fbpx
WRITER: แกะน้อย
EDITOR: Mustard Seed Team

อย่างที่เราทราบกันดีว่าช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มมีมาตรการคลายล็อคดาวน์ลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือสถานที่ต่างๆ ที่เริ่มกลับมาเปิดตัวอีกครั้งพร้อมกับวิถีใหม่ เช่น การเช็คอินเช็คเอ้าท์ก่อนเข้าออกสถานที่ต่างๆ การวัดไข้ และการเว้นระยะห่างที่ยังคงต้องมีอยู่ หรือที่เราอาจได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าวิถีแบบ “New Normal” – วิถีชีวิตปกติแบบใหม่

ในทุกการเปลี่ยนแปลง ต้องยอมรับว่าไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่มักมาพร้อมกับการสูญเสียอะไรบางอย่างไป แต่ในทุกการเปลี่ยนแปลงนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องเรียนรู้อยู่เสมอคือการปรับตัว แม้การแพร่ระบาดครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเราไปอย่างกะทันหัน หลายคนอาจมีคำถามกับตัวเองว่า แล้ว New Normal นี้เราจะใช้ชีวิตหรือตอบสนองอย่างไรดี?”

1. การเปลี่ยนแปลงทำให้เราต้อง “ละทิ้ง” บางอย่าง

สามเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เราหลายคนอาจมีคำถามและไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องสูญเสียอิสระในการไปไหนมาไหน หรือถูกจำกัดพื้นที่ทำให้ต้องปรับตัว แผนการที่คิดหรือวางไว้ในปีนี้ก็ถูกล้มเลิกหมด ไม่มีอะไรคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน หลายคนอาจรู้สึกว่าโควิด-19 ทำให้ชีวิตของเราสั่นคลอนและหมดอิสระ แต่เมื่อได้ใคร่ครวญดีๆ ฉันกลับรู้สึกว่าพระเจ้ากำลังใช้ช่วงเวลานี้ในการฝัดร่อนชีวิตของเราในทุกๆ ด้าน เป็นเหมือนการดีท็อกซ์ที่มาถึงชีวิตของเราทุกคน

ถึงแม้ตอนนี้ฉันอาจจะไม่ได้เข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สิ่งต่างๆ ที่เคยมีที่เคยเห็นว่ามั่นคง ตอนนี้ไม่มีแล้ว ทำให้ฉันต้องพึ่งพาพระเจ้า ยึดพระองค์และวางใจพระองค์ก้าวต่อก้าวในทุกๆ วันอย่างแท้จริง สถานการณ์นี้ทำให้ฉันนึกถึงข้อพระคัมภีร์ในพระธรรมมัทธิว 16:26 ที่บอกว่า “เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของหมดทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา?” พระเจ้าช่วยให้ฉันมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ให้ชีวิตมากกว่าความเคยชินที่ฉันเคยยึดไว้ ฉันเชื่อว่าพระองค์ทรงใช้สถานการณ์นี้เพื่อนำชีวิตของเรากลับสู่ สมดุล” ในพระองค์

วันนี้คุณอาจจะสูญเสียบางอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นความฝัน ความสัมพันธ์ ธุรกิจ เวลา หรือแม้แต่กำลังใจ แต่อยากให้คุณมั่นใจว่าเมื่อเราแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้า พระองค์จะสอนบางสิ่งที่ล้ำค่าแก่เรา เหมือนกับที่ฉันได้เรียนรู้

การจากลาเพื่อที่จะเข้าใจความหมายของมิตรภาพ

มีน้อยลงเพื่อจะชื่นชมและขอบคุณกับสิ่งที่มีมากขึ้น

ถูกจำกัดเพื่อจะเห็นความสำคัญของสิ่งที่จำเป็น

เผชิญกับความไม่แน่นอนเพื่อที่จะรู้จักพระเจ้าผู้ให้ชีวิตและสัมผัสกับความมั่นคงเมื่อได้วางใจในพระองค์

2. การเปลี่ยนแปลงมีเพื่อที่เราจะ “รู้คุณค่าและรักษา” สิ่งที่สำคัญไว้

ในวิกฤตโควิด-19 ฉันได้เห็นความรักของพี่น้องในพระคริสต์ที่มีต่อฉัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากพระเจ้าให้ฉันได้เรียนรู้ว่าเราต้องการซึ่งกันและกันมากแค่ไหน เมื่อฉันมองออกไปในสังคม ผู้คนช่วยเหลือกันด้วยใจจริง ไม่ว่าจะเป็นการแจกข้าวกล่อง ถุงยังชีพ ตู้ปันสุข หรือห้างสรรพสินค้าที่ได้ลดราคาสิ่งของต่างๆ ลง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นว่า มากกว่าธุรกิจที่เติบโต การงานและชีวิตที่มั่นคงของเรา วันนี้สิ่งที่สำคัญและทำให้เราเดินต่อได้จริงๆ คือกำลังใจและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สิ่งที่ฉันได้เห็นในสังคมทำให้หัวใจของฉันพองโตและย้ำเตือนว่านอกจากการเลี้ยงดูที่พระเจ้าประทานให้เราผ่านอาหาร อากาศ และสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็นแล้ว อีกสิ่งสำคัญก็คือคุณค่าของมิตรภาพและความสัมพันธ์กับผู้อื่น

มีคำเทศนาของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้แบ่งปันเกี่ยวกับงานวิจัยในการสำรวจกลุ่มคนวัยชรา ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นความสำเร็จในชีวิต? คำตอบส่วนมากกลับไม่ใช่ ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง หรือแม้แต่ความสะดวกสบาย แต่หากเป็นมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาต่างหาก

เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องพระกายของพระคริสต์และคริสตจักรด้วยเช่นกัน หลายคนอาจมีคำถามว่า เมื่อเราสามารถฟังคำเทศนาและนมัสการผ่านออนไลน์ได้แล้ว เรายังควรจะไปโบสถ์อยู่ไหม? ส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าถ้าเราเข้าใจวัตถุประสงค์ของการไปโบสถ์จะช่วยให้เราตอบตัวเองได้ สำหรับฉัน ถึงแม้ช่องทางออนไลน์จะสะดวกและได้รับพระพรจากคำเทศนาไม่ต่างกับการมาโบสถ์  

แต่สิ่งที่การนมัสการออนไลน์ให้ไม่ได้ก็คือการเป็นส่วนหนึ่ง การมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการได้เห็นแววตา และรอยยิ้มของคนจริงๆ ที่ไม่เหมือนกับการมองเห็นผ่านจอมือถือหรือทีวี

ทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้นถึงธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างเรามาเพื่ออยู่ร่วมกัน และเพื่อกันและกัน

อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์แรกที่คริสตจักรเปิดให้เข้านมัสการ ฉันได้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างการนมัสการออนไลน์ (ที่มีแต่ฉันกับหน้าจอมือถือ) กับที่ประชุมที่เมื่อมองไปคนทุกเพศทุกวัยมารวมตัวกันเพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือ ทุกคนอยากมานมัสการพระเจ้าร่วมกัน มาตรการและความจำกัดต่างๆ หลังโควิด-19 ทำให้เราใช้ชีวิตไม่สะดวกสบายเหมือนก่อน แต่มันก็ได้สอนให้ฉันรู้คุณค่าและรักษาสิ่งสำคัญไว้ด้วยใจขอบพระคุณ

3. การตอบสนองที่ถูกต้องจะนำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง”

เมื่อพูดถึงชีวิตหลังล็อคดาวน์ ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในพระคัมภีร์ หนึ่งในนั้นคือ เรื่องราวของคนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารที่โหยหาชีวิตในอียิปต์ พวกเขาบ่นและคิดถึงชีวิตที่มั่นคงกว่าในอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือการใช้ชีวิตที่คุ้นเคยแม้ต้องแลกกับการเป็นทาส ทำให้ฉันนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่เราหลายคนอาจคิดถึงชีวิตที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้ แต่อาจมีสิ่งแอบแฝงที่ทำให้เราไม่สามารถมอบหัวใจทั้งหมดให้กับพระเจ้าได้ เป็นความมั่นคงจอมปลอมที่เราแอบยึดไว้ในชีวิต เช่น ความสามารถของตัวเราเอง ความมั่นคงทางธุรกิจหรือความสะดวกสบาย ซึ่งหากไม่มี สถานการณ์โควิด-19 นี้ เราก็อาจไม่รู้เลยว่าตัวเราเองอาจกำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับการเป็น “ทาส” ที่อียิปต์

การใคร่ครวญทำให้ฉันได้กลับใจและเข้าใจว่า

การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นตามใจเรา แต่มันมีเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงเรา

และเมื่อสถานการณ์นั้นๆ มาถึง พระเจ้าทรงเรียกร้องให้เราตอบสนองต่อพระองค์ เหมือนในพระธรรมโรม 12:2 ที่บอกกับเราว่า “…จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดีอะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม”

วันนี้ฉันอยากหนุนใจคุณและตัวฉันเองว่า

ในทุกๆ ปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ให้เราเลือกที่จะแสวงหาพระเจ้าและร่วมมือกับพระองค์ในการยอมให้พระองค์ฝัดร่อนชีวิตเรา ให้เราเป็นเหมือนโยบที่ได้ดำเนินชีวิตกับพระเจ้าและเรียนรู้จักพระลักษณะของพระองค์ เพื่อสถานการณ์ภายนอกจะไม่สามารถทำลายความเชื่อและความไว้วางใจของเราที่มีต่อพระเจ้าได้ แต่มันกลับจะยิ่งทำให้เรามั่นคงขึ้น เพราะในที่สุดแล้ว พระเจ้าทรงสัญญาว่าทุกสิ่งจะร่วมกันก่อผลดีต่อผู้ที่ “รัก” พระองค์ (โรม 8:28)

“จงเดินต่อไปข้างหน้าสู่อนาคตที่คุณไม่อาจรู้ได้ ด้วยก้าวที่เต็มไปด้วยการอธิษฐาน พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะอยู่ที่นั่น (ฮีบรู 13:5) คุณจึงมั่นใจได้ว่า ‘จะมีบางสิ่ง มารองรับคุณไว้ หรือไม่เช่นนั้นคุณจะได้เรียนรู้วิธีที่จะบิน’

#ข้อความจากหนังสือสักเล่มในสมุดจดบันทึกของฉัน

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This