27/10/2021
ชัยชนะเหนือความกลัว
ARTIST: Arisa
ARTWORK TYPE/MEDIUM: Ilustration
ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความโหดร้าย ความไม่ยุติธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือการควบคุมต่างๆที่ประดังเข้ามาจนรับมือแทบไม่ไหว มันทำให้เราเกิดความกลัว ความเครียดและความกังวลกับสิ่งเหล่านั้น รวมถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้เราใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วยความหวาดระแวงและไม่มีความสุข ฉันเองก็เคยเผชิญกับสถานการณ์ในชีวิตที่ท้าทายและก่อให้เกิดความกลัวอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตอนนี้ที่เราทุกคนเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 หลายๆ คนต้องเจอกับการสูญเสียและผลกระทบที่ไม่คาดคิด รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ระบบสาธารณสุขมีความจำกัด พวกเราล้วนต้องต่อสู้กับความกลัวที่เกิดขึ้น โดยที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าสถานการณ์ที่ดูยาวนานและยืดเยื้อนี้จะจบลงเมื่อไหร่
แต่ข่าวดีคือเรามีพระเจ้าผู้ทรงปลอบประโลม พร้อมอยู่เคียงข้าง และช่วยเหลือเราในทุกสถานการณ์ เพราะไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ (มัทธิว 19:26) ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้วิธีในการเข้าหาพระองค์เพื่อรับพระสัญญานั้น เพื่อที่เราจะสามารถมีชัยชนะเหนือความกลัว และมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยสันติสุขและความชื่นชมยินดีแม้จะต้องเผชิญกับพายุต่างๆ ในชีวิต
1. อธิษฐานกับพระเจ้า
ในเวลาที่เรารู้สึกกลัวและสิ้นหวังกับความไม่แน่นอน หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่เราไม่ทันตั้งตัว และเราเองไม่สามารถจัดการกับมันได้ ขอให้เราเข้ามาอธิษฐานกับพระเจ้า พูดคุย และระบายความรู้สึกของเราทั้งหมด พึ่งพาพระเจ้าด้วยการมอบปัญหาทั้งหมดให้พระองค์เป็นผู้จัดการและต่อสู้แทนเรา เพื่อเราจะได้รับสันติสุขทั้งในความคิดและจิตใจเพราะพระเจ้าทรงครอบครองอยู่เหนือสถานการณ์ต่างๆ ของเรา
“อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 4:6-7)
“ข้าพเจ้าได้แสวงหาพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า และทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าให้พ้นจากความกลัวทั้งสิ้น” (สดุดี 34:4)
2. โฟกัสที่พระเจ้า ไม่ใช่สถานการณ์
“เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และทรงทำการอัศจรรย์ต่างๆ พระองค์แต่ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้า” (สดุดี 86:10)
การโฟกัสที่พระเจ้าช่วยให้เราตระหนักว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ทรงอยู่เหนือทุกสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญ ในพระคัมภีร์ พระเยซูเรียกให้เปโตรเดินบนน้ำไปหาพระองค์ท่ามกลางพายุ หากเราโฟกัสที่พระเยซู พายุก็ไม่สามารถทำให้เรากลัว และเราจะสามารถเดินบนน้ำได้ แต่หากเราหลุดโฟกัสไปที่พายุ เราก็จะจมน้ำเพราะความกลัวนั้นทำให้เราไขว้เขวและขาดความเชื่อ
พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” พระเยซูจึงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ทันที แล้วตรัสว่า “ช่างมีความเชื่อน้อย ท่านสงสัยทำไม?” (มัทธิว 14:29-31)
เมื่อเราโฟกัสที่พระเจ้า เราจะเห็นการช่วยกู้ที่มาจากพระองค์ ในวิธีการที่เกินความคาดคิด ในเวลาของพระองค์ แล้วเราจะมีความเชื่อวางใจในพระองค์มากขึ้นในครั้งต่อไป
“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” (อิสยาห์ 41:10)
“แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์ปลอบโยนข้าพระองค์” (สดุดี 23:4)
3. ประกาศถ้อยคำแห่งความเชื่อ และการอวยพร
“ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน” (สุภาษิต 18:21)
หลายครั้งที่เราได้รับข่าวที่ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เรามักจะหลุดปากพูดคำที่ไม่เป็นพรออกมา โดยลืมตระหนักว่านั่นอาจเป็นการตอกย้ำความเลวร้ายของสถานการณ์และยังเป็นการเปิดช่องให้ความกลัวเข้ามาทำงานในความคิดและจิตใจเราได้ ขอให้เราเปลี่ยนมาเป็นการประกาศถ้อยคำที่เสริมกำลังใจและความเชื่อ ประกาศถึงพระพรที่อยากให้เกิดขึ้นแทนที่คำสาปแช่งต่างๆ เพราะความเป็นความตายอยู่ที่ลิ้น อยากเห็นพระพรใดเกิดขึ้น ขอให้เราประกาศสิ่งนั้น และถ้าเราประกาศทุกวัน เราจะมีความเชื่อเพิ่มขึ้น ความกลัวน้อยลง และเราจะเห็นการพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ที่มาจากพระเจ้า เพราะความเชื่อเกิดจากการได้ยิน
“ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์” (โรม 10:17)
4. ติดสนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พักสงบและวางใจในพระองค์
หัวใจสำคัญคือการใช้เวลาเพื่อติดสนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ผู้สถิตอยู่กับเราตลอดเวลา พระองค์เปี่ยมด้วยสันติสุข ความชื่นชมยินดี ความอดทน ความรัก ความหวังและความจริง (กาลาเทีย 5:22 )
โดยธรรมชาติแล้วเมื่อเราใช้เวลาและติดสนิทกับใครมากๆ เรามักจะมีลักษณะนิสัยคล้ายกับคนๆ นั้น ฉะนั้น หากเราใช้เวลากับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ เราก็จะรับพระลักษณะของพระองค์เข้ามาด้วยคือมีสันติสุขมากขึ้น เปี่ยมด้วยความรักและความหวังมากขึ้น และสิ่งใดที่ผิดไปจากลักษณะของพระองค์ (เช่น ความกลัว ความกังวลต่างๆ) ก็จะหายไป
“เพราะว่าพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานมานั้นจะไม่ทรงให้ท่านเป็นทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)”” (โรม 8:15)
“การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6)
5. มีชีวิตอยู่ในการปกป้องของพระเจ้า
“ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด จะอยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” (สดุดี 91:1)
แม้เป็นความจริงที่พระเจ้าจะปกป้องเรา แต่เราต้องทำส่วนของเราด้วยการเข้าไปอยู่ในการปกป้องของพระองค์ด้วย นั่นก็คือการใช้ชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย โดยการเชื่อฟังและทำตามพระวจนะของพระเจ้า และไม่ออกมาจากร่มกำบังโดยการทำตามใจของตัวเอง เพื่อที่เราจะได้อยู่ในที่ปลอดภัยของพระเจ้าและรับการปกป้องจากพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม
“เพราะท่านได้ทำให้พระยาห์เวห์ผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่พักพิงของท่าน ไม่มีเหตุร้ายใดๆ จะเกิดแก่ท่าน ไม่มีภัยพิบัติมาใกล้เต็นท์ของท่าน” (สดุดี 91:9-10)
นอกจากนี้ เมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า เราจะเห็นการปกป้องของพระองค์ผ่านการควบคุมสถานการณ์เพื่อเรา พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้การทดลองใดเกิดขึ้นกับเราเกินกว่าที่เราจะทนได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องกังวลในสิ่งใดๆ เลย
“ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้” (1 โครินธ์ 10:13)
6. สะสมพระคำของพระเจ้า เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเสียงที่ล่อลวง
เมื่อความเชื่อเกิดจากการได้ยิน ดังนั้นเราควรใช้เวลาสะสมพระคำของพระเจ้าที่เปี่ยมไปด้วยฤทธิ์เดช ความจริง และการหนุนจิตชูใจให้เรามีกำลังที่จะเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า เพื่อต่อสู้กับมาร เพราะในโลกนี้มีเสียงอยู่หลายเสียง ทั้งเสียงที่มาจากตัวเอง และมาจากมาร ซึ่งล้วนแล้วแต่บั่นทอนความเชื่อและเพิ่มความกลัว
“เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา” (2 ทิโมธี 1:7)
ดังนั้น อย่าเชื่อทุกเสียงที่เข้ามา แต่ให้ใช้เวลาอ่านพระคำของพระเจ้าเพื่อเป็นตัวช่วยให้เราสามารถแยกแยะได้ว่าเสียงใดจริง เสียงใดโกหก ซึ่งความจริงจะทำให้เราเป็นไท
“เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย” (ฮีบรู 4:12)
“เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า” (เอเฟซัส 6:14-17)
แม้ความกลัวจะดูมีน้ำหนักและตอกย้ำความเลวร้ายของสถานการณ์ขนาดไหน แต่ถ้าเราเข้าหาพระเจ้า ยอมรับความอ่อนแอของเราและมอบความกลัวนั้นไว้กับพระองค์ เราจะเห็นการปกป้องและการช่วยกู้ที่มาจากพระองค์ รวมทั้งมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยสันติสุขและความชื่นชมยินดีที่มาจากพระองค์ โดยความเชื่อและความหวังที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง “เพราะเราทุกคนไม่ใช่ทาสของความกลัวอีกต่อไป…แต่เราคือลูกของพระเจ้าผู้มีชัยชนะเหนือความกลัว”
YOU MAY ALSO LIKE
แค่เป็นตัวเองก็พอ
WRITER: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Team เราแต่ละคนมีหน้าตา รูปร่าง บุคลิกภาพ นิสัย ความคิด การแสดงออก ความชอบ ความสามารถและของประทานที่เเตกต่างกันออกไป บางครั้งเราทำความรู้จักตัวเองผ่านการสังเกตตัวเอง สอบถามจากคนอื่น และการทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ...
เป็นคริสเตียน พบนักจิตได้ไหม?
WRITER: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Team บางคนรู้สึกว่านักจิตวิทยาชอบอ่านและควบคุมจิตใจคน พูดโน้มน้าว ครอบงำ ขัดขวางการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือคนที่ป่วยทางจิตเท่านั้น หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับนักจิตวิทยาและการให้คำปรึกษา จริงๆ...
อย่าลืม! ให้อภัยตัวเองบ้างนะ
WRITER: Mustard Seed Team EDITOR: Mustard Seed Team หลายครั้ง เรายังจมกับอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โทษตัวเองกับสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป และรู้สึกว่าทำไมไม่มีอะไรดีขึ้นเลย พระเจ้ายังรักเราไหม? พระเจ้าช่วยอะไรเราบ้างหรือเปล่า? อธิษฐานแล้วทำไมพระเจ้ายังเงียบ แต่จริงๆ เเล้ว...
MUSTARD SEED
Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®
MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.
ABOUT US
We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.
® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.
CONNECT WITH US
OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)