fbpx

ความกลัวอะไรที่ขวางกั้นคุณไว้

วันที่ 18 | พระธรรมประจำวัน

จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ เพราะอีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้
จงปันส่วนของเจ้าออกเป็นเจ็ดส่วน เออ ถึงแปดส่วนก็ดี เพราะเจ้าไม่ทราบว่า สิ่งเลวร้ายอะไรจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก
เมื่อเมฆเต็มด้วยน้ำ มันก็จะเทฝนลงมาบนแผ่นดินโลก และเมื่อต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันล้มลงตรงไหนมันก็นอนอยู่ตรงนั้น
ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดมัวจ้องมองเมฆก็จะไม่เกี่ยวข้าว
เจ้าไม่ทราบว่าลมหายใจเข้าไปในโครงร่างที่อยู่ในมดลูกหญิงมีครรภ์อย่างไร เจ้าก็จะไม่ทราบถึงพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดอย่างนั้น
เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็นก็อย่าหดมือเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่รู้ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน วัยหนุ่มสาวและวัยชรา
แสงสว่างทำให้สดชื่น และการที่นัยน์ตาเห็นดวงตะวันก็เป็นที่ชื่นบาน
เออ ถ้าคนใดมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี จงให้เขาเปรมปรีดิ์ตลอดปีเหล่านั้น แต่ให้เขาระลึกด้วยว่า วันมืดก็จะมีมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นก็อนิจจัง
โอ เยาวชน จงเปรมปรีดิ์ในวัยหนุ่มสาวของเจ้า และให้จิตใจของเจ้าทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในวัยหนุ่มสาวของเจ้า เจ้าจงดำเนินชีวิตตามจิตใจของเจ้าและตามที่ตาของเจ้าเห็นควร แต่จงรู้เถิดว่าเพราะทุกอย่างเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา
10 จงขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้า เพราะวัยหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็นอนิจจัง

สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวความล้มเหลว

ไม่ว่าจะเป็นการท้าทายให้ใครมาแข่งเล่นบอร์ดเกมกับฉัน การเลือกระหว่างของไม่กี่อย่างตอนชอบปิ้ง หรือการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ที่มีผลกับชีวิต เช่น จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศดีหรือไม่ บางครั้งฉันก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะความกลัวว่าจะตัดสินใจผิด จนในที่สุด ฉันก็ลงเอยด้วยการไม่ทำอะไรเลย

บ่อยครั้งฉันก็ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงอยู่ในหัวนานมาก คอยกังวลถึงความเป็นไปได้ว่าจะจบลงด้วย “สิ่งเลวร้าย” (ข้อ 2) จนพลาดการได้รับประสบการณ์หรือพลาดการได้เดินหน้าต่อไป

พูดอีกอย่างก็คือ ฉันเป็นเหมือนคนที่ผู้เขียนพูดถึงในปัญญาจารย์ 11:4 ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่หว่านและไม่เก็บเกี่ยว เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการสังเกต “ลม” และจ้องมอง “เมฆ” แล้วรอคอยสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบก่อนลงมือทำ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนระมัดระวังและมีปัญญา หรือคิดว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ฉันไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดจากการตัดสินใจผิดพลาดที่เลวร้าย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ไม่ว่าฉันจะสามารถคาดคะเนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์นั้นๆ หรือคาดเดาโอกาสที่มันอาจจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ดีขนาดไหนก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่การรับประกันว่าฉันจะได้ผลลัพธ์ตามที่ฉันหวังไว้

ฉันเข้าใจความจริงในข้อนี้อย่างลึกซึ้ง เมื่อฉันต้องออกจากงานหลังจากเริ่มทำไปได้เก้าเดือน ตอนที่ฉันสมัครงานนี้ ฉันคิดว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด ฉันอธิษฐาน ฉันได้ปรึกษาบรรดาพี่เลี้ยงและผู้นำ ฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้ อันที่จริงแล้ว ทุกอย่างลงตัวอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกเหมือนว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เปิดประตูงานนี้ให้กับฉัน นั่นย่อมพาไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวมิใช่หรือ?

น่าเสียดาย ดังที่ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า การรับประกันเดียวที่เรามีในชีวิตนี้ก็คือ ไม่มีการรับประกันในเรื่องใดทั้งสิ้น แม้ว่าเราจะพยายามเพียงใด เราก็ “ไม่ทราบถึงพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัด” (ข้อ 5) 

แล้วทางออกคืออะไรล่ะ? แทนที่จะวิเคราะห์ทุกรายละเอียดก่อนลงมือทำ แทนที่จะเฝ้าดูทุก “การพยากรณ์อากาศ” เพื่อป้องกันไม่ให้ฝนทำให้งานเสีย เขาบอกว่า “เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็นก็อย่าหดมือเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่รู้ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน” (ข้อ 6) นี่หมายความว่าเราจะต้องใช้ทุกโอกาสที่มีในการหว่านอย่างขยันขันแข็ง แล้วฝากผลลัพธ์ไว้ในพระหัตถ์ของพระผู้สร้าง 

หลังจากได้ลิ้มรสทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ฉันก็เริ่มเห็นสติปัญญาในถ้อยคำเหล่านี้ของผู้เขียน แม้ว่าการต้องออกจากงานแรกทำให้ฉันเสียกำลังใจและเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคต ฉันก็ได้เรียนรู้แล้วว่า ถ้าฉันทำงานอย่างสัตย์ซื่อในทุกที่ที่พระเจ้าทรงให้ฉันอยู่ พระองค์ก็จะทรงนำฉันเข้าใกล้สิ่งที่ทรงเรียกให้ทำเสมอ นั่นคือการใช้ของประทานในการถวายเกียรติแด่พระองค์

ด้วยประโยชน์ที่ได้รับจากการมองย้อนกลับไปในอดีตและการที่ฉันได้งานที่เหมาะสมกับฉันกว่าเดิมมาก ตอนนี้ฉันเห็นความสำเร็จและความล้มเหลว เห็นประตูที่เปิดออกและประตูที่ปิดไป เป็นสิ่งที่มันเป็นอย่างแท้จริง นั่นก็คือเป็นเครื่องมือชี้ทางให้เราเห็นถึงพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อเรา

บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจในการยืนยันอย่างมั่นใจของผู้เขียนที่ว่า “จงขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้า” (ข้อ 10) แทนที่เราจะให้ความล้มเหลวที่เราเจอมา หรือสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เป็นตัวเหนี่ยวรั้งเราไว้ ให้เราเดินหน้าต่อไปด้วยความจริงข้อนี้คือ ตราบใดที่เราตัดสินใจได้ถูกต้องในเรื่องสำคัญในชีวิต นั่นคือเลือกที่จะดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า มันก็จะนำพาเราให้รอดพ้นความไม่แน่นอนของชีวิตไปได้

– โดย รีเบคก้า ลิม ประเทศมาเลเซีย

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ

1.  คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนชอบเสี่ยง หรือเป็นผู้ไม่ชอบความเสี่ยงจนอยู่แต่ในเขตปลอดภัยของตัวเอง? ปัญญาจารย์ 11:1-6 อาจช่วยให้คุณก้าวออกมาด้วยความมั่นใจได้อย่างไร แม้ว่าคุณจะไม่รู้คำตอบทั้งหมด?

2. พระธรรมในตอนนี้ช่วยให้คุณ “ขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้า” (ข้อ 10) ได้อย่างไร?

ตอบสนองด้วยบทเพลง

เกี่ยวกับผู้เขียน

ความพึงพอใจที่รีเบคก้าได้รับจากการตามใจตัวเองคือ เรื่องราวต่างๆ ของว่างและการนอน เมื่อเธอไม่ได้ใช้เวลาเยอะคิดวนๆ ในหัวตัวเอง เธอพบความชื่นชมยินดีอย่างลึกซึ้งในการเป็นพยานเรื่องพลังของถ้อยคำ (และพระวจนะของพระเจ้า) ในการช่วยกู้ความเจ็บปวดผิดหวังของเรา

ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This