค์จะเทลงมาเหนือชีวิตของคุณ
YOU MAY ALSO LIKE
เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน
WRITER: กาเบรียล ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: Mustard Seed Team อินโทรเวิร์ต (Introvert) เป็นคนเงียบ ขี้อายและไม่ชอบพบปะคนอื่น ส่วนคนเอ็กซ์ทราเวิร์ต (หรือ เอ็กซ์โทรเวิร์ต ใช้ในทางจิตวิทยา (Extravert or Extrovert)) เป็นคนเสียงดัง...
การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)
WRITER: มิเชล ไล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: อรุณพร ทักษิณทวีทรัพย์EDITOR: Mustard Seed Team ฉันได้ยินคำย่อนี้ครั้งแรกในโบสถ์ของฉันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากในการจัดการเวลาหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย...
สิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนที่กำลังต่อสู้กับโรคทางจิตเวช
WRITER: แอนนา เชน สเตดิค ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร พวกเขาขมวดคิ้วเมื่อฉันบอกว่าฉันกำลังเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฉันกำลังทานอาหารกลางวันในงานประชุมของนักเขียนคริสเตียน...