มิตรภาพที่มีเงื่อนไข
วันที่ 13 | พระธรรมประจำวัน
“คุณรู้สึกยังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้? คุณแทบไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่อยู่ในกลุ่ม” ผู้นำกลุ่มเซลล์พูดกับฉันตอนเรากำลังเดินไปที่รถ
ฉันถอนหายใจ ครอบครัวที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโบสถ์เพิ่งออกจากโบสถ์ไป และแม้ว่าคนอื่นๆ ในกลุ่มเซลล์จะแบ่งปันความคิดและความรู้สึกในเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ในโบสถ์ ฉันกลับเงียบอยู่ ฉันบอกกับผู้นำว่า ความจริงก็คือปฏิกิริยาของฉันต่อเหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบกับคนอื่นๆ ในโบสถ์ แต่มันกลับเป็นเรื่องของมิตรภาพที่ท้าทายระหว่างฉันกับลอเรน ซึ่งเป็นลูกคนหนึ่งของครอบครัวนั้น
ในช่วงที่ยากๆ ช่วงหนึ่งในอดีต ฉันจะรู้สึกโล่งอกถ้าครอบครัวของลอเรนออกจากโบสถ์ของเราไป แม้ว่าฉันจะพยายามเข้าหาเธออย่างสม่ำเสมอ หลายครั้งก็อธิษฐานกับเธอเวลาเธอเจออะไรหนักๆ รับฟังเธอเล่าเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนนักเรียนของเธอและเรื่องกีฬา ในขณะที่ฉันพยายามจดจำรายละเอียดของเรื่องที่เธอเล่าเสมอ เธอกลับแทบจะไม่พยายามทำอย่างที่ฉันทำเลย หลังจากนั้น พอดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเราเริ่มจะดีขึ้น ครอบครัวของเธอก็ออกจากโบสถ์ไป ฉันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดกลับกลายเป็นสูญเปล่า
หนึ่งในหัวข้อที่พูดถึงในพระธรรมปัญญาจารย์บทที่ 7 คือ ความชอบธรรมและการทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้เป็นหลักประกันถึงผลลัพธ์ที่จะออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ในปัญญาจารย์ 7:14 พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งช่วงเวลาดีและร้าย “เพื่อมนุษย์จะค้นไม่พบว่า เมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรตามเขามาในภายหลัง” การที่ครอบครัวของลอเรนออกจากโบสถ์ไปแบบไม่คาดคิด ทำให้ฉันช็อกและตระหนักในเรื่องนี้ ในขณะที่ฉันพยายามยอมรับการสูญเปล่า ซึ่งเป็นผลจากความสัมพันธ์ที่ถูกตัดขาดไปอย่างกะทันหัน ฉันก็ต้องเผชิญกับความคาดหวังผิดๆ ของฉันในเรื่องมิตรภาพ
การเสียลอเรนไปทำให้ฉันรู้ว่า ฉันเป็นคนมีแรงจูงใจเพื่อทำให้ตัวเองชอบธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนปัญญาจารย์ได้เตือนเอาไว้ว่า “อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด” (ข้อ 16) ฉันเคยคิดว่าความรักที่ฉันมีให้เธอเป็นรักที่เสียสละ แต่ความโอบอ้อมอารีและความอดทนของฉันนั้นกลับมีเงื่อนไข เพราะว่าฉันต้องการความรู้สึกขอบคุณจากเธอ และคาดหวังว่าเดี๋ยวเราก็จะสนิทกันมากขึ้นในอีกไม่นาน อะไรที่น้อยกว่านี้จะทำให้ฉันรู้สึกว่า นี่เป็นการทำสิ่งถูกต้องที่เสียแรงเปล่า ถึงฉันจะห่วงใยเธอจริงๆ และพยายามที่จะเป็นเพื่อนที่ดี แต่ฉันก็ยังคิดด้วยว่า ถ้าฉันทำตัวชอบธรรมพอ ฉันจะได้รับรางวัลที่สมน้ำสมเนื้อกับการเสียสละของตัวเอง
เนื่องจากไม่มีทางที่เราจะใช้ชีวิตที่ชอบธรรมได้มากพอที่จะป้องกันความเจ็บปวด หรือเป็นหลักประกันได้ว่าเราจะมีความสุข เราจึงจำเป็นต้องยอมรับแผนการของพระเจ้า และแสวงหาปัญญาที่ให้กำลังกับเรา (ข้อ 19) กำลังนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เราจะรับมือกับความชื่นชมยินดีและความทุกข์ยากต่างๆ ในชีวิตโดยไม่ให้สถานการณ์มาหล่อหลอมตัวตนของเรา แต่ปลดปล่อยเราให้สามารถนมัสการพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว และให้เรายอมรับสิทธิอำนาจของพระองค์ แทนที่จะ “เหยียดตรงในสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้คด” (ข้อ 13)
พระเจ้าทรงเรียกให้เราบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ของเราเอง และเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ไม่ใช่เพื่อทำให้เราสามารถควบคุมชีวิตได้หรือได้ในสิ่งที่เราต้องการโดยการทำตามกฏ เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันลงทุนอย่างมากในมิตรภาพระหว่างฉันกับลอเรน เพราะถึงแม้ว่ามันจะจบลงอย่างกะทันหัน ฉันรู้ว่าฉันได้ทำเต็มที่แล้วในการหนุนใจเธอ และเป็นพยานถึงความรักแบบพระคริสต์ในชีวิตของเธอ
มิตรภาพระหว่างฉันกับลอเรนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฉันอยากให้เป็น แต่ฉันได้เรียนรู้ว่า เมื่อฉันรู้สึกมั่นคงในความรักของพระเจ้า ฉันก็มีอิสระในการแสดงความรักต่อคนอื่น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับกลับมาเท่ากับที่ฉันให้ออกไป แทนที่จะคาดหวังว่าความสัมพันธ์จะต้องให้ผลลัพธ์ตามที่ฉันต้องการ ฉันก็สามารถรักคนอื่นได้เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างพวกเขาขึ้นมาและทรงเห็นคุณค่าของพวกเขา และเพราะฉันเป็นพยานคนหนึ่งถึงความดีและความรักของพระองค์
– โดย แอบิเกล เอลลิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ
1. คุณคิดว่าคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณ “ทำตัวชอบธรรมเกินไป”? (ข้อ 16) และสิ่งนั้นสามารถนำไปสู่ “การถูกทำลาย” ได้อย่างไร?
2. นึกถึงสิ่งที่คุณได้ลงทุนไป แต่พบกับความผิดหวังในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่คุณคาดหวัง แต่พระเจ้าได้ทรงทำงานในสถานการณ์นั้นอย่างไรบ้าง ที่ช่วยให้คุณเติบโตขึ้น หรือเพื่อให้คุณหนุนใจผู้อื่น?
ตอบสนองด้วยบทเพลง
เกี่ยวกับผู้เขียน
แอบิเกลรักการอ่าน รักการเขียนนวนิยาย และการเขียนบันทึกประจำวัน เธอขอบคุณพระเจ้าที่ทรงใช้การท่องจำพระวจนะมาสร้างชีวิตและรักษาความเชื่อของเธอไว้
กลับไปที่ Mustard Seed Reading ปัญญาจารย์
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)