fbpx

จงฉวยความสุขที่เรียบง่ายไว้

วันที่ 5 | พระธรรมประจำวัน

18 ข้าพเจ้าเกลียดการตรากตรำทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะข้าพเจ้าจำต้องละการนั้นไว้ให้แก่คนที่มาภายหลังข้าพเจ้า 
19 แล้วใครจะไปทราบว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนมีสติปัญญาหรือคนเขลา กระนั้นเขาก็ครอบครองการตรากตรำทุกอย่างของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้ตรากตรำมาและใช้สติปัญญาทำภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็อนิจจังด้วย 
20 ข้าพเจ้าจึงหันกลับและท้อแท้ใจนักถึงเรื่องการตรากตรำทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำมาภายใต้ดวงอาทิตย์ 
21 เพราะว่ามีคนที่ตรากตรำโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ แต่แล้วก็ละส่วนแบ่งของเขาให้อีกคนหนึ่งที่หาได้ตรากตรำทำเพื่อการนั้นไม่ นี่ก็อนิจจังด้วยและสามานย์ยิ่ง 
22 เพราะว่ามนุษย์ได้อะไรจากการตรากตรำทั้งสิ้น และการดิ้นรนที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์เล่า? 
23 เพราะว่าปีเดือนทั้งหมดของเขามีแต่ความเจ็บปวด และภารกิจของเขาก่อความทุกข์ระทม ถึงกลางคืนจิตใจของเขาก็ไม่หยุดพักสงบ นี่ก็อนิจจังด้วย
24 สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่ม กับชื่นชมผลจากการตรากตรำของเขา นี่แหละข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าเป็นมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า 
25 ด้วยถ้าไม่อาศัยพระองค์ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ด้วยถ้าไม่อาศัยเราแล้วใครจะกินได้เล่า? หรือใครจะชื่นบานได้? 
26 เพราะว่าพระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้ และความยินดีให้แก่คนที่พระองค์พอพระทัย แต่ส่วนคนบาปพระองค์ประทานภารกิจที่ต้องเก็บเกี่ยวและสะสม เพื่อให้แก่ผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย นี่ก็อนิจจังด้วยคือ กินลมกินแล้ง

ในหลายๆ ด้าน สก็อต คือแบบแผนของคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง เขาแข็งแรง ไว้เครา และมีรอยยิ้มกว้าง เขารักธรรมชาติ รักครอบครัว รักพระเจ้าที่เขาแสวงหาด้วยใจรัก เขาใช้ชีวิตกับครอบครัวท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามในรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 5,000 คน เขาบริหารธุรกิจของตัวเองมา 18 ปี และคุ้นเคยกับการทำงานหนัก

เขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่ออายุได้ 57 ปี ทิ้งภรรยาที่อยู่ด้วยกันมา 30 ปี ลูกสาวสองคน ลูกชายหนึ่งคนและหลานชายเกิดใหม่อีกหนึ่งคนไว้เบื้องหลัง การสูญเสียเขาไปนำมาซึ่งความโศกเศร้าอย่างมหาศาล เหมือนกับว่ามีบางสิ่งถูกขโมยไปจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขา แต่เมื่อผู้คนแบ่งปันความทรงจำและพูดหนุนใจกันในงานไว้อาลัยของเขา น้ำตาก็ผสมผสานกับเสียงหัวเราะ และพระกิตติคุณก็ถูกบอกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกผ่านชีวิตของเขา

เพื่อนคนหนึ่งของเขาพูดว่า “เขาเป็นคนแข็งแรง และยังเป็นคนอ่อนแอด้วย ด้านกายภาพแล้วเขาเป็นคนแข็งแรง แต่เขาไม่อายที่จะพึ่งพาพระเจ้าทั้งหมดในชีวิต”

“เขาเป็นผู้รับที่ดี” เพื่อนอีกคนหนึ่งพูด “เขาเปิดกว้างที่จะรับทุกสิ่งจากพระเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะประทานอะไรมาให้ บ้านของเขาในอะแลสกาและครอบครัวของเขาคือของขวัญจากพระเจ้าที่มีค่ายิ่งสำหรับเขา”

“เขาไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ” เพื่อนคนที่สามพูด “แต่เขาเป็นชายที่พึ่งพาพระเจ้าอย่างสุดใจ เขาเป็นคนที่หัวเราะง่ายและพบความชื่นชมยินดีในชีวิตได้อย่างรวดเร็ว”

คนเหล่านี้ไม่ได้พูดถึงความเฉียบแหลมในด้านธุรกิจ หรือความสำเร็จในอาชีพการงานของสก็อตต์ ไม่ได้พูดถึงทรัพย์สินที่เขาเก็บสะสมมา หรือแม้แต่ทรัพย์สินที่เขาได้แจกจ่ายออกไป คนเหล่านี้พูดถึงความชื่นชมยินดี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขา และวิธีที่เขาแสดงออกถึงความรักที่เขามีต่อพระเจ้า มีเพื่อนอีกหลายคนที่ได้ออกปากเชิญชวนผู้คนให้ต้อนรับพระเยซูในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาพูดว่า  “ถ้าสก็อตต์อยู่ตรงนี้ เขาคงไม่อยากให้คุณออกไปจากที่นี่โดยที่ยังไม่ได้ยินเรื่องข่าวประเสริฐ”

สุภาษิตโบราณจากศตวรรษที่ 19 กล่าวไว้ว่า “ผ้าห่อศพไม่มีกระเป๋า” ซึ่งหมายความว่า เมื่อใครตายไปก็จะไม่สามารถเอาอะไรจากโลกนี้ติดตัวไปได้เลย ในทำนองเดียวกัน ผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์เตือนใจเราว่า “เพราะว่ามีคนที่ตรากตรำโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ แต่แล้วก็ละส่วนแบ่งของเขาให้อีกคนหนึ่งที่หาได้ตรากตรำทำเพื่อการนั้นไม่” (ข้อ 21) นี่ฟังดูเหมือนเป็นโศกนาฏกรรม ความอนิจจังที่สามารถนำพาเราไปสู่ความสิ้นหวังได้อย่างง่ายดาย จะมีอะไรคุ้มค่าบ้างไหม ถ้าทุกสิ่งที่เราพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มา จะถูกนำไปให้กับคนอื่นเมื่อเราจากไป? เราถูกกำหนดมาให้มีชีวิตอยู่บนความทุกข์ระทมและความเจ็บปวดเช่นนั้นหรือ? (ข้อ 23) แต่พระธรรมปัญญาจารย์ก็ได้ให้ความหวังสำหรับเวลาที่เรามีบนโลกนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือพระองค์ผู้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเราสามารถแสวงหาความพึงพอใจได้

สำหรับผู้ที่พระเจ้าพอพระทัยนั้น (ข้อ 26) สิ่งที่เสื่อมสลายและสิ้นสุดลงได้ในโลกนี้ นำมาซึ่งความชื่นชมยินดีอย่างมาก ในฐานะความสุขที่มาจากพระเจ้าผู้ที่คงอยู่อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เรามีเหตุผลที่จะพบความชื่นชมยินดีในการกิน การดื่ม และความพึงพอใจใน “การงาน” ของเรา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมไหนหรือความสัมพันธ์ใดที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้ไปมีส่วนด้วย (ข้อ 24) เราไม่ได้ “กินลมกินแล้ง” แต่ได้พบความพึงพอใจในชีวิตที่พระเจ้าประทานให้กับเรา

สิ่งที่สก็อตต์ได้ทิ้งไว้ให้สืบทอดต่อไปคือ การที่เขาเชื่อวางใจและพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และด้วยความที่เขาพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มที่นี้เอง เขาจึงได้รับการอวยพรด้วย “สติปัญญา ความรู้ และความยินดี” ที่ผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์พูดถึง สก็อตต์รู้ดีว่า ความสำเร็จ ทรัพย์สินสิ่งของ และชัยชนะในชีวิตนี้จะจางหายไปเมื่อเทียบกับนิรันดร์กาล แต่ด้วยความเชื่อที่เขามี เขาจึงสามารถรักผู้คนที่อยู่รอบข้างเขาได้อย่างเต็มที่ และฉวยความสุขที่เรียบง่ายของชีวิตไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม เขาได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า และพบความชื่นชมยินดีในการกิน การดื่ม การทำงาน

คุณสามารถทำเช่นเดียวกันกับเขาได้อย่างไร?

– โดย แคเรน พิมโพ ประเทศสหรัฐอเมริกา

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ

1. คุณปรารถนาให้ผู้คนจดจำคุณในเรื่องใดหลังจากที่คุณจากโลกนี้ไปแล้ว อะไรเป็นสิ่งเล็กๆ  ซักสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ในสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ เพื่อเป็นการลงทุนในสิ่งนั้น?

2. คิดถึงบางสิ่งที่ช่วยคุณ “ฉวยความสุขที่เรียบง่ายในชีวิต” อยู่เสมอ คุณจะเพิ่มเวลาสำหรับการทำเช่นนั้นให้มากขึ้นในตารางเวลาของคุณได้อย่างไร?

ตอบสนองด้วยบทเพลง

เกี่ยวกับผู้เขียน

แคเรนชอบดนตรีและชอบพบปะผู้คนเสมอ เธอเชื่อมั่นเรื่องการกินมื้อเช้ารอบที่สอง  เธอตื่นเต้นกับการค้นพบความจริงใหม่ๆ ในพระคำข้อเดิมๆ ที่คุ้นเคย

ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This