
อะไรที่ทำให้เธอหดหู่?
วันที่ 2 | พระธรรมประจำวัน
ภารกิจที่ยากลำบากให้มนุษย์ทำ เพื่อพวกเขาจะสาละวนกับสิ่งที่ทำ
ข้าพเจ้าเจนจัดในสติปัญญาและความรู้อย่างยิ่ง”
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้ดูสารคดีเรื่อง โลกของเรา (Our Planet) ทางเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นสารคดีที่งดงาม แต่ว่ามีอยู่ฉากหนึ่งซึ่งบรรดาตัววอลรัสกำลังจะตายด้วยเหตุผลหลักก็คือ สภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มันทำให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกับเราในทุกวันนี้ ซึ่งทำให้ฉันถึงกับน้ำตาไหล ฉันได้แต่ขอให้พระเจ้าทรงอภัยที่พวกเราดูแลสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างได้แย่มาก
ฉันเจอบทความและรายการทีวีมากมายที่พูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และนำเสนอวิธีในการแก้ปัญหาหลายอย่าง แต่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับพลาสติก เนื้อสัตว์ การทำเหมืองขุดแร่ธาตุที่หายาก หรือแม้แต่การกระจายผลผลิตอะโวคาโด ก็ไม่มีกระสุนวิเศษที่ยิงเพียงนัดเดียวแล้วทำให้ปัญหาหายไปได้ การใช้ชีวิตในยุคสมัยใหม่เกือบทุกอย่างส่งผลลบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ดูเหมือนว่าการพยายามรักษ์โลกของเราจะไร้ความหมายไปเลย
ถ้าครุ่นคิดเรื่องนี้นานเกินไป มันก็จะทำให้เรารู้สึกหดหู่ได้อย่างรวดเร็ว
ผู้เขียนพระธรรมปัญญาจารย์พบว่าตัวเองอยู่ในสถาณการณ์ที่คล้ายกัน ในปัญญาจารย์ 1:12-18 บรรยายถึงการที่เขาศึกษาทุกสิ่ง “ภายใต้ดวงอาทิตย์” ซึ่งเขาพยายามแสวงหาปัญญาโดยหวังว่าจะสามารถเข้าใจทุกสิ่งได้
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กล่าวว่า “เพราะเมื่อมีสติปัญญามากขึ้น ก็มีความทุกข์ระทมมากขึ้น และบุคคลที่เพิ่มความรู้ก็เพิ่มความเศร้าโศก” ด้วยสติปัญญาและความรู้ทั้งหมดที่เขามี แต่เขาก็ได้แต่แสดงถึงความเศร้าโศก ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?
คำตอบอยู่ที่ข้อ 15 “อะไรที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ และอะไรที่ขาดอยู่จะนับให้ครบไม่ได้” พูดง่ายๆ ก็คือ ด้วยเหตุจากความบาป เราจึงอยู่ในโลกที่ไม่จีรังซึ่งมีระบบที่เสื่อมสลาย คำถามต่างๆ ที่มีนำไปสู่คำตอบต่างๆ ที่ไม่เบ็ดเสร็จ จึงนำไปสู่คำถามเพิ่มขึ้นต่อไปอีก เป็นเช่นนี้วนเวียนไปไม่จบสิ้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บทสรุปคือความขัดข้องใจและความโศกเศร้า
บ่อยครั้งสิ่งนี้เกิดขึ้น แม้แต่ในเวลาที่เรามีเจตนาดีในการพยายามแก้ปัญหา มันเป็นเพราะว่าเราแสวงหาปัญญาจากที่อื่นนอกเหนือจากพระเจ้าผู้ทรงมีคำตอบทุกอย่าง เมื่อเราทำเช่นนั้น ความพยายามของเราจะพาเราไปพบเพียงความพ่ายแพ้และความเศร้าใจ
แต่เราเห็นได้จากบทสรุปสุดท้ายของพระธรรมปัญญาจารย์ และในพระคัมภีร์ข้ออื่นๆ เช่น สุภาษิต 9:10 และ ยากอบ 1:5 ว่า การแสวงหาสติปัญญาและความรู้นั้นมีคุณค่ามาก ก็ต่อเมื่อเราแสวงหาสิ่งเหล่านี้จากพระเจ้าและเพื่อพระองค์
ด้วยวิธีนี้ การแสวงหาสติปัญญาจึงไม่ได้นำไปสู่ความสิ้นหวัง แต่นำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เราสามารถทำได้ และสิ่งที่ไม่อยู่ในความสามารถของเรา ส่วนสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถของเรานั้น ให้เรายอมจำนนต่อพระเจ้า เชื่อวางใจให้พระองค์ทรงกระทำในสิ่งที่มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถทำได้ เราทำเช่นนี้ได้ก็เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่า จะทรงทำให้สิ่งต่างๆ กลับสู่สภาพดีอีกครั้ง เป็นพระสัญญาที่เริ่มต้นจากการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ดังนั้นเราจึงสามารถมองไปยังทางออกนั้นด้วยความหวังอันเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี (โรม 8:19-21)
แล้วการแสวงหาสติปัญญาและความรู้ไปกับพระเจ้านั้นหน้าตาเป็นยังไงในทางปฎิบัติล่ะ? ด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มี มันคงหมายความว่าฉันต้องดูแลสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของฉันอย่างมีสติปัญญา
ยกตัวอย่างเช่น ฉันสามารถไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกันก็ตัดสินใจเลือกสิ่งที่เรียบง่ายแต่ทำด้วยความรู้ เช่น ใช้ทิชชู่เปียกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และพยายามที่จะไม่ใช้ช้อนส้อมพลาสติก
ส่วนสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืนนั้น ฉันก็จะมอบสิ่งเหล่านั้นไว้กับพระองค์ด้วยการอธิษฐาน
ให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรู้ที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบัน แต่ให้เราจดจำไว้เสมอด้วยว่า ความรู้และสติปัญญาของโลกไม่ใช่คำตอบสุดท้าย พระเจ้าทรงเป็นคำตอบสุดท้ายอย่างแท้จริง ด้วยความจริงในข้อนี้เอง ทุกสิ่งที่เราทำ เราจึงควรทำไปด้วยกันกับพระองค์ รวมถึงการแสวงหาสติปัญญาและความรู้ด้วย
– โดย ชาร์เมน ซิม ประเทศมาเลเซีย
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ
1. มีอะไรบ้างที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณอาจกำลังแสวงหาสติปัญญาและความรู้ในชีวิต โดยไม่ได้ให้พระเจ้าเกี่ยวข้องด้วย?
2. ให้นึกถึงสถานการณ์ในชีวิต ซึ่งการมีความรู้มากขึ้นกลายเป็นภาระสำหรับคุณ มีอะไรบ้างเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ซึ่งคุณจำเป็นจะต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า? มีอะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์?

ตอบสนองด้วยบทเพลง
เกี่ยวกับผู้เขียน
ชาร์เมนชื่นชอบคุกกี้ เจน ออสเต็น และเรื่องราวอันน่าทึ่งของคนธรรมดาสามัญ เธอเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกสองคน เธอเห็นช่วงเวลาเล็กๆ ที่มีความหมายซึ่งพระเจ้าประทานให้เธอทุกวันนั้น เป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเธอ
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
กลับไปที่ Mustard Seed Reading ปัญญาจารย์
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)