fbpx

15/05/2022

สิ่งที่เราพูดกับตัวเองเปรียบเทียบกับสิ่งที่พระเจ้าอยากจะบอก

ARTIST: YMI x @kaylaspalette
ARTWORK TYPE/MEDIUM: Illustration
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
ผู้แปล: Mustard Seed Team

ทุกวันเราต่างพูดกับตัวเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เราบอกสิ่งต่างๆ กับตัวเอง ไม่ว่าจะเจตนาหรือโดยจิตใต้สำนึก และสิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อวิธีการคิดและการใช้ชีวิตของเรา หลายครั้งสิ่งที่เราบอกกับตัวเองอาจฟังดูเหมือนเป็นความจริงและรู้สึกดี แต่ถ้าเราลองนั่งลงและคิดเกี่ยวกับมันจริงๆ เราจะตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมอบสิ่งที่เรากำลังตามหาได้

ในพระคัมภีร์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญว่าการกล่าวความจริงกับตัวเองนั้นสำคัญอย่างไร (ดูในพระธรรมสดุดี 42) และความจริงนี้ไม่สามารถมาจากภายในตัวเราเท่านั้น เนื่องจากตัวเราเองไม่สมบูรณ์แบบและไม่แน่นอน พวกเราต้องการความจริงที่สมบูรณ์และไม่เปลี่ยนแปลงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

ดังนั้นเมื่อคุณพบว่าตัวเองกำลังพูดสิ่งต่างๆ ในหัวที่อาจจะไม่จริง พวกเราหวังว่าถ้อยคำจากพระเจ้าเหล่านี้จะดังขึ้นและเป็นจริงมากกว่าสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของคุณ

พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา(ยอห์น 14:6)

และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท (ยอห์น 8:32)

มีเนื้อเพลงฮิตๆ ท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “คุณต้องซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง!” และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกที่ที่เรามอง ทุกสิ่งที่เราดูและฟัง ข้อความที่ต้องการจะสื่อสารต่างออกมาเหมือนกันคือ ซื่อสัตย์กับตัวเอง!

พระเจ้าไม่ได้กล่าวว่า “ห้ามเป็นตัวเอง!” แต่ในทางกลับกัน พระองค์บอกเราถึงความจริงว่าพระองค์ทรงสร้างเราตามพระฉายของพระองค์ (ปฐมกาล 1:27) พระองค์ทรงสร้างเราและเห็นว่าดี และแผนการของพระองค์คือการรื้อฟื้นเรากลับสู่ความดีงามผ่านทางพระเยซู พระเยซูคือความจริง และถ้าเรารับและยึดเอาความจริงนี้ไว้ในหัวใจของเรา เราถึงจะเป็น “ตัวตนแท้จริง” ที่พระเจ้าสร้างเราให้เป็นได้

ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง? เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด  (1 โครินธ์ 6:19-20)

สำหรับตัวเลือกทั้งหมดที่เรามี พวกเรามักจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ไม่ค่อยฉลาดนักสำหรับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกี่ยวกับเรื่องร่างกายและสุขภาพ มันง่ายเหลือเกินที่เราจะปล่อยใจไปกับของอร่อย เรื่องการเล่นสนุก การพักผ่อน สิ่งที่ถูกใจ แต่กลับส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำไมพระเจ้าถึงเตือนเราว่าพระองค์ทรงไถ่เรามาด้วยราคาแพง ดังนั้นเราสามารถเห็นคุณค่าที่แท้จริงของเราในพระองค์ พวกเราสามารถเลือกที่จะดูแลตัวเองให้ดีขึ้นเมื่อเรารู้ว่าเราต้องรับผิดชอบกับพระเจ้า ผู้ที่หวังดีที่สุดกับเรา

เพราะว่าใครทำให้ท่านวิเศษกว่าคนอื่น? ท่านมีอะไรที่ไม่ได้รับมา? ถ้าท่านได้รับมา ทำไมจึงโอ้อวดเหมือนกับว่าท่านไม่ได้รับมา? (1 โครินธ์ 4:7)

โลกนี้ต่างคอยบอกเราว่าพวกเราสมควรที่จะได้รับทุกอย่าง ทั้งความหรูหรา การเป็นที่จดจำ  ความเป็นอิสระ จนถึงจุดที่มันง่ายเหลือเกินที่เราจะรู้สึกไม่พึงพอใจ และถึงขั้นโกรธเมื่อเราไม่ได้ในสิ่งที่เราคิดว่าเรา “สมควรได้รับ”

ในทางตรงกันข้าม พระเจ้าทรงย้ำเตือนเราว่า พวกเราทุกคนต่างมีของประทาน ความสามารถพิเศษ และยิ่งไปกว่านั้นคือมีชีวิต ซึ่งทั้งหมดมาจากพระองค์ ไม่ใช่เพื่อดูถูกเราแต่เพื่อปกป้องเราจากหลุมพรางของความหยิ่งและความไม่พอใจ ดังนั้นพวกเราสามารถมีประสบการณ์ในการพักสงบด้วยการสำนึกในพระคุณของพระเจ้าและหัวใจที่ถ่อมลง

 

ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์ (ยอห์น 10:10)

หลายครั้งที่ความท้าทายต่างๆ ของชีวิตสามารถทำให้เราอ่อนแอลง พวกเรารู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่าย และกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คิดว่าทั้งหมดมันก็แค่นี้

แต่พระเยซู พระองค์ทรงเสนอชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้เรา ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวดและความโศกเศร้า พระองค์ทรงสัญญาว่าให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม (ยอห์น 15:11) ชีวิตที่เต็มบริบูรณ์ของเราในพระเยซูจะเริ่มต้นเมื่อเราต้อนรับพระองค์ และจะไปถึงความไพบูลย์เมื่อเราได้พบพระองค์อีกครั้ง

 

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์ และทรงรู้จักข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงเข้าใจความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล พระองค์ทรงตรวจตราวิถีและการนอนของข้าพระองค์ และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ (สดุดี 139:1-3)

เมื่อเรารู้สึกว่าถูกเข้าใจผิด หรือความเจ็บปวดมันมากเกินว่าที่จะรับได้ มันง่ายที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดาย ในช่วงเวลาแบบนี้พวกเราอาจจะรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลและเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงพระองค์

ถึงแม้ว่าเรารู้สึกแบบนี้ พระคำของพระเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับเราว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้เรา พระองค์ทรงเห็นและได้ยินความคิดของเรา และพระองค์เมตตากรุณาต่อเรา แม้เมื่อเราจะรู้สึกแตกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์จะรวบรวมเราขึ้นมาใหม่เหมือนดั่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาอย่างสัตย์ซื่อ

 

พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่าน (มาระโก 12:30)

พระองค์จึงทรงเรียกฝูงชนกับพวกสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครต้องการจะตามเรามา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด (มาระโก 8:34-35)

ในบางครั้งพวกเราคิดว่าตัวเองก็เป็นแค่คริสเตียนระดับ “ปานกลาง” หรือ “ธรรมดา” เป็นคนที่ไปโบสถ์สัปดาห์ละครั้ง เป็นคนที่อ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานนานๆ ครั้ง พวกเราไม่ได้ “จริงจัง” เหมือนบางคนที่ย้ายประเทศเพื่อไปเป็นมิชชันนารี หรือไปร่วมกลุ่มประท้วงและต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

แต่พระเจ้าไม่ได้ให้รายการสิ่งที่ต้องทำและช่วงของคะแนนที่เป็นที่ยอมรับ เพื่อที่เราจะไปถึง “ค่าเฉลี่ย” หรือ “จุดที่น่าพอใจ” และพูดได้ว่าพวกเราทำดีแล้ว พระเจ้าทรงรักเราด้วยทั้งหมดของพระองค์ และพระเจ้าต้องการให้เรารักพระองค์กลับด้วยทั้งหมดที่เรามีเช่นกัน ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหน พวกเราสามารถเลือกที่จะประกาศพระองค์ ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อพระองค์ และรักพระองค์ในทุกทางที่เราสามารถทำได้

 

โดยพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่บาป เพื่อให้เป็นไปตามคำเขียนไว้ว่า “ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า” (1 โครินธ์ 1:30-31)

แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ (ยากอบ 1:5)

โลกนี้บอกเราว่าทั้งหมดมันอยู่กับตัวเราในการก้าวไปสู่ศักยภาพที่สูงสุดของตัวเรา พวกเราสามารถทำทุกสิ่งและทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการเลือกของเรา แต่เมื่อเราล้มเหลวในการไปถึงเป้าหมาย สิ่งที่พวกเราคิดคือพวกเราควรทำ พวกเรากลายเป็นคนท้อแท้และรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง

พระเจ้าต้องการให้เราแสวงหาพระองค์เพื่อปัญญา ไม่ใช่เพื่อที่เราจะไม่มีวันเป็นอิสระและมีอำนาจ แต่เพราะการพึ่งพิงในพระองค์เพื่อกำลังและฤทธิ์อำนาจจะนำเอาภาระของการต้องพยายามพิสูจน์ตนเองว่าเราสามารถทำทุกสิ่งได้ด้วยตัวเองนั้นออกไป ไม่ว่าเราจะพูดโอ้อวดอะไร พวกเราสามารถโอ้อวดพระเจ้าและชื่นชมยินดีได้เพราะเรามีผู้ที่ทรงฤทธิ์ที่สุดอยู่ข้างเรา

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This