fbpx

มิตรภาพที่มีเงื่อนไข

วันที่ 13 | พระธรรมประจำวัน

ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างดี และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด
ไปยังเรือนที่มีการคร่ำครวญ ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ
ความโศกเศร้าก็ดีกว่าการหัวเราะ เพราะความโศกเศร้าบนใบหน้าทำให้จิตใจยินดี
จิตใจของคนมีปัญญา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีการคร่ำครวญ แต่จิตใจของคนเขลา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีการสนุกสนาน
ฟังคำตำหนิของคนที่มีปัญญา ยังดีกว่าฟังเพลงของคนเขลา
เสียงเรียวหนามไหม้แตกอยู่ใต้หม้ออย่างไร เสียงหัวเราะของคนเขลาก็เป็นอย่างนั้น นี่ก็อนิจจังด้วย
แท้จริงการกดขี่ข่มเหงทำให้ผู้มีปัญญาโง่ไป และสินบนก็ทำลายสามัญสำนึกเสีย
เบื้องปลายของสิ่งใดๆ ก็ดีกว่าเบื้องต้นของสิ่งนั้นๆ จิตใจที่อดกลั้นก็ดีกว่าจิตใจที่อหังการ
อย่าให้จิตใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธฝังอยู่ในทรวงอกของคนเขลา
10 อย่าว่า “ทำไมอดีตดีกว่าปัจจุบัน?” เพราะที่เจ้าถามเช่นนั้นไม่ได้ถามด้วยใช้ปัญญา
11 ปัญญาดีกว่ามรดก และเป็นประโยชน์แก่คนที่ได้เห็นดวงตะวัน
12 เพราะว่า ปัญญาเป็นเครื่องป้องกันเช่นเดียวกับที่เงินเป็นเครื่องป้องกัน แต่ประโยชน์ของความเข้าใจคือ ปัญญาให้ชีวิตแก่ผู้เป็นเจ้าของปัญญานั้น
13 จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้เล่า?
14 ในเวลาที่ได้รับสิ่งดีๆ ก็จงชื่นชมยินดี แต่ในเวลาที่ได้รับสิ่งร้ายๆ ก็จงพินิจพิจารณา พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งสองอย่าง เพื่อมนุษย์จะค้นไม่พบว่า เมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรตามเขามาในภายหลังปริศนาชีวิต
15 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นในชีวิตอนิจจังของข้าพเจ้าคือ มีคนชอบธรรมพินาศในความชอบธรรมของเขา และมีคนอธรรมมีชีวิตยืนยาวในการอธรรมของเขา 
16 อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด เหตุใดเจ้าจะทำลายตัวเองเสียเล่า? 
17 อย่าอธรรมเกินไป และอย่าทำตัวเป็นคนเขลา ทำไมเจ้าจะไปตายก่อนเวลาของเจ้าเล่า? 
18 เป็นการดีที่เจ้าจะยึดถือคำเตือนนี้ไว้ เออ และไม่ปล่อยมือจากอีกคำเตือนหนึ่ง เพราะว่าผู้เกรงกลัวพระเจ้าจะพ้นจากทั้งสองเรื่องแปลได้อีกว่า เพราะว่าผู้เกรงกลัวพระเจ้าจะทำหน้าที่ของเขาตามคำเตือนทั้งสองเรื่อง
19 ปัญญาให้กำลังแก่คนมีปัญญา มากกว่าผู้ครอบครองสิบคนที่อยู่ในเมือง
20 แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย
21 อย่าสนใจฟังทุกถ้อยคำที่คนกล่าว เพื่อเจ้าจะไม่ได้ยินทาสของเจ้าแช่งด่าเจ้า 
22 เพราะเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจของเจ้าว่า ตัวเจ้าเองได้แช่งด่าคนอื่นหลายครั้งเหมือนกัน
23 ข้าพเจ้าพิสูจน์ทั้งหมดนี้ด้วยใช้ปัญญา ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะมีปัญญา” แต่ปัญญานั้นกลับอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า 
24 สิ่งที่เป็นอยู่ก็อยู่ไกล และลึกล้ำเหลือเกิน ใครจะค้นพบได้? 
25 ข้าพเจ้าตั้งใจหันกลับมาเรียนรู้ สำรวจและแสวงหาปัญญา และต้นเหตุของสิ่งต่างๆ และเรียนรู้ความอธรรม ความโง่ ความเขลา และความบ้าบอ 
26 ข้าพเจ้าได้พบอีกสิ่งหนึ่งซึ่งขมขื่นยิ่งกว่าความตายคือ ผู้หญิงซึ่งมีใจเป็นบ่วงแร้วและตาข่าย มือของนางเป็นโซ่ตรวน คนที่พระเจ้าพอพระทัยจะหนีพ้นนาง แต่คนบาปจะถูกผู้หญิงคนนั้นจับเอาไป 
27 ปัญญาจารย์กล่าวว่า ดูเถิด ข้าพเจ้าพบดังต่อไปนี้ เมื่อเอาสิ่งหนึ่งมาเพิ่มเข้าไปในอีกสิ่งหนึ่งจะได้ข้อสรุป 
28 สิ่งซึ่งข้าพเจ้าทุ่มตัวหาแล้วหาอีก แต่ข้าพเจ้าหาไม่พบคือ ในมนุษย์พันคนจะพบแต่เพียงคนเดียว และคนเดียวที่พบนั้นไม่เคยเป็นผู้หญิงเลย 
29 ดูเถิด สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าพบคือ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนเที่ยงธรรม แต่เขาทั้งหลายได้ค้นคว้ากลอุบายต่างๆ ออกมา

“คุณรู้สึกยังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้? คุณแทบไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่อยู่ในกลุ่ม” ผู้นำกลุ่มเซลล์พูดกับฉันตอนเรากำลังเดินไปที่รถ

ฉันถอนหายใจ ครอบครัวที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโบสถ์เพิ่งออกจากโบสถ์ไป และแม้ว่าคนอื่นๆ ในกลุ่มเซลล์จะแบ่งปันความคิดและความรู้สึกในเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ในโบสถ์ ฉันกลับเงียบอยู่ ฉันบอกกับผู้นำว่า ความจริงก็คือปฏิกิริยาของฉันต่อเหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบกับคนอื่นๆ ในโบสถ์  แต่มันกลับเป็นเรื่องของมิตรภาพที่ท้าทายระหว่างฉันกับลอเรน ซึ่งเป็นลูกคนหนึ่งของครอบครัวนั้น

ในช่วงที่ยากๆ ช่วงหนึ่งในอดีต ฉันจะรู้สึกโล่งอกถ้าครอบครัวของลอเรนออกจากโบสถ์ของเราไป  แม้ว่าฉันจะพยายามเข้าหาเธออย่างสม่ำเสมอ หลายครั้งก็อธิษฐานกับเธอเวลาเธอเจออะไรหนักๆ รับฟังเธอเล่าเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนนักเรียนของเธอและเรื่องกีฬา ในขณะที่ฉันพยายามจดจำรายละเอียดของเรื่องที่เธอเล่าเสมอ เธอกลับแทบจะไม่พยายามทำอย่างที่ฉันทำเลย หลังจากนั้น พอดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเราเริ่มจะดีขึ้น ครอบครัวของเธอก็ออกจากโบสถ์ไป ฉันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดกลับกลายเป็นสูญเปล่า

หนึ่งในหัวข้อที่พูดถึงในพระธรรมปัญญาจารย์บทที่ 7 คือ ความชอบธรรมและการทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้เป็นหลักประกันถึงผลลัพธ์ที่จะออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ในปัญญาจารย์ 7:14 พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งช่วงเวลาดีและร้าย “เพื่อมนุษย์จะค้นไม่พบว่า เมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรตามเขามาในภายหลัง การที่ครอบครัวของลอเรนออกจากโบสถ์ไปแบบไม่คาดคิด ทำให้ฉันช็อกและตระหนักในเรื่องนี้ ในขณะที่ฉันพยายามยอมรับการสูญเปล่า ซึ่งเป็นผลจากความสัมพันธ์ที่ถูกตัดขาดไปอย่างกะทันหัน ฉันก็ต้องเผชิญกับความคาดหวังผิดๆ ของฉันในเรื่องมิตรภาพ

การเสียลอเรนไปทำให้ฉันรู้ว่า ฉันเป็นคนมีแรงจูงใจเพื่อทำให้ตัวเองชอบธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนปัญญาจารย์ได้เตือนเอาไว้ว่า “อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด” (ข้อ 16) ฉันเคยคิดว่าความรักที่ฉันมีให้เธอเป็นรักที่เสียสละ แต่ความโอบอ้อมอารีและความอดทนของฉันนั้นกลับมีเงื่อนไข เพราะว่าฉันต้องการความรู้สึกขอบคุณจากเธอ และคาดหวังว่าเดี๋ยวเราก็จะสนิทกันมากขึ้นในอีกไม่นาน อะไรที่น้อยกว่านี้จะทำให้ฉันรู้สึกว่า นี่เป็นการทำสิ่งถูกต้องที่เสียแรงเปล่า ถึงฉันจะห่วงใยเธอจริงๆ และพยายามที่จะเป็นเพื่อนที่ดี แต่ฉันก็ยังคิดด้วยว่า ถ้าฉันทำตัวชอบธรรมพอ ฉันจะได้รับรางวัลที่สมน้ำสมเนื้อกับการเสียสละของตัวเอง

เนื่องจากไม่มีทางที่เราจะใช้ชีวิตที่ชอบธรรมได้มากพอที่จะป้องกันความเจ็บปวด หรือเป็นหลักประกันได้ว่าเราจะมีความสุข เราจึงจำเป็นต้องยอมรับแผนการของพระเจ้า และแสวงหาปัญญาที่ให้กำลังกับเรา (ข้อ 19) กำลังนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เราจะรับมือกับความชื่นชมยินดีและความทุกข์ยากต่างๆ ในชีวิตโดยไม่ให้สถานการณ์มาหล่อหลอมตัวตนของเรา แต่ปลดปล่อยเราให้สามารถนมัสการพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว และให้เรายอมรับสิทธิอำนาจของพระองค์ แทนที่จะ “เหยียดตรงในสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้คด” (ข้อ 13)

พระเจ้าทรงเรียกให้เราบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ของเราเอง และเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ไม่ใช่เพื่อทำให้เราสามารถควบคุมชีวิตได้หรือได้ในสิ่งที่เราต้องการโดยการทำตามกฏ เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันลงทุนอย่างมากในมิตรภาพระหว่างฉันกับลอเรน เพราะถึงแม้ว่ามันจะจบลงอย่างกะทันหัน ฉันรู้ว่าฉันได้ทำเต็มที่แล้วในการหนุนใจเธอ และเป็นพยานถึงความรักแบบพระคริสต์ในชีวิตของเธอ

มิตรภาพระหว่างฉันกับลอเรนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฉันอยากให้เป็น แต่ฉันได้เรียนรู้ว่า เมื่อฉันรู้สึกมั่นคงในความรักของพระเจ้า ฉันก็มีอิสระในการแสดงความรักต่อคนอื่น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับกลับมาเท่ากับที่ฉันให้ออกไป แทนที่จะคาดหวังว่าความสัมพันธ์จะต้องให้ผลลัพธ์ตามที่ฉันต้องการ ฉันก็สามารถรักคนอื่นได้เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างพวกเขาขึ้นมาและทรงเห็นคุณค่าของพวกเขา และเพราะฉันเป็นพยานคนหนึ่งถึงความดีและความรักของพระองค์

– โดย แอบิเกล เอลลิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ

1. คุณคิดว่าคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณ “ทำตัวชอบธรรมเกินไป”? (ข้อ 16) และสิ่งนั้นสามารถนำไปสู่ “การถูกทำลาย” ได้อย่างไร?

2. นึกถึงสิ่งที่คุณได้ลงทุนไป แต่พบกับความผิดหวังในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่คุณคาดหวัง  แต่พระเจ้าได้ทรงทำงานในสถานการณ์นั้นอย่างไรบ้าง ที่ช่วยให้คุณเติบโตขึ้น หรือเพื่อให้คุณหนุนใจผู้อื่น?

ตอบสนองด้วยบทเพลง

เกี่ยวกับผู้เขียน

แอบิเกลรักการอ่าน รักการเขียนนวนิยาย และการเขียนบันทึกประจำวัน เธอขอบคุณพระเจ้าที่ทรงใช้การท่องจำพระวจนะมาสร้างชีวิตและรักษาความเชื่อของเธอไว้

ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI 

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This