fbpx
WRITER: โรบิน สก็อตต์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: Mustard Seed Team

ในช่วงหัวค่ำของทุกๆ วัน ฉันจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันมักจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฉันดูโทรทัศน์ เล่นโซเชียลมีเดียบนมือถือ หรือดูข่าวเป็นเวลานานๆ เมื่อฉันได้อ่านบทความเกี่ยวกับโรคพฤติกรรมการทำซ้ำที่ร่างกาย (Body-Focused Repetitive Behaviors: BFRBs) ฉันไม่รู้ว่าฉันตกอยู่ในอาการนี้ได้อย่างไรและมันบีบหัวใจฉันมาก

ฉันค้นพบว่าอาการของโรคพฤติกรรมการทำซ้ำที่ร่างกาย (หรือ BFRBs) โดยทั่วไปอธิบายถึงกลุ่มอาการของคนที่มักจะสัมผัสเส้นผมและร่างกายของตนเองซ้ำๆ และส่งผลให้เกิดความเสียหายทางกายภาพ (Physical Damage) และเสียบุคลิก เช่น การดึงผม การแกะผิวหนัง หรือการกัดผนังกระพุ้งแก้มตัวเอง 

สิ่งที่ทำให้ฉันหนักใจคืออาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับฉัน ซึ่งฉันทำมันหลายอย่าง และมีแนวโน้มว่าเกิดจากภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่ฉันได้ต่อสู้มานาน

เท่าที่ฉันจำได้ฉันมักจะชอบแกะหนังกำพร้าบนนิ้วของตัวเอง (มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร) แต่ทำจนเป็นนิสัยเหมือนกับการกัดเล็บ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคือโรคที่มีชื่อเรียกว่า โรคเดอร์มาทิลโลมาเนีย (Dermatillomania) หรือโรคที่ทำให้หยุดแคะแกะเกาผิวตัวเองไม่ได้ หลายปีมาแล้วที่ฉันชอบดึงขนแขนของตัวเองบ่อยมากและบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าฉันทำมันทุกวัน ซึ่งอาการนี้เรียกว่า โรคทิโชทิโลมาเนีย (Trichotillomania) หรือโรคดึงผมตัวเอง เป็นอาการของคนที่ชอบถอนผมและเส้นขนของตัวเอง และฉันยังสังเกตตัวเองอีกว่าฉันชอบกัดผนังกระพุ้งแก้มจนเป็นนิสัย (Morsicatio buccarum) ฉันคิดว่ามันเป็นมาระยะหนึ่งแล้ว สองอย่างแรกนั้นเห็นได้ชัด แต่การกัดแก้มตัวเองเพิ่งจะมาสังเกตเห็นได้ชัดขึ้น

จากบทความที่ได้อ่านฉันพบว่าพฤติกรรมเหล่านี้สามารถลดความเครียดและความกังวลลงได้ หรือเป็นรูปแบบนิสัยของคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ แต่ฉันก็ได้รู้ว่ามันเกิดจากความผิดปกติภายในสมองของฉันเอง ไม่ใช่แค่นิสัยทั่วไปอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าทำไมสิ่งนี้สะกิดใจฉันอย่างมาก แต่การรับรู้ถึงสิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกหมดแรงและยอมแพ้ ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ แต่ถูกควบคุมโดยสัญญาณจากสมองที่มีปัญหา (Miswired Brain)

หลังจากที่ได้อ่านบทความ ฉันถามตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงสับสนขนาดนี้?” ฉันห่างไกลจากการมีชีวิตที่ปกติและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับไปเป็นปกติได้อย่างไร สภาวะที่ไม่มีอาการซึมเศร้า ไม่มีความวิตกกังวล และไม่มีความผิดปกติทางจิตนี้

ฉันรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ และไม่รู้ว่าจะกลับไปอยู่ในสภาวะปกติได้อย่างไร

เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์

ไม่ว่าประสบการณ์ตั้งแต่วัยเด็กที่ยากลำบาก หรือความเสียใจ หรือความไม่สมดุลของเคมีในร่างกาย ความแตกสลายนี้อยู่ในเราทุกคน และจะปรากฏออกมาในบางจุด ความจริงคือมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้เกิดมาพร้อมความไม่สมบูรณ์ ซึ่งเริ่มมาจากลูกๆ ของอาดัมและเอวา (โรม 5:12) และเราเกิดมาพร้อมกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเกิดมาจากความบาป

เราจะสมบูรณ์ได้ทางเดียวก็ต่อเมื่อผู้ที่สร้างเราได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเรา พระเยซูทรงเสด็จมาเพื่อรักษาบาดแผลจากความบาป พระองค์ทรงมาในฐานะผู้ไถ่เราออกจากความบาป นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้รับผลกระทบจากความบาปที่เราได้ทำไป แต่หมายความว่าจนกว่าวันแห่งการเสด็จมาจะมาถึง เราสามารถมีความหวังได้เพราะพระเยซูทรงชนะโลกแล้ว (ยอห์น 16:33) นี่คือแหล่งแห่งการปลอบประโลมและการรักษาของเรา

นอกจากนี้พระเยซูได้ตรัสในพระธรรมยอห์น 10:10 ว่าพระองค์ไม่ได้มาเพียงเพื่อช่วยเราให้พ้นจากนรกบึงไฟเท่านั้น แต่เพื่อให้เรามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์

ฉันเคยคิดว่าพระคำข้อนี้หมายความว่าพระองค์จะทรงประทานงานในฝันให้แก่เรา ประทานครอบครัวที่เราต้องการ หรือช่วยเราให้มีอิสรภาพจากการดิ้นรนต่อสู้ แต่ฉันได้เรียนรู้ว่ามันอาจหมายถึงการเรียนรู้ที่จะเพลิดเพลินไปกับงานที่เราทำ

หรือเรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้นในครอบครัว ในการเดินทางของฉันกับโรคพฤติกรรมการทำซ้ำที่ร่างกาย (หรือ BFRBs) คือการเรียนรู้ที่ฉันสามารถพึ่งพาพระเจ้าได้ในขณะที่ฉันยังคงต่อสู้กับโรคนี้

เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพัง

ฉันยอมรับว่าฉันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สำหรับคนที่กำลังต่อสู้กับการเสพติดอะไรบางอย่าง นิสัย พฤติกรรม หรืออะไรที่ผิดปกติ คุณอาจจะเข้าใจอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งกำลังของตัวเองที่จะหยุดพฤติกรรมเหล่านั้น มียาและการรักษาหลายทางที่เป็นประโยชน์ในการรักษาและบำบัด แต่มักจะมีการต่อสู้กับวินัยของตัวเองและการล่อลวงอยู่เสมอ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันพบว่าฉันต้องการกำลังที่มากกว่ากำลังของตัวเอง และต้องเป็นสิ่งที่อยู่ได้นาน มีความปลอดภัย และมีผลในระยะยาว

ฉันรู้ว่าฉันต้องการกำลังจากพระเจ้า “‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า” (2 โครินธ์ 12:9) นี่อาจจะดูเหมือนเป็นคำอธิษฐานเงียบๆ เพื่อขอการเสริมกำลังจากพระเจ้าเมื่อฉันเริ่มมีอาการย้ำคิดย้ำทำ บางครั้งฉันจำเป็นต้องหลีกหนีผู้คนไปยังสถานที่เงียบๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ต้องคุยกับพระเจ้าและบอกพระองค์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน และบอกพระองค์ว่าทำไมมันถึงรบกวนฉัน บางครั้งแค่ต้องเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำลังและพระองค์จะทรงช่วยฉัน

ฉันยังคงต้องต่อสู้กับอาการต่างๆ ที่เกิดจากโรคพฤติกรรมการทำซ้ำที่ร่างกาย (หรือ BFRBs) แต่ฉันไม่รู้สึกกดดันอีกต่อไปแล้ว

แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงสร้างร่างกายนี้และฉันรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น ในที่ที่ฉันสามารถวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ เช่นเดียวกับการเจ็บป่วยทางร่างกาย และการเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตที่มักไม่ได้รับการเยียวยาในทันทีทุกครั้ง ผู้คนยังต้องได้รับการรับรู้ถึงความเจ็บป่วยและรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะการพึ่งพาพระเยซูเป็นสิ่งที่เราต้องทำทุกวัน และตลอดชีวิตของเราก็ว่าได้

ดังนั้นในขณะที่ฉันกำลังปล้ำสู้กับอาการแกะ ดึง หรือกัด ฉันรู้ว่าคำอธิษฐานของฉันในทุกๆ วันและกำลังที่มาจากพระเจ้านั้น ฉันอาจจะได้พบกับการรักษาบรรเทาจากโรคนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือฉันได้เข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น และเติบโตเข้มแข็งขึ้นในพระคริสต์เมื่อฉันเรียนรู้ที่จะพึ่งพาพระองค์มากขึ้นในทุกๆ วัน

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This