WRITER: จาเนล ไบเทนสไตน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบาน
EDITOR: Mustard Seed Team
ในฤดูร้อนปี 2016 ครอบครัวของฉันขนข้าวของจากประเทศยูกันดาขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาเป็นเวลาหกเดือน
ระหว่างจัดกระเป๋าสำหรับวันหยุดยาวนี้ ฉันมีความรู้สึกขัดแย้งบางอย่าง ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้กอดพ่อแม่และได้มองลูกๆ ของฉันทักทายลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาอีกครั้ง
ฉันพร้อมที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับคนที่ฉันรัก นึกภาพตัวเองกำลังถือจานข้าวโพดขณะที่หัวเราะกับมุกตลกของน้องสาวในวันธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องมีสาระอะไร
เพลิดเพลินไปกับการได้อยู่บ้าน กินบลูเบอร์รี่และเชอร์รี่เท่าไรก็ได้ หลับตาฟังเสียงอันเงียบสงบของถนนที่ไร้หลุมบ่อ โยนจานสักสองสามใบลงในเครื่องล้างจาน
แต่ฉันก็กำลังกลับบ้านด้วยอาการเศร้าๆ อยู่เหมือนกัน ฉันได้บอกลาเพื่อนสนิท (ที่เหมือนเป็นครอบครัว) ที่จะไม่ได้รับใช้ในยูกันดาอีกต่อไปเมื่อฉันกลับมา การเดินทางไปสลัมของฉันยังคงตรึงอยู่ภายในใจ หลังจากการเลือกตั้งที่น่าตกใจ การโจรกรรม และเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ไหล่ของฉันก็ทรุดลงเล็กน้อยขณะรูดซิปกระเป๋า
และในขณะที่เราอยู่ห่างจากบ้านของเราในยูกันดา องค์กรที่เราทำงานรับใช้ด้วยก็ยังจะทำงานต่อไปไม่ว่าเราจะมีส่วนร่วมหรือไม่ก็ตาม พระเจ้าจะทรงทำงานต่อไปในแผนการอันน่าอัศจรรย์ไม่ว่าครอบครัวเล็กๆ ของเราจะทำหน้าที่ใดก็ตาม เพื่อนของฉันพูดว่า “ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เมื่อเราเอามือออกจากทราย หลุมก็จะเต็ม”
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับชาวอเมริกันคนอื่นๆ ฉันมักจะค้นหาตัวตนของตัวเองในด้านการเป็นประโยชน์ มีวัตถุประสงค์ และการทำงาน
ดังนั้น ฉันจึงเปรียบเทียบเวลานี้กับวันสะบาโต เพราะเป็นการปลดปล่อยตัวเองหลังจากที่ทำงานอย่างหนักมาตลอด หลังจากการรับใช้ตลอดหลายเดือน ฉันต้องการมากกว่าหนึ่งวันที่จะพักผ่อน เช่นเดียวกับเพื่อนที่วิ่งมาราธอน ฉันต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อรับกำลังใหม่ ฉันต้องขึ้นไปหาพระเจ้าบนทุ่งหญ้าเขียวสดและริมน้ำแดนสงบของพระองค์ (และไม่ตัดหญ้าหรือว่ายน้ำ)
วันสะบาโตเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ยิ่งโตขึ้น ฉันยิ่งสำนึกในพระคุณความรักของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ฉันเห็นแผนการของพระองค์สำหรับการอยู่เฉยๆ และความเงียบ ตลอดจนการเติบโตและการเตรียมพร้อม ทุกสัปดาห์ ฉันต้องการเวลาในการปรับตัวเข้ากับพระเจ้าผู้นำพระองค์เองกับการพักผ่อนและการฟื้นฟูจิตวิญญาณของฉัน (สดุดี 23:3)
ครั้งหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งนั่งลงตรงข้ามฉันอย่างเหนื่อยล้า เธอดูแปลกไปในขณะที่เรากำลังทานมื้อกลางวันด้วยกัน ไม่นาน ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ได้หยุดงานสักวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา… เธอให้เหตุผลว่า เธอไม่สามารถหยุดพักได้เลย
น่าตลกดี ที่ฉันโน้มน้าวให้เพื่อนเข้าใจ
ความหมายของวันสะบาโตว่าเกี่ยวกับ: การยอมรับว่าเราทำไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะแม่ที่มีลูกเล็กๆ บ้านอาจจะทรุดโทรมลงถ้าเราช้าในการทำความสะอาดเพราะรอยเท้าที่เปื้อนของเด็กๆ ฉันพบว่าวันสะบาโตเป็นการกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อและการถ่อมใจ
เพื่อนคนหนึ่งได้เตือนฉันว่า เหตุผลของพระเจ้าสำหรับวันสะบาโตได้อธิบายไว้ในเฉลยธรรมบัญญัติ 5:15 :
จงระลึกว่าเจ้าเคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้นำเจ้าออกมาจากที่นั่น ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และด้วยพระกรที่เหยียดออก ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าจึงทรงบัญชาให้เจ้ารักษาวันสะบาโต
วันสะบาโตเป็นเครื่องหมายแห่งอิสรภาพของเรา ว่าเราเป็นมากกว่าผึ้งที่ทำงาน แต่เป็นที่รักและต่อสู้เพื่อเด็กๆ ผู้เขียน มาร์ก บูคานัน เขียนว่า:
ความเปราะบางที่เราสร้างขึ้นและความงามที่ประทับตราโดยพระเจ้าและเสรีภาพที่ได้มาอย่างยากลำบาก… (วันสะบาโต) ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องเรา ให้เกียรติเรา ประคบประหงมเรา สถานะของเราในฐานะชายและหญิงที่พระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์เอง ด้วยพระหัตถ์และพระโลหิตของพระองค์ เป็นของขวัญจากพ่อที่เมตตาลูกๆ
ซึ่งเป็นความขัดแย้งของวันสะบาโตที่ว่าเมื่อไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเบ่งบานด้วยความยินดีและแม้กระทั่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ฉันได้รับการทรงสถิตของพระเจ้ามากขึ้นและอยู่กับผู้คนได้ ฉันมีความหวัง จดจ่อได้ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
การทำน้อยเป็นอย่างไร
ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นการปลดปล่อยความเชื่อที่เต็มเปี่ยมสำหรับฉัน เพื่อวางใจว่าเมื่อฉันทำน้อยลง พระองค์ทรงทำมากขึ้น เหมือนที่เพิ่มขนมปังและปลา เพื่อยินดีวางความตั้งใจทั้งสิ้น และน้อมรับฤดูกาลของพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ
บางครั้งเหมือนที่ศิษยาภิบาล พีท สกาซเซโร แนะนำผู้รับใช้ในคริสตจักรว่า “ดินจำเป็นต้องได้รับการเติมและพักไว้ เป็นเวลาหนึ่งฤดู”
หมายถึงวันที่เราจะดู เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) หรือเลื่อนดูอินสตาแกรม (Instagram) เรื่อยเปื่อยหรือเปล่า? แต่สิ่งสำคัญสำหรับฉันคือ การกลั่นกรองแนวคิดเรื่องเวลาว่างของฉัน และไม่ว่าความคิดเหล่านั้นจะส่งผลต่อจิตวิญญาณของฉันจริงๆ หรือทำให้จิตใจฉันเย็นชาหรือไม่ตอบสนองชั่วคราว เพียงเพื่อให้ปัญหาที่แท้จริงเริ่มระบายออกมาจากฉันด้วยความโกรธ ความไม่สนใจ หรือซึมเศร้า
เมื่อเพื่อนที่เหนื่อยล้าคนก่อนกลับมานั่งที่ระเบียงบ้านของฉัน เธอกลับดูสดใส (วันสะบาโตสามารถทำเช่นนั้นกับเด็กผู้หญิงได้) เธอบอกฉันว่าเสียงของพระเจ้าได้เปลี่ยนเธอ
ฉันรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถสละเวลาเพื่อพักผ่อนได้ และนั่นก็ไม่เป็นไร ดังนั้นบางครั้งวันสะบาโตเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับการฟื้นฟูและให้จิตวิญญาณได้พักสงบทุกวัน บางทีนั่นอาจเป็นการวางโทรศัพท์ของเราและออกไปเดินเล่นกับพระองค์ หรือดื่มกาแฟกับเพื่อนที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกันอย่างแท้จริง ตามด้วยการอธิษฐานและเข้านอนเร็ว
บางทีอาจเป็นการพูดว่า “ไม่” เพื่อทำมากขึ้นเพื่อพระเจ้า และ “ใช่” เพื่อชื่นชมยินดีในพระองค์
ในฐานะคนที่ประสบความสำเร็จและผู้ช่วยเหลือ ฉันยังคงเรียนรู้ที่จะหาจังหวะหยุดพักบ้าง ซึ่งจังหวะเหล่านี้ทำให้ฉันสามารถรักผู้คนและพระเจ้าอย่างจริงใจมากขึ้น (โรม 12:9) และรับใช้พระเจ้าจากความใกล้ชิดที่ได้รับการปลูกฝัง แทนที่จะเป็น “ผล” ที่ติดอยู่บางตำแหน่ง (ยอห์น 15)
สัปดาห์นี้ ลองพูด “ไม่” เพื่อที่คุณจะพูดว่า “ใช่” ได้อย่างถูกต้อง
YOU MAY ALSO LIKE
ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า
WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...
จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ
WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...