WRITER: เคซียาห์ เอ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: Mustard Seed Team
ฉันทำงานได้ดีเยี่ยมตั้งแต่งานแรกหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยและได้เลื่อนตำแหน่งภายในหนึ่งปีครึ่ง อย่างไรก็ตาม แม้ฉันจะทำงานได้ดี แต่ฉันกลับโฟกัสที่ความล้มเหลวเล็กๆ น้อยๆ และความผิดหวังต่างๆ ที่ฉันพบเจอ ความไม่พอใจทำให้ฉันเริ่มที่จะหางานใหม่ ด้วยความน่าดึงดูดใจเกี่ยวกับงานด้านการตลาด ฉันตอบรับงานในตำแหน่งผู้ดูแลแบรนด์ของบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีเพราะมันเพิ่มโอกาสให้ฉันที่จะประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับ
สภาพแวดล้อมของงานใหม่กลายเป็นพิษอย่างไม่น่าเชื่อและหลังจากนั้นหนึ่งปี ฉันก็ลาออกไปทำงานให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร แม้ว่าตอนแรกฉันจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้หนีจากวัฒนธรรมที่เป็นพิษและย้ายไปทำงานในองค์กรที่ช่วยเหลือสังคม แต่ฉันถูกปลดออกหลังจากพ้นช่วงทดลองงานเนื่องมาจากการทำงานที่ไม่ดี
ประสบการณ์เหล่านี้รวมกันบดขยี้ฉัน ฉันรู้สึกเป็นคนล้มเหลวที่ไม่มีความหวังและต่อสู้กับความคิดที่ว่าตัวเองไร้ค่า และจมสู่ภาวะซึมเศร้า แย่ไปกว่านั้น ฉันถูกปฏิเสธจากงานมากมายที่ฉันสมัครไปและได้เข้าสัมภาษณ์แค่สามครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ตลอดหกเดือนที่ฉันเฝ้าคอยเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด ฉันตระหนักว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ฉันไม่ได้แสวงหาการทรงนำของพระเจ้าในชีวิตของฉัน แต่กลับพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง (สุภาษิต 3:5-6)
และด้วยความไม่พอใจในสถานการณ์ต่างๆ ของฉัน ฉันจึงได้เดินไปข้างหน้าและทำสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับฉัน และสิ่งนี้นำฉันไปสู่ความเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นและการดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย
ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะพยายามบอกฉันหลายๆครั้งว่างานการตลาดไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกสำหรับฉัน เพื่อนที่ไว้ใจได้ก็เตือนฉันเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของงานที่ไม่ดี นายจ้างคนเก่าของฉันก็เสนอที่จะขึ้นเงินเดือนเพื่อให้ฉันอยู่ต่อ ฉันกลับเลือกในสิ่งที่ฉันอยากได้ และแม้ฉันพยายามที่จะหนีจากความผิดพลาดในครั้งแรก ฉันยังคงพึ่งพาการตัดสินใจของตัวเอง และมันก็นำฉันไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่ดีอีกครั้งเกี่ยวกับงานต่อไปของฉันกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และฉันยังทำโอกาสที่พระเจ้ามอบให้แก่ฉันในงานแรกเพื่อที่จะทำตามแผนการของพระองค์พังลง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร
การเดินตามทางของฉันทำให้ฉันรู้สึกเดินผิดทาง ฉันจึงตัดสินใจที่จะใส่ใจกับการทรงนำของพระเจ้าในชีวิตของฉัน และพยายามที่จะหาวัตถุประสงค์และพอใจในทุกสิ่งที่ฉันทำไม่ว่ามันจะเล็กแค่ไหน ฉันรู้ว่าการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิตที่ปราศจากความท้าทาย แต่คือการที่ฉันวางใจว่าพระเจ้าจะดูแลฉันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก (สดุดี 23:1, 3-6) เหมือนที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะสถิตอยู่กับโยชูวาไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ฉันรู้ว่าพระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งฉันเมื่อฉันแสวงหาและทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ (เฉลยธรรมบัญญัติ 31:8)
เรียนรู้ที่จะให้พระเจ้านำ
เมื่อฉันไม่ได้รับการตอบกลับจากงานที่สมัครไป พ่อของฉันสนับสนุนให้ฉันสมัครเรียนในบัณฑิตวิทยาลัยเนื่องจากว่าฉันมีแนวโน้มสนใจเกี่ยวกับการศึกษามาโดยตลอด
ครั้งนี้ ฉันอธิษฐานกับพระเจ้าในทุกๆ กระบวนการและฉันใช้เวลาอย่างมากในการอ่านพระวจนะและเฝ้าเดี่ยวเพื่อให้ฉันเข้าใจวิธีการฟังเสียงของพระเจ้ามากขึ้น
ฉันได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนปริญญาโทที่ดับลิน (เมืองหลวงของประเทศไอร์แลนด์) แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเมืองดับลินจะเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับฉันรึเปล่า อย่างไรก็ตาม ทุก “เรื่อง” ที่ฉันกังวล เช่น เงินทุนและที่อยู่อาศัยกลับลงตัว ฉันได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินเพราะฉันต้องย้ายไปประเทศใหม่ ฉันยังได้พบที่พักในหอพักนักศึกษาคริสเตียนผ่านเพื่อนที่บังเอิญย้ายมาที่ไอร์แลนด์ไม่กี่ปีที่แล้ว
ตอนนี้ฉันสำเร็จการศึกษาปริญญาโทแล้วและกำลังเป็นนักศึกษาทุนเต็มจำนวนปริญญาเอกชั้นปีที่สามของมหาวิทยาลัย การวิจัยระดับปริญญาเอกของฉันเกี่ยวกับผลกระทบของสุขภาพจิตที่ไม่ดีต่อผลลัพธ์ของเศรษฐกิจ ซึ่งมันไม่ใช่งานวิจัยในเรื่องที่ฉันเคยคิดไว้ แต่ครั้งนี้ฉันเปิดทางให้พระเจ้าได้ทรงนำ หัวหน้างานของฉันคอยสนับสนุนให้ฉันทำในเรื่องนี้และถึงแม้ว่าฉันจะลังเลในตอนแรก แต่ฉันก็รู้ได้ว่านี่อาจจะเป็นวิธีที่พระเจ้าผลักดันให้ฉันไปสู่แผนการของพระองค์ในชีวิตของฉัน
การเปลี่ยนทิศทางของการวิจัยหมายความว่าฉันต้องทิ้งทุกสิ่งที่ฉันได้เริ่มไว้จนถึงตอนนี้และเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ฉันท้อใจแต่ฉันได้เห็นว่าพระเจ้าทรงช่วยเหลือฉันผ่านเรื่องราวท้าทายที่ฉันเผชิญ เช่น ฉันต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงในปีแรกของปริญญาเอกในขณะที่ฉันพยายามทำงานวิจัยชิ้นแรกของฉัน และมีหลายสัปดาห์ที่ฉันไม่สามารถทำงานได้เลยเนื่องมาจากความทุกข์และอาการนอนไม่หลับที่ฉันเผชิญ
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงประทานกำลังให้ฉันทำงานวิจัยนี้สำเร็จและได้รับการตีพิมพ์ งานวิจัยนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อฉันวางใจในพระเจ้าบนเส้นทางนี้ ฉันได้ค้นพบความชอบเกี่ยวกับงานวิจัยด้านสุขภาพจิต งานวิจัยของฉันทำให้ฉันได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตของฉันเองและนำไปสู่การเติบโตส่วนตัวของฉัน
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการวางใจในพระเจ้า
การเรียนรู้ที่จะวางใจในพระเจ้าในช่วงเวลาแบบนี้คือการยอมรับว่าพระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกๆ สถานการณ์ของฉัน แทนที่จะยืนกรานทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าดีที่สุดสำหรับฉัน ตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะเปิดใจรับทุกๆ โอกาสที่เข้ามาถึงแม้ว่ามันจะไม่เหมือนสิ่งที่ฉันคาดหวังไว้
ฉันค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมทิ้งการควบคุมทุกสิ่งในชีวิตของฉันเพื่อที่จะให้ได้ในสิ่งที่ฉันคาดหวังไว้ และยอมให้พื้นที่กับพระเจ้าที่จะทรงนำฉันในการตัดสินใจต่างๆ
ฉันอธิษฐานต่อพระเจ้าในการตัดสินใจต่างๆและไม่ลืมที่จะพิจารณาว่าการตัดสินใจนั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่ ฉันยังใช้เวลาในตอนเช้าอ่านพระวจนะและเฝ้าเดี่ยวเพื่อที่จะเข้าใจวิธีการดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า และสุดท้าย ฉันขอคำแนะนำจากหลายๆ คนที่มีพระเจ้าในชีวิต พวกเขาให้มุมมองในตอนที่ฉันทุกข์ใจและไม่สามารถมองสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน
ฉันยังคงพบเจอเรื่องท้าทายมากมาย ทำผิดพลาดหลายอย่าง และต่อสู้กับความไม่แน่ใจเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตฉัน แต่ฉันแน่ใจว่าพระเจ้าทรงนำฉันเพื่อเดินตามแผนการของพระองค์ตราบใดที่ฉันยังคงเชื่อฟังและวางใจในพระองค์
YOU MAY ALSO LIKE
ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า
WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...
จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ
WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...