fbpx

จงทำให้คำพูดของคุณมีความหมาย

วันที่ 10 | พระธรรมประจำวัน

เจ้าจงระวังเท้าของเจ้า เมื่อเจ้าไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เพราะการเข้าใกล้ชิดเพื่อฟังก็ดีกว่าคนเขลาถวายเครื่องบูชา เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำสิ่งโง่เขลาอยู่ 
อย่าให้ปากของเจ้าไว และอย่าให้ใจของเจ้าเร็วที่จะพูดสิ่งใดๆ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าสถิตในสวรรค์ แต่เจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก เหตุฉะนั้นเจ้าจงพูดน้อยคำ 
เพราะฝันเมื่อมีงานมาก และมีเสียงคนเขลาเมื่อพูดมาก 
เมื่อเจ้าบนไว้ต่อพระเจ้า อย่าชักช้าที่จะแก้บนนั้นให้สำเร็จ เพราะพระองค์ไม่พอพระทัยในคนเขลา จงแก้บนตามที่เจ้าบนไว้เถิด 
ที่เจ้าจะไม่บนก็ยังดีกว่าที่เจ้าบนแล้วไม่แก้ 
อย่าให้ปากของเจ้าเป็นเหตุนำตัวเจ้าให้ทำบาป และอย่าพูดต่อหน้าผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า นี่เป็นความผิดพลาด เหตุไฉนจะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธเพราะคำพูดของเจ้า แล้วเลยทรงทำลายการงานแห่งน้ำมือของเจ้าเสียเล่า? 
เพราะว่าเมื่อฝันมาก ก็อนิจจัง และคำพูดพล่อยๆ ก็มาก เจ้าจงยำเกรงพระเจ้าเถิด

“พระเจ้าขา ถ้าพระองค์ช่วยหนูให้ทำงานนี้ได้ดี หนูสัญญาว่าจะเฝ้าเดี่ยวทุกวันเลยค่ะ”

ฉันมักจะต่อรองและทำ “ข้อตกลง” กับพระเจ้าเสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่ฉันกำลังอับจนหนทาง บางครั้งฉันก็สัญญาไปแบบส่งๆ เช่น สัญญาว่าจะไม่นอนตื่นสายอีก ถ้าพระเจ้าช่วยให้ไปเข้าเรียนได้ทันเวลา

พระเจ้าทรงปรานีฉันมาก และบ่อยครั้งก็ประทานในสิ่งที่ฉันขอด้วย แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาเหนื่อยๆ ฉันก็ไม่เฝ้าเดี่ยว และตอนเช้าฉันก็กดปิดนาฬิกาปลุกเพื่อจะนอนต่อ

บางทีคุณอาจเป็นเหมือนกับฉัน เราเป็นคริสเตียนมานานจนเราไม่ระวังคำพูดต่อพระเจ้า เราพูดกับพระองค์โดยไม่ค่อยคิด ด้วยคำพูดที่ไม่มีความหมายใดๆ เราใช้พระองค์เหมือนเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษ แล้วลืมพระองค์เมื่อเราได้สิ่งที่ต้องการ

เรารู้สึกสบายๆ กับพระเจ้าจนเราไม่ยำเกรงพระองค์มากพอ

ฉันรู้สึกกลัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และคุณก็ควรจะกลัวด้วยเช่นกัน ผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์เรียกพวกเราว่า “คนเขลา” เพราะเรามีท่าทีไม่ถูกต้อง (ข้อ 1) แทนที่จะถวายถ้อยคำแห่งความเขลาของเราเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า (ข้อ 1) ผู้เขียนบอกให้เรา “เข้าใกล้เพื่อฟัง“  คือให้เรานั่งเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเลย และให้เราเพียงแต่ฟัง สิ่งที่พระเจ้าจะตรัสกับเราเท่านั้น

และเมื่อเราพูด พระเจ้าไม่เพียงให้คุณค่ากับสิ่งที่เราพูด แต่ทรงสนใจท่าทีของความถ่อมใจในการเข้าหาพระองค์ด้วย (ข้อ 2) ดังที่ปัญญาจารย์บอกเราว่า พระองค์ผู้ที่เราเข้าไปหานั้น ไม่ใช่ผู้ที่เราจะเข้าไปหาแบบเล่นๆ  เพราะพระองค์คือพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงประทับในสวรรค์ (ข้อ 2) เราจึงไม่ควร “ปากไว” หรือ “ใจเร็ว” (ข้อ 2)

พวกเราส่วนมากน่าจะคุ้นเคยดีกับความรู้สึกผิดที่ไม่จางหายไปง่ายๆ หรือการหน้าซื่อใจคดที่เราไม่สามารถรักษาสัญญาที่เราให้ไว้กับพระเจ้า ปัญญาจารย์ได้บอกถึงทางออกที่เรียบง่ายของเรื่องนี้ไว้ เพื่อที่จะช่วยเราให้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก ซึ่งก็คือ อย่าไปสัญญาอะไรแบบนั้น (ข้อ 5) ความคิดเรื่อง “จงพูดน้อยคำ” สอนเราให้พูดอย่างมีความหมาย ถ้าเราจะพูดกับพระองค์สิบคำแทนที่จะเป็นร้อยคำ เราก็จะชั่งน้ำหนักทบทวนทุกคำเป็นอย่างดีก่อนที่เราจะพูดออกไป

แต่กระนั้น ความยำเกรงพระองค์ก็ไม่ได้หมายถึงการเห็นว่าพระองค์เป็นผู้ที่เราไปเข้าหาไม่ได้ แต่เป็นการเข้าใจว่าเราเป็นใครในความสัมพันธ์กับพระองค์ ในฐานะผู้ที่ทรงสร้างเรามา พระองค์ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี เราสามารถมาหาพระองค์ได้อย่างจริงใจและเปิดเผย ด้วยการใช้ถ้อยคำที่ไม่เสแสร้งเกี่ยวกับความกลัวของเรา และสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีจริงๆ แทนที่จะเป็นสิ่งที่เราต้องการในขณะนั้น

ฉันพบว่าเมื่อฉันมาอยู่ต่อหน้าพระองค์เพียงเพื่อที่จะนั่งลงฟังพระองค์ บ่อยครั้งพระองค์ก็จะเรียงลำดับความสำคัญในใจใหม่ โดยแสดงให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่พระองค์ปรารถนาให้ฉันจดจ่อในเวลานั้น แล้วคำอธิษฐานของฉันก็เริ่มปลี่ยนแปลงไป

แทนที่จะสัญญาอะไรกับพระเจ้าอย่างไม่มีความหมาย หรือขอให้พระเจ้าประทานทางออกจากสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ฉันเริ่มอธิษฐานขอให้ฉันพบกับความชื่นชมยินดีท่ามกลางการทนทุกข์ (ยากอบ 1:2) ขอให้มีกำลังที่จะรักเพื่อนบ้านที่ไม่น่ารักได้ (มาระโก 2:31) ขอบพระคุณพระองค์ที่ทำให้ฉันมีความพอใจในสิ่งที่พระองค์ประทานให้ (ฟิลิปปี 4:12) ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิษฐานเช่นนี้ แต่สิ่งเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องมีเพื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต และเมื่อฉันเริ่มอธิษฐานดังนี้ พระเจ้าก็ทรงฟื้นฟูชีวิตของฉันให้สดใหม่ขึ้น แล้วความกังวลต่างๆ ที่ฉันมีก็ดูจะสำคัญน้อยลง

– โดย คอนสแตนส์ โกห์ ประเทศสิงคโปร์

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ

1. นึกถึงเวลาที่คุณมีข้ออ้างที่จะไม่ทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ หรือเลือกที่จะใช้คำพูดแทนการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ คุณจะตอบสนองให้ดีขึ้นในคราวหน้าได้อย่างไร?

2. คุณจะเริ่มเข้าหาพระเจ้าด้วยท่าที่ถ่อมใจและยำเกรงพระองค์ได้อย่างไร?

ตอบสนองด้วยบทเพลง

เกี่ยวกับผู้เขียน

คอนสแตนส์มีความสุขที่สุดเมื่อเธอทำงานกับเด็ก และได้ดื่มชาไข่มุกอร่อยๆ ซักแก้ว พระวจนะเป็นการเตือนใจอันแสนหวาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่เราต้องได้รับเป็นรายวัน เพื่อให้นึกถึงความสัตย์ซื่อและความรักไม่สิ้นสุดที่ทรงมีต่อบรรดาลูกของพระองค์

ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This