จะทำไปเพื่ออะไร?
วันที่ 1 | พระธรรมประจำวัน
เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ขณะที่ผมขับรถมากับเพื่อนบนทางด่วนเอ็ม 1 หลังเลิกเรียนจากชั้นศาสนศาสตร์ ซึ่งเรากำลังยิงมุกใส่กันและคุยถึงสิ่งที่เราเพิ่งได้เรียนรู้มา แต่ในหัวผมก็คอยนึกถึงแต่เรื่องการตีสควอชที่ได้เล่นเมื่อช่วงค่ำ
ทันใดนั้นเอง ความคิดเราก็กระเจิง เมื่อรถบรรทุกที่อยู่ตรงหน้าเราส่ายไปชนรถยนต์คันหนึ่ง และอัดรถคันนั้นจนไปติดกับที่กั้นข้างทาง เราชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถ แล้วรีบวิ่งไปเพื่อช่วยรถที่ถูกชนคันนั้น
ท้ายที่สุดแล้วผู้โดยสารไม่เป็นอะไร เพราะรถถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม แต่เรารู้สึกช็อกไปเลย ไม่ใช่เพราะเจอเหตุการณ์รถชนกัน แต่เป็นเพราะเราได้เฉียดความตายมาก เราเห็นแล้วว่าทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เร็วมากในชั่วพริบตา
ประโยคแรกของผู้เขียนปัญญาจารย์ ทำให้ผมหวนนึกถึงเหตุการณ์รถชนในวันนั้น มันเป็นสิ่งย้ำเตือนสำหรับคนที่พึงพอใจในความสุขสบายของชีวิตให้ระลึกว่า ชีวิตเป็นสิ่งเปราะบางและไม่ยั่งยืน
ความคิดนี้ทำให้นึกถึงคำว่า “เฮเบล” ในภาษาฮีบรู ซึ่งพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษฉบับเอ็นไอวีแปลว่า “อนิจจัง” และในฉบับอีเอสวีแปลว่า “เปล่าประโยชน์” คำนี้ช่วยให้เราเห็นว่า ชีวิตเป็นเหมือนหมอก งดงามแต่เปราะบาง อยู่เพียงชั่วครู่และไม่มีแก่นสาร ข้อความนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในพระธรรมปัญญาจารย์ตลอดทั้งเล่ม ดังที่บรรทัดแรกเขียนไว้ว่า
“ปัญญาจารย์กล่าวไว้ว่า อนิจจัง อนิจจัง
อนิจจัง อนิจจัง
สารพัดอนิจจัง”
(ปัญญาจารย์ 1:2)
ผู้เขียนเขียนในฐานะอาจารย์ฝ่ายวิญญาณ เป็นผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัสความสุขทุกอย่างที่ชีวิตนี้สามารถมีได้ และยังมีสติปัญญามากพอที่จะเข้าใจประสบการณ์เหล่านั้นด้วย
การสืบเสาะหาความจริงนำพาให้เขาถามว่า
“มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการตรากตรำทุกอย่างของเขา
ซึ่งเขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์นั้น”
(ปัญญาจารย์ 1:3)
นี่เป็นคำถามที่ตรงประเด็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ที่พวกเราหลายคนตรากตรำทำงาน และเสียสละทุกสิ่งเพื่อบูชาอาชีพการงานและความมีชื่อเสียง คำว่า “ตรากตรำ” ไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานเพื่อให้ได้เงินมาเท่านั้น การสร้างครอบครัว การพัฒนาทักษะ และการเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ล้วนแล้วแต่ต้องทำงานหนักตรากตรำเพื่อให้ได้มันมาทั้งนั้น
แต่ผู้เขียนเห็นว่าชีวิตของเราเป็นสิ่งไม่แน่นอน โลกนี้มองไม่เห็นเรา (ข้อ 4-7) ประสาทสัมผัสไม่สามารถทำให้เราพอใจได้ (ข้อ 8) ไม่มีอะไรใหม่ที่ทำให้เราแปลกใจได้ (ข้อ 9-10) และผู้คนรุ่นต่อมาก็จะไม่จดจำเรา (ข้อ 11) ไม่ว่าจะตรากตรำขนาดไหนก็เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย ทำไมมันถึงมาอยู่ในพระคัมภีร์ล่ะ
ในฐานะวรรณกรรมด้านสติปัญญา พระธรรมปัญญาจารย์ช่วยให้เราถ่อมตัวลงเชื่อฟังและยำเกรงพระเจ้า โดยการแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าไม่มีความจำกัด แต่ตัวเรามีความจำกัด
การรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เราแสวงหาในชีวิตนี้ เช่น ชื่อเสียง ความสุข ความมั่งคั่งไม่คงอยู่ตลอดไป การรู้ว่าชีวิตเราสามารถจบลงได้ในเสี้ยววินาที อย่างเช่นเหตุการณ์รถชนที่เกิดขึ้น เป็นการท้าทายให้ผมไม่จริงจังกับชีวิตจนเกินไป แต่จริงจังอย่างมากกับการพิพากษาของพระเจ้า ทำให้ผมไม่ฉวยสิ่งต่างๆ ในชีวิตอย่างเห็นแก่ตัว แต่เห็นคุณค่าสิ่งเหล่านั้นในฐานะที่เป็นของขวัญที่ได้รับมา ตรงนี้ยังทำให้ผมเห็นถึงความเขลาของการวางแผนรายละเอียดทุกอย่างของชีวิตมากเกินไป และรู้ว่าชีวิตจะต้องเจอเรื่องน่าตกใจบ้างในบางครั้ง
แต่โดยหลักแล้ว พระธรรมปัญญาจารย์จะช่วยให้เราปรารถนาสิ่งสำคัญที่พระเยซูประทานให้กับเรา โดยการทำให้เราได้เห็นว่าชีวิตของพวกเรานั้นอนิจจัง
แม้ว่าชีวิตเราเป็นเหมือนหมอก แต่พระคำของพระเจ้าก็มีถ้อยคำที่หนุนใจสำหรับเราด้วย เราได้เห็นพระเจ้าผู้ซึ่งดูเหมือนสร้างสิ่งต่างๆ โดยไม่สนใจ ผู้ทรงทำให้เรามีศักดิ์ศรี ทรงรักเรามากพอที่จะสิ้นพระชนม์แล้วทรงกลับเป็นขึ้นมาเพื่อเรา เพื่อรับประกันว่าเรามีอนาคตนิรันดร์อยู่กับพระองค์ เมื่อเราวางใจฝากชีวิตที่ไม่ยั่งยืนนี้ไว้กับพระองค์ พระองค์ได้ประทานอนาคตและเป้าหมายที่ไม่มีวันเสื่อมสูญให้แก่เรา (มาระโก 8:35)
– โดย เจมส์ บันยัน ประเทศอังกฤษ
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ
1. ทำไมเราจึงมักลืมว่าชีวิตเป็นเหมือนหมอก? เรามักที่จะจดจำความจริงข้อนี้ได้ตอนไหน?
2. ปกติแล้ว คุณเห็นว่าความจริงเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกหดหู่ หรือว่าทำให้คุณรู้สึกเป็นอิสระ? ทำไมถึง
เป็นเช่นนั้น?
ตอบสนองด้วยบทเพลง
เกี่ยวกับผู้เขียน
เจมส์ทำงานและอาศัยอยู่ที่ลอนดอน เขาช่วยให้นักศึกษามหาวิทยาลัยได้พบกับพระเยซูผ่านพระคัมภีร์ งานนี้ไม่ใช่งานยากเพราะพระคัมภีร์นั้นยอดเยี่ยม
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
กลับไปที่ Mustard Seed Reading ปัญญาจารย์
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)