
WRITER: วีนา กูรูวิลลา ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นุชจรี ปันคำ
EDITOR: Mustard Seed Team
การใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริงท่ามกลางไวรัสโควิด-19 มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย นับตั้งแต่การห้ามกอดและจับมือกัน ไปจนถึงการรับมือกับความเป็นไปได้ที่กระดาษชำระและสิ่งของจำเป็นต่างๆ จะหาซื้อได้ยาก การระบาดครั้งนี้ปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของพวกเราขึ้นมาอีกครั้ง
มีบางคนที่ต้องสูญเสียคนรักไปด้วยโรคระบาดนี้ และนั่นก็ได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล การระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสนี้ทำให้พวกเรามีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะทำความเข้าใจ และอธิษฐานเผื่อความทุกข์ร้อนของคนมากมายตั้งแต่ในประเทศจีนไปจนถึงอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคืนเราต้องนอนไปพร้อมกับสถิติล่าสุดของคนที่ติดเชื้อและคนที่เสียชีวิต และทุกเช้าก็ต้องตื่นมาพร้อมกับความหวาดกลัวที่มากขึ้น
และในฐานะผู้เชื่อเราถูกเรียกให้เดินในร่มเงาแห่งความจริงและไม่ไหลไปกับเหตุการณ์ที่น่าวิตกของโลกนี้ การหยุดพักจากการใช้ชีวิตประจำวันของเราไม่ได้มีไว้เพื่อให้เรารู้สึกสิ้นหวัง แต่มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ระลึกถึงและยึดมั่นในพระคำของพระเจ้า เพราะเราจะร้อนรนมากขึ้นในการอธิษฐาน
ในขณะที่เราทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตาม ให้เราจำไว้ว่าเรายังมีความหวังในพระเจ้า พระองค์เป็นความช่วยเหลือในยามยากลำบากของเรา ดูในพระธรรมสดุดีบทที่ 121 ที่บอกให้เรามองพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้เริ่มต้นด้วยการถามว่า “ข้าพเจ้าเงยหน้าดูภูเขา ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากไหน?” (สดุดี 121:1) คำพูดต่อไปของผู้เขียนประกาศถึงความมั่นใจของเขาว่า “ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก” (ข้อ 2)
เราสามารถเงยหน้าขึ้นมองได้ก็ต่อเมื่อตาของเราเปิดออก นี่หมายความว่าในฐานะคนของพระเจ้า เราต้องเฝ้าระวังตัวเองที่จะไม่งีบหลับในฝ่ายวิญญาณ และให้เราร่วมฉลองในความยิ่งใหญ่ของพระผู้สร้างของเรา
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ฉันรู้สึกผิดกับการทำตัวเป็นศูนย์กลางของโลกที่บางครั้งมันก็ฉกฉวยเอาความชื่นบานไปจากคำแนะนำของพระผู้สร้าง เมื่อโรคระบาดเริ่มแพร่กระจายไปเรื่อยๆ ฉันก็จะใช้เวลามากไปกับการอ่านข่าวหนึ่ง ไปอีกข่าวหนึ่ง จนทำให้เสียเวลาอันมีค่าที่ฉันควรจะได้ใช้ไปกับการสรรเสริญและอธิษฐาน
เมื่อเที่ยวบินต่างๆ ถูกยกเลิกและพรมแดนระหว่างประเทศถูกปิดลง ฉันกับสามีกังวลเกี่ยวกับการที่อาจจะไม่ได้เห็นพ่อแม่ของเราซึ่งอยู่ห่างจากเราอีก ขณะที่ชั้นวางของในซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มไม่มีของเหลือแล้ว ฉันสงสัยว่าจะเป็นการไม่ฉลาดหรือเปล่าถ้าฉันไม่กักตุนของจำเป็นต่างๆ การต่อสู้เพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เราควรใช้เวลาติดตามข่าวอย่างพอเหมาะและกำจัดความกังวลโดยการคุกเข่าลงต่อความจริงของพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งความช่วยเหลืออย่างไม่ต้องสงสัย และความช่วยเหลือของพระองค์จะมาแบบไม่ใช่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวและจากไป หรือทิ้งให้เราต้องอยู่กับความทุกข์โศก พระบิดาของเราทรงสำแดงความช่วยเหลือทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่พระองค์ไม่เพียงแค่สามารถสรรสร้างสิ่งที่ขาดภายในเราได้ แต่ยังสร้างความสนิทสนมกับพระองค์และคนอื่นๆ ผ่านการล็อคดาวน์นี้ได้อีกด้วย หากเราต้องการเช่นกัน
คำถามคือ เรากำลังมองหาคำตอบจากที่ไหน?
พระองค์ทรงเป็นผู้ค้ำจุน
มีความแข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในการที่รู้ว่าพระเจ้าของเราจะไม่ปล่อยให้เท้าของเราลื่นไถลและจะปกป้องเราไว้ในร่มเงาของพระองค์ (สดุดี 121:36) นี่ไม่ใช่ประกันสุขภาพหรือประกันทางด้านการเงิน แต่นี่คือพระสัญญาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะช่วยพิทักษ์รักษาย่างเท้าของเราตราบเท่าที่เรายอมต่อพระองค์
นี่หมายความว่าเราสามารถมีสันติสุขเหนือความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ นี่จะทำให้เราเห็นพระพรได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและจะให้การขอบพระคุณหยั่งรากลึกในชีวิตของเรา เป็นสิทธิพิเศษเวลาที่เราได้เข้ามารวมกันในฐานะกายเดียวกัน นี่ยังหมายถึงว่าเมื่อเราตื่นขึ้นมาในแต่ละวันด้วยการรับรู้ว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และมหิทธิฤทธิ์ ผู้ซึ่งจะนำการช่วยเหลือมา พระองค์ทรงเต็มใจและปรารถนาที่จะทำการผ่านเรา เมื่อเราอธิษฐานด้วยความมุ่งมั่นอย่างสุดใจเผื่อสำหรับร่างกายที่ติดเชื้อและหัวใจที่โดดเดี่ยว
เราคือลูกของพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพลังและผู้ที่ไม่เคยเหนื่อยล้า พระบิดาผู้ทรงทุ่มเทในการเพิ่มพูนความเชื่อให้กับเราและแผ่นดินของพระองค์ การกักตัวทางร่างกายไม่ได้ขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ การมีระยะห่างทางสังคมในขณะที่ต่อสู้กับไวรัสในโลกยุค 4G นี้ ส่วนใหญ่ได้เปิดโอกาสให้เรานำเรื่องราวของพระเยซูคริสต์เข้าไปในทุกการสนทนา และตอนนี้ยังเป็นเวลาที่จะสร้างและซ่อมแซมสะพานที่จะเชื่อมไปถึงสังคมรอบข้างของเรา
คำถามคือ พวกเราได้ก้าวเข้าไปอยู่ในร่มเงาของพระองค์หรือยัง?
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่
ผู้เขียนได้ประกาศในตอนท้ายของพระธรรมสดุดีว่า”พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น พระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์” (ข้อ 7-8)
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราจะร้องเพลงและชื่นชมยินได้ในทุกวัน และมากขึ้นในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ เราอาจจะไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับไวรัสนี้ แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือความชั่วร้ายจากมารเหล่านี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่พระเยซูคริสต์ชนะแล้วบนไม้กางเขน ก็คือความบาปที่ง่ายที่จะจับกุมชีวิตของเราไว้ นี่คือความสบายใจของผู้ที่เชื่อในพระคริสต์
หากไวรัสเข้ามาสร้างความเสียหายในร่างกายของฉัน ฉันยังคงรู้ว่าไวรัสนี้มันก็ทำร้ายได้แค่กับร่างกายฉันเท่านั้นแหละ มันไม่สามารถตัดสินหรือกล่าวโทษฉันได้ ทั้งโรคและความตายไม่ได้อยู่เหนือกว่าผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยจากพระคริสต์ สำหรับพวกเราแล้ว เราไม่ได้เป็นเชลยของสถานการณ์ การทดลอง ความคิด หรือการลงโทษอีกต่อไป พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่ทำการอยู่ในเราจะรักษาเราไว้ พระองค์จะทรงแทนที่ความสับสนด้วยความมั่นใจ ขนาบความรู้ของโลกนี้ด้วยสติปัญญาของพระองค์ และเปลี่ยนหัวใจของเราด้วยความบริสุทธิ์ นี่คือกระบวนการสร้างชีวิตใหม่จนกว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเราจะเรียกเรากลับบ้าน
คำถามคือ เราเชื่อไหม?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเราถึงถูกเรียกมาในช่วงเวลาแบบนี้ ให้เราเลือกที่จะไม่เกรงกลัวต่อโควิด-19 แต่ยืนหยัดอย่างมั่นคงในพระสัญญาของพระเจ้าซึ่งไม่มีไวรัสหรือความชั่วร้ายใดสามารถแตะต้องได้
YOU MAY ALSO LIKE
3 ความจริงที่จะช่วยให้เรารับมือกับอดีตได้ดีขึ้น
TRANSLATOR: Natty GraceEDITOR: Mustard Seed TeamArtwork by : YMI“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) “อดีตก็คืออดีต” อย่างที่เขาพูดกัน...
5 วิธีที่ทำให้เรายังคงหยั่งรากลึกในพระคำของพระเจ้า
WRITER: ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: พันทนิน พัวบัณฑิตกุลEDITOR: MUSTARD SEED TEAM มีหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการอ่านพระวจนะของพระเจ้า บ่อยครั้ง เราคิดว่าเราไม่มีเวลา แต่บางทีเหตุผลที่จริงๆ คือ เรารู้สึกเหนื่อยและล้าเกินไปจากการทำงานและเหตุผลส่วนตัว...
งดดู Netflix ในช่วงเทศกาล Lent : การเดินทางเพื่อสัมผัสพระคุณของพระเจ้า
WRITER: เหว่ย (@alifepast25) ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team คุณคงเคยรู้สึกแบบนั้นเมื่อเปิดดูตอนหนึ่งในเน็ตฟลิกซ์แล้วจู่ๆ ก็ผ่านไปสี่ชั่วโมง...