WRITER: แอนนี คาล์ดเวลล์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ณัฐพร ชังเจริญ
EDITOR: มิ้นท์ สุพิชชา จันทสุทธิบวร
ตอนที่มองเพียงผ่านๆ ฉันคิดว่าเขาเป็นคนไร้บ้านคนหนึ่งที่เดินเรื่อยเปื่อยเข้ามาในโบสถ์ แต่แล้วเขาก็เริ่มแจกจ่ายกำหนดการรายสัปดาห์และผู้คนก็เริ่มทักทายโดยเรียกชื่อของเขาด้วย ฉันจึงตระหนักได้ว่า ฉันต่างหากที่เป็นคนแปลกหน้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก
สิ่งแรกที่โผล่เข้ามาในความคิดของฉันคือ
“โห โบสถ์นี้ทำดีมากเลยนะเนี่ย…ต้อนรับคนแบบเขาด้วย”
ด้วยคำสามคำนี้ ฉันก็ได้ปล่อยให้รูปลักษณ์ภายนอกนำฉันไปสู่การตัดสินอันรวดเร็วว่าเขาเป็นคนนอก ไม่ใช่คนที่อยู่ ณ ที่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย “ภายใน” สังคมที่ฉันหวังว่าจะเข้าไปอยู่ด้วยเมื่อเข้ามาที่โบสถ์แห่งนี้
เมื่อกล่าวถึงการสร้างความสัมพันธ์ ฉันคิดว่ามันเป็นไปโดยธรรมชาติที่เราจะมองหาบางสิ่งบางอย่างจากความสัมพันธ์นั้นๆ หลายต่อหลายครั้งก็เพื่อให้ได้รู้สึกว่าเป็นเหมือนกับคนอื่น ได้รับความเข้าอกเข้าใจ หรือถูกรัก ในบางกรณี เราอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ กับคนอื่นเมื่อเราคาดหวังว่าจะได้รับการตอบแทนที่ดีต่อสิ่งที่เราได้ลงทุนทำลงไป เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ต่อเจ้านายคนสำคัญที่ทำงาน หรือเพื่อนที่คบกันด้วยผลประโยชน์
และฉันไม่เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายหากจะคาดหวังที่จะได้รับบางอย่างจากความสัมพันธ์ทั้งหลาย แต่พระเจ้าทรงท้าทายฉันให้พิจารณาดูอีกครั้งว่า สิ่งใดกันแน่ที่ฉันคาดหวังว่าจะได้พบ
การทรงสำแดงที่ไม่คาดฝันของพระเจ้า
โบสถ์ที่ฉันพบกับผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งแรกได้กลายมาเป็นโบสถ์ประจำของฉัน ฉันไปที่นั่นตลอด เขาเองก็เช่นกัน อันที่จริงแล้วเราอยู่กลุ่มย่อยกลุ่มเดียวกันด้วย
ในเดือนแรกๆ เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องแบ่งปันในกลุ่มของเรา ฉันได้เรียนรู้ว่าเขามีชีวิตที่ยากลำบากมากเลยทีเดียว
หลังผ่านพ้นวัยเด็กอันยากลำบาก เขาก็สูญเสียภรรยาไปโดยไม่คาดฝันจากอาการเจ็บป่วยที่ดูเหมือนจะไม่อันตรายใดๆ แต่กลับรุนแรงขึ้นและทำให้ถึงแก่ชีวิตภายในเวลาเพียงไม่กี่วันต่อมา ความทุกข์ทรมานนี้ถูกตามติดมาด้วยบางสิ่งที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ นั่นก็คือ ช่วงเวลาปีแล้วปีเล่าที่เขาต้องถูกจำคุกจากความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ และความรู้สึกที่พ่วงมากับการที่ไม่สามารถแม้แต่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเขาเองได้
ในขณะที่เขาแบ่งปันเรื่องราวความยากลำบากแสนสาหัสนี้ สิ่งที่ทำฉันประหลาดใจก็คือ เขาสามารถพูดถึงมันได้โดยมีท่าทีที่อ่อนโยนและสงบสุข
แทนที่จะโกรธกร้าวจากการสูญเสียภรรยาที่เขารัก เขากลับระลึกถึงวันเวลาที่เขาทั้งคู่ได้มีร่วมกันด้วยความซาบซึ้งใจ แทนที่จะรู้สึกขมขื่นและเดือดดาลที่สูญเสียเวลาไปเป็นปีๆ ในคุกจากสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ เขากลับเลือกที่จะโฟกัสกับโอกาสที่คุกทำให้เขามีเรื่องราวของความเชื่อและความวางใจในพระเจ้ามาแบ่งปัน
เรื่องเล่าของเขาตั้งแต่ต้นจนจบแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาแห่งความเอื้อเฟื้อ และการเสียสละรับใช้ครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขา ฉันได้เรียนรู้ถึงภาระใจและความมั่นคงต่อการอธิษฐาน รวมไปถึงการพึ่งพาพระเจ้าและการร้องขอเพื่อที่พระองค์จะทรงนำทุกย่างก้าวของเขา ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยรายวันก็ตาม ฉันได้เห็นพยานแห่งความสัตย์ซื่ออันเป็นนิรันดร์ของพระองค์ และด้วยความวางใจว่าพระเจ้าจะทรงจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้ลุล่วง ฉันก็ได้รับการหนุนใจอย่างมาก
เป็นครั้งแรกที่ฉันมองเห็นคุณค่าของชีวิตและเรื่องราวของผู้ชายคนนี้และได้เผชิญกับความจริงที่ว่าฉันเคยดูถูกเขามาก่อน
แม้ว่าความหยิ่งยโสและสายตาที่ตัดสินของฉันได้เคยมีผลต่อความนึกคิด แต่สุดท้ายฉันก็มองเห็นเขาในฐานะคนที่สามารถสอนและหนุนใจฉันได้ ไม่ใช่อย่างที่ฉันได้ด่วนตัดสินเขาไว้ในตอนแรก
ความบาปลึกๆ ที่ขวางเราจากการรักผู้อื่น
ในขณะที่ฉันอธิษฐานอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์นั้น ฉันก็เริ่มมั่นใจยิ่งขึ้นว่า จุดกำเนิดของการตัดสินผู้อื่นของฉัน คือ การเลือกที่รักมักที่ชัง
เมื่อฉันปล่อยให้ความลำเอียงนำฉันไปสู่การตัดสิน มันก็ได้นำให้ฉันเลือกปฏิบัติเป็นพิเศษเฉพาะกับคนที่ฉันเห็นว่ามีคุณค่า นั่นไม่ได้ต่างอะไรเลยกับสถานการณ์ที่ยากอบได้บรรยายไว้ในจดหมายที่ว่า เมื่อมีคนแต่งตัวดี คนนั้นก็ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ (ยากอบ 2:2-3)
การลำเอียงอาจดูไม่เลวร้ายเท่ากับการโกหก ราคะ หรือการคดโกง แต่นั่นก็อันตรายพอกัน
สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกว่า มีคนบางพวก ที่เมื่อวัดจากบรรทัดฐานที่เราสร้างขึ้นมาเองแล้ว คุ้มค่ากับเวลาที่เราจะใช้กับเขามากกว่า สมควรได้รับความสนใจมากกว่า และเหมาะที่จะได้รับการปรนนิบัติที่ดีกว่าคนอื่นๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เราก็หลงลืมความรักสำหรับเพื่อนบ้านทุกคนไปจนหมด (ยากอบ 2:8)
มันทำให้ฉันสงสัยว่า มีที่ไหนอีกบ้างที่ความบาปลึกๆ นี้ได้แอบปรากฏตัวอยู่ในชีวิตของฉัน
ความลำเอียงได้ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของความลังเลที่จะช่วยเหลือเพื่อนจากหนี้กองโตที่พวกเขาไม่ควรไปสร้างมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
มันกำลังหล่อเลี้ยงความไม่เต็มใจที่จะพบปะต้อนรับเพื่อนๆ ที่ฉันคิดว่ามีการตอบสนองที่ไม่เข้าท่าต่อสถานการณ์โควิดหรือเปล่า?
มันได้อธิบายถึงเหตุผลที่ฉันอยากมองข้ามใครก็ตามที่เพิกเฉยต่อประเด็นปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติหรือการเหยียดผิวในประเทศของฉันหรือเปล่า?
ฉันคิดว่าการเลือกข้างลำเอียงมีผลต่อการตอบสนองของฉันต่อสถานการณ์เหล่านี้และต่อความสัมพันธ์ทั้งหมด และน่าเศร้าที่มันบดบังความงดงามแห่งพระฉายาของพระเจ้าและภารกิจของพระองค์ที่อยู่ในชีวิตของผู้คนอีกมากมาย
แทนที่จะให้ความรัก การดูแลรับใช้ ความช่วยเหลือ และการรับฟัง แก่เฉพาะคนที่ฉันให้คุณค่าเขา ฉันอยากระลึกไว้เสมอว่าทุกๆ คนเป็น “เพื่อนบ้าน” เป็นผู้ที่ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า ตามอย่างของพระองค์ และเป็นคนที่พระองค์ทรงเรียกฉันให้รัก (มาระโก 12:31)
แล้วเราจะเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ต่างจากเดิมได้อย่างไร?
เราสามารถเริ่มต้นได้ผ่านการทรงนำและพระคุณของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงเท่านั้น ที่ทำให้รากที่หยั่งลึกและมองเห็นได้ไม่ชัดของการลำเอียงเลือกข้างนั้นจะสามารถมองเห็นได้ และถูกทำลายในที่สุด
มีการเปลี่ยนแปลงอยู่สองอย่างที่ฉันรับรู้ได้จากการทรงนำเมื่อต้องพบเจอกับคนใหม่ๆ และเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาเหล่านั้น
1. เมื่อเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่ต่างไปจากฉัน ฉันจะพยายามนึกถึงสิ่งดีๆที่ฉันมองเห็นในตัวเขา ดูว่าฉันสามารถมองเห็นในสิ่งที่พระเจ้าทรงมองเห็นในตัวของพวกเขาด้วยความรักได้ไหม
2. ตั้งคำถามที่ว่า “ฉันต้องเรียนรู้อะไรบ้าง” ฉันได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ถ่อมใจ เมื่อถูกเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าว่าฉันมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องเรียนรู้จากทุกคนเสมอ โดยเฉพาะจากคริสเตียนคนอื่นๆ
ก้าวเล็กๆ เหล่านี้ช่วยให้ฉันเรียนรู้ที่จะอดทน ไม่ด่วนตัดสินและดูถูกใครด้วยถือดี ทั้งยังช่วยให้ฉันค้นพบคุณค่า รวมไปถึงได้รับการหนุนใจจากเรื่องราวของพวกเขาอีกด้วย
ฉันเชื่อว่าภายในเราทุกคน ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ล้วนสืบทอดพระฉายาของพระเจ้าและเป็นที่รักของพระองค์ด้วยกันทั้งสิ้น และเมื่อพระวิญญาณได้เปลี่ยนแปลงท่าทีในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของฉันโดยให้คิดถ่อมตนมากขึ้น ฉันก็เชื่อว่านั่นจะช่วยให้ตัวฉันเองได้เปิดใจที่จะเรียนรู้ ว่าความรักที่มีชีวิตนั้นเป็นเช่นไร
“พี่น้องของข้าพเจ้า ในเมื่อพวกท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งศักดิ์ศรีของเรานั้น ก็จงอย่าลำเอียง… ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พวกท่านก็ทำดี” (ยากอบ 2:1, 8)
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...