fbpx

21/01/2023

“คุณโอเคหรือเปล่า?”: 5 เหตุผลที่ทำให้ยากที่จะตอบว่าเราไม่โอเค

Artwork : YMI x @verses_illustrated
ผู้แปล: กาญจนา​ กาญจนพาที
ผู้เรียบเรียง: Mustard Seed Team
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI

ประโยคคำถามสั้นๆ ที่ถามโดยเพื่อนที่เป็นห่วง ผู้ร่วมงาน หรือคนในครอบครัวเราบางครั้งก็ทำให้เราเกิดอาการผวาอย่างช่วยไม่ได้ 

เราอาจจะรู้สึกปลื้มใจที่พวกเขาเป็นห่วงและคอยดูแล แต่มันก็ทำให้เราไม่ค่อยแน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี

“ถ้าเรายอมรับไปว่าเราไม่ค่อยโอเค มันจะทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลวไหม?” “เขาจะคิดว่าเรามีสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงไหม?” ประโยคพวกนี้เราได้แต่คิดอยู่กับตัวเอง

มันมีเหตุผลเป็นร้อยที่ทำให้เรารู้สึกกลัวในการยอมรับว่าเราต้องการความช่วยเหลือและเราอยากให้ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะยอมรับว่าเราไม่โอเค

ความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของเรานั้นต้องรวมถึงสุขภาพจิตด้วย และนั่นมีความสำคัญต่อพระเจ้า ดังนั้นขอให้เรามาดูสิ่งที่ขวางกั้นเราไม่ให้รับความช่วยเหลือที่จำเป็น และขอให้พระเจ้าทรงประทานความเชื่อและความมั่นใจให้เราที่จะมอบการต่อสู้นี้ไว้กับพระองค์

บางทีเรากลัวและรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกตัดสินจากคนอื่นว่าเราเป็นคน “ที่สิ้นหวัง” หรือ “เพี้ยน” เมื่อเรารับความช่วยเหลือทางสุขภาพจิต

เพราะเรายังอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์เพราะความบาปและนี่เป็นสาเหตุของความสิ้นหวังและความแตกร้าวของชีวิต และในความสิ้นหวังนี้เองที่ได้สำแดงออกมาในหลายรูปแบบในชีวิตไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย อารมณ์ หรือจิตใจ

การขอความช่วยเหลือเรื่องสุขภาพจิตที่เราเผชิญมันไม่ได้ทำให้เราเป็น “คนสิ้นหวัง” นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางและความไม่สมบูรณ์ของชีวิตเรา – และมันย้ำเตือนเราให้กลับไปหาพระเจ้าองค์เดียวของเราผู้ที่วันหนึ่งจะทำให้ทุกสิ่งถึงความบริบูรณ์อีกครั้ง

เรากลัวที่จะถูกมองว่า “ด้อยค่า” เพราะนั่นหมายถึงเราจะได้รับโอกาสและความรับผิดชอบในการทำงานน้อยลง หรือคนทั่วไปก็ไม่สามารถวางใจมอบหมายงานให้กับคนที่ดูเหมื่อนจะ “ไว้ใจ” ไม่ได้ว่าจะทำงานสำเร็จ

แต่ถึงเราจะกำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนที่ “ด้อยค่า” เราต้องนำความกลัวทั้งหมดฝากไว้กับพระเจ้าและพึ่งพาสติปัญญาของพระองค์ที่จะทรงชี้และนำในการทำงาน พระเจ้าทรงนำไปข้างหน้าและไม่ทอดทิ้งเรา (เฉลยธรรมบัญญัติ 31:8) พระเจ้าทรงอยู่กับเราในทุกๆ โครงการ ทุกๆ การประชุม และทุกๆ การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน พระเจ้าจะทรงช่วยเราผ่านความท้าทายต่างๆ ที่อาจประสบในที่ทำงานและจะรับรองสิ่งที่เราทำ

บางทีคุณกลัวว่าการเปิดใจกับคนอื่นแล้ว พวกเขาจะมองว่าคุณเป็นปัญหาที่จะต้องได้รับการ      “แก้ไข” หรือไม่ก็พยายามจะแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตให้คุณอย่างไม่จบสิ้น 

มันดูเป็นเรื่องยากที่จะหาเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจกับสิ่งที่เราเผชิญอยู่ แต่เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้แต่เพียงลำพัง เมื่อเราอ่านเรื่องราวในพระคัมภีร์เราจะเห็นว่าตัวละครเด่นในพระคัมภีร์นั้นล้วนมีผู้ช่วยข้างกายที่คอยช่วยพวกเขาให้ทำงาน หรือให้เดินทางไปถึงจุดหมายได้ เช่น โมเสสมีอาโรน, ดาวิดมีโยนาธาน, และอาจารย์เปาโลมีทิโมธี

ในลักษณะเดียวกันมันก็อาจจะมีใครบ้างคนข้างนอกนั่น ที่สามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เราข้ามพ้นปัญหาด้านสุขภาพจิตนี้ไปได้ แม้ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่เรากำลังเผชิญ (และนั่นก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้) แต่เราสามารถที่จะวางในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงเตรียมคนที่ “เข้าใจ” เราและจะอยู่ด้วยกับเราเมื่อจำเป็น

บางทีเราอาจจะถูกสอนมาว่าถ้าเรา “อธิษฐานมากขึ้น มีความเชื่อเพิ่มขึ้น อ่านพระคัมภีร์มากขึ้น” เมื่อนั้นความทุกข์ใจเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเราก็จะหมดไป หรือเคยได้ยินคำพยานของบางคนที่เคยหายจากการเป็นโรคซึมเศร้า/โรควิตกกังวลในขณะที่พวกเขาได้อธิษฐานขอ ดังนั้นเราจึงทำทุกอย่างตามอย่างข้างต้น….เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน

บางครั้งปัญหาทางสุขภาพจิตมันเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อม (อาจเกิดจากการกระทบกระเทือนจิตใจหรือเหตุการณ์สะเทือนใจวัยเด็ก) และพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ เพียงแค่การอ่านพระคัมภีร์มากขึ้นหรือมีความเชื่อเพิ่มขึ้น

นี่ไม่ได้หมายความว่าการอ่านพระคัมภีร์และการอธิษฐานจะไม่ช่วยอะไรเลย แต่มันเป็นการฝึกฝนวินัยด้านจิตวิญญาณที่ดีซึ่งทำให้เราจดจ่อและมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง โดยมันยังทำให้การตอบสนองของเราต่อปัญหาสุขภาพจิตนั้นเหมาะสมด้วย ในขณะที่เรายังคงรอให้พระเยซูเจ้าซ่อมแซมส่วนที่แตกหักของเราให้สมบูรณ์ มันก็จะดีถ้าเรามองหาและรับความช่วยเหลือที่ปฏิบัติได้จริงที่ช่วยค้นหาสิ่งที่กระตุ้นอาการของเรา และทำให้เราผ่านวิกฤติอารมณ์มีความครบสมบูรณ์ของจิตใจได้

เราถูกบอกตลอดว่าเรามีชีวิตที่ดีแล้ว เราไม่ต้องกระเสือกกระสนลำบากเพื่อหาอาหารใส่ท้องหรือหาเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย ไม่เห็นมีอะไรที่เราควรจะบ่นไม่พอใจเลย

ซึ่งแท้จริงเรากลับต้องเก็บกดอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายในเมื่อเรารู้สึกเศร้า เพียงเพราะความจริงชีวิตเราไม่เห็นจะต้องไปรู้สึกซึมเศร้าหรือวิตกกังวลกับเรื่องอะไรเลยนี่นา?

เรื่องก็คือเราทุกคนไม่ได้รับการยกเว้นให้อยู่อย่างปราศจากการทนทุกข์ในชีวิต เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เราได้เห็นเอลียาห์ผู้ยิ่งใหญ่ (1 พงศ์กษัตริย์ 19: 4-14) ที่ท่านต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความซึมเศร้าหดหู่ ท่านร้องทูลต่อพระเจ้าผู้ซึ่งค่อยๆ กอบกู้จิตใจของท่าน

ความวิตกกังวลและซึมเศร้านั้นไม่จำกัดเพศและพื้นฐานทางสังคม และสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ไม่ว่าคนนั้นจะมาจากครอบครัวที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม มันเกิดจากเหตุผลซับซ้อนหลายอย่าง ดังนั้นการมองหาความช่วยเหลือจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราได้

ดังนั้น “คุณ โอเคไหม?”

ครั้งต่อไปที่มีคนตั้งคำถามแบบนี้กับคุณ จดจำไว้เสมอเลยว่าการที่ตอบคำถามนั้นไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร มันไม่มีอะไรที่น่าอายหรือไม่ควรเปิดเผยกับสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่

เหนือสิ่งอื่นใด เรามีพระเยซูผู้ซึ่งเป็นมากกว่าเพื่อนแท้หรือนักจิตบำบัด และพระองค์ยังคงยื่นมือออกมาและถามว่า “คุณโอเคหรือเปล่า?” เราสามารถละทิ้งความรู้สึกอับอาย การถูกคนอื่นแบ่งแยก หรือการถูกคนอื่นตัดสิน และพึ่งพิงให้อ้อมแขนของพระองค์ผู้เดียวที่เข้าใจ

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

MUSTARD SEED

Scripture quotations taken from The Holy Bible, Thai Standard Version 2011 ®

Privacy Policy

MUSTARD SEED is a part of
Our Daily Bread Ministries.

ABOUT US

We are a platform for Christian young people to ask questions about life and discover their true purpose. We are a community with different talents but the same desire to make sense of God’s life-changing word in our everyday lives.

® 2019 MUSTARD SEED . ALL RIGHTS RESERVED.

CONNECT WITH US

          

OUR OTHER LANGUAGES SITES
YMI (English)
WarungSaTeKaMu (Bahasa Indonesia)
雅⽶米 (Simplified Chinese)

Share This