
Artwork by : YMI x @yanyancandyng
TRANSLATOR: Natty
EDITOR: Mustard Seed Team
คำอธิบาย: เมื่อฉันก้าวเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ ท้ายที่สุดแล้วฉันก็จะมีความสุขได้ ฉันจะรู้เองว่าเขา/เธอ คือคนนั้น เพราะเราจะผูกพันและเข้าใจซึ่งกันและกันพระเจ้าจะส่งคนนั้นมาให้ฉันเอง ฉันรู้ดี
มีเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์หลายเรื่องที่เราเผลอเชื่อเป็นตุเป็นตะไปเลยทีเดียว อันนี้ก็มักจะเป็นเพราะว่าผู้คนรอบๆ ตัวเรารู้สึกแบบนั้น หรือไม่ก็เพราะเรื่องพวกนั้นมันฟังแล้วเกิดความหวังและกำลังใจ หรือบางครั้งก็เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตเราที่เราเองก็อยากจะได้ยินได้ฟัง
ทว่าเมื่อเราติดกับอยู่ใน “อุดมคติ” เหล่านี้โดยปราศจากการไตร่ตรองแล้ว สุดท้ายเราก็ผิดหวัง เข็ดขยาดกับทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องความรัก ลึกๆ แล้ว เราต่างต้องการความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นบนสิ่งดีงามและความจริง เราอยากได้ความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็น ซึ่งก็คือการเติมเต็มความต้องการของเราให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ซึ่งเราก็ต้องการให้พระเจ้าประทับอยู่ในความสัมพันธ์ของเราด้วย เพราะพระองค์เท่านั้น พระองค์ผู้ทรงสมบูรณ์ ที่สามารถประทานความบริบูรณ์แบบที่ว่านี้ให้กับเราได้
นี่ก็จะเป็นเรื่องโกหก 9 เรื่องที่เราต้องกำจัดทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยความจริงของพระเจ้า เพื่อที่เราจะได้เป็นอิสระจากภาพลวงตาที่ทำให้เราผิดหวัง แล้วเราก็จะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เติมเต็มอย่างแท้จริงและมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

การแต่งงานนั้นมีไว้สำหรับชีวิตในโลกนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อเราเข้าสู่ชีวิตใหม่ เรา “จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก” (มัทธิว 22:30) แต่ความรักที่เราจะมีให้กับพระเจ้า และมีให้กันและกันนั้น ย่อมยิ่งใหญ่กว่าความรักใดๆ ที่เราสัมผัสได้บนโลกนี้

ความสัมพันธ์อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ช่วยดึงส่วนที่ดีที่สุดในตัวเราออกมาได้จากการที่มันสอนให้เราเสียสละแก่กันและกัน เราและคู่ของเราจะได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความกรุณาและความอดทนที่ลึกซึ้งเพียงใด และจะได้สัมผัสความรักที่ “ให้อภัยบาปมากมายได้” (1เปโตร 4:8) เฉพาะในยามยากเท่านั้น

เราควรจะเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตคู่ แต่เราจะพึ่งพากลยุทธ์และวิธีการต่างๆ เพียงอย่างเดียวไม่ได้ การอ่านหนังสือที่ว่ามาจนหมดทุกเล่มไม่ได้ทำให้ชีวิตคู่มันเป๊ะปังหรอกนะ การดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ (กาลาเทีย 5:16-18) ซึ่งเราจะต้องฟังเสียงและพึ่งพากำลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่างหาก ที่จะช่วยให้เราเติบโตขึ้นในด้านความรักและวุฒิภาวะได้

คุณและคนรักอาจจะสนิทกันแบบสุดๆ ชนิดที่ว่ามองตาก็รู้ใจ แต่จะให้เห็นตรงกันไปซะหมดทุกเรื่องก็ไม่ได้หรอกนะ พอเราโตขึ้น เราก็เปลี่ยนไป แต่เราก็ยังเข้าขากันได้ดีจากการที่เราเรียนรู้ที่จะสื่อสารกันด้วยดี (สุภาษิต 15:2) เมื่อเราขาดความเข้าใจ เราก็ขอสติปัญญาจากพระเจ้าได้ว่าเราควรทำไงต่อไปดี

เราไม่สามารถยึดถือสิ่งอนิจจังเป็นสรณะได้ แต่เราสามารถยึดถือถ้อยคำของพระเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับความรักและชีวิตคู่ ความรู้สึกรักสามารถจืดจางลงได้ แต่ไม่ได้แปลว่าตัวความรักเองจะต้องจืดจางตามไปด้วยหรอกนะ เรารู้จักความรักที่แท้จริงได้เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน (1ยอห์น 4:7) และจะทรงรักเราจนถึงที่สุด


การมีความรู้สึกที่ผูกพันหมายถึงการ “ปิ๊ง” กันเป็นเรื่องดีแน่นอน แต่ความสัมพันธ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องนั้นอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่นที่เราต้องดูด้วย ถ้าจะอยู่กันไปยาวๆ เช่น มีความเชื่อ ความหวัง และความรักเหมือนกันถึงอยู่ด้วยกันได้ (โคโลสี 3:14)
พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราและทรงมีแผนงานของพระองค์เสมอ แต่พระองค์ก็ให้เราได้มีเสรีภาพในการตัดสินใจด้วยเช่นกัน พระเจ้าอาจจะให้เราได้มีโอกาสพบเจอคนอื่นๆ บ้าง ส่วนเราจะเจอเขาแล้วทำยังไงต่อก็แล้วแต่เราเลย
แต่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าการตามหารักแท้ก็คือ การที่เราได้เห็นว่าพระเจ้าเป็นความรักแท้ที่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ไม่มีอะไรจะน่าอภิรมย์ยิ่งไปกว่าการที่เราได้มารู้จักกับพระองค์และพบสันติสุขในความสัมพันธ์ที่เปี่ยมไปด้วยรักนิรันดร์นี้อย่างแน่นอน (ฟีลิปปี 3:8)

คุณอาจจะเคยบ้านแตกสาแหรกขาด หรือไม่ก็เคยทำบาปใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องจบลงแค่ตรงนั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือตัวคุณที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ พระเจ้าทรงอภัยให้คุณและรับคุณเป็นบุตรแล้ว พระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณพังตลอดไปหรอก (ฟีลิปปี 1:6) คุณต้องหัดมองอดีตด้วยสายตาแห่งสันติสุข แล้วก็โอบกอดพระพรที่พระเจ้าประสงค์จะให้กับคุณเสียบ้าง

การทะเลาะกันบ้างไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป (สุภาษิต 27:6) เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับความขัดแย้ง จงฝึกทะเลาะกันอย่างชาญฉลาดโดยการ “โจมตี” ไปที่ปัญหา ไม่ใช่ตัวบุคคล แล้วความสัมพันธ์คุณจะมั่นคงขึ้นกว่าเดิม
คุณควรหาเวลาคุยกันว่าจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ยังไงดี โดยใช้วิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
YOU MAY ALSO LIKE
การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)
WRITER: มิเชล ไล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: อรุณพร ทักษิณทวีทรัพย์EDITOR: Mustard Seed Team ฉันได้ยินคำย่อนี้ครั้งแรกในโบสถ์ของฉันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากในการจัดการเวลาหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย...
ภายใต้หน้ากากรอยยิ้ม ฉันเคยฆ่าตัวตาย
WRITER: จานีน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: เฮจี คิมEDITOR: Mustard Seed Team การฆ่าตัวตาย เรามักจะหลีกเลี่ยงคำนี้ให้พ้นจากสายตา เพราะดูน่ากลัว ต้องเผชิญหน้า และเป็นจริงเกินไป เราอ่านเจอได้ในหนังสือพิมพ์และดูข่าว แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้กระทบใจเราเป็นการส่วนตัว...
ทำไมการถ่อมใจ จึงไม่เหมือนกับการลดคุณค่าในตัวเอง
WRITER: จาเนล ไบร์ทเท็นสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team เพื่อนของฉันจ้องมองมาที่ฉันผ่านเฟสไทม์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันนับคำว่า 'โง่' ได้ถึงหกครั้งเมื่อเธอพูดถึงตัวเอง” เธอยิ้ม...