fbpx
WRITER:โจนาธาน ฮิยาชิ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ชลิดา สุภาแสน
EDITOR: Mustard Seed Team

ในชีวิตผมโตมากับความหวาดกลัวที่พ่อด่าทอว่ากล่าวตลอดเวลา ผมโดนละเลย ทุบตี และโดนทารุณ การปฏิบัติของพ่อทำให้ผมรับรู้ได้ว่าผมไม่เป็นที่ต้องการ เป็นภาวะที่ยากเกินจะทนได้ ตอนอายุ 15 ปี สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกขมขื่นอยู่ภายในและมีภาวะซึมเศร้า ผมรู้สึกโดนปฏิเสธและผมปกปิดความเหงาและความเจ็บปวดของตัวเองด้วยความโกรธเกลียด

ความว่างเปล่าในความรักและการเป็นที่ยอมรับ ผมมักถามตัวเองว่าผมมีชีวิตอยู่ไปทำไม และชีวิตนั้นสำคัญตรงไหน ส่วนลึกข้างใน ผมรู้ว่าชีวิตมีอะไรมากกว่านี้ มากกว่าความโกรธที่อยู่รอบๆ ตัวผม

ตราบใดที่คำถามเหล่านี้ในชีวิตยังไม่ได้รับคำตอบ ความว่างเปล่าที่ผมกำลังเผชิญอยู่ก็ยังคงทำงานอยู่ในส่วนลึกข้างใน แต่เมื่อผมพบความตอบนั้นแล้วในการมีชีวิตอยู่ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมตั้งแต่นั้นมา

ความเหงา ความเดียวดายบนโลกนี้นำผมไปสู่

ขณะที่ผมกำลังไล่ตามวัตถุประสงค์ในชีวิต ธรรมชาติของผมกลับเดินไปหาสิ่งที่โลกยื่นให้ ผมแสวงหาตัวตนของผมผ่านกีฬาและผู้หญิง ผลไล่ตามความสำเร็จผ่านแอลกอฮอล์และยาเสพติด และพบความสุขชั่วคราวผ่านดนตรี ผมมองไปที่ขวดเหล้าวอดก้าเพื่อหวังว่าจะพบสันติสุข และยิ่งกว่านั้นคือยาเสพติดที่ทำให้ผมผ่อนคลายจากความเจ็บปวดได้

แน่นอนว่าความรู้สึกผ่อนคลายโดยการพึ่งพาสิ่งเสพติดเหล่านั้นมันก็แค่ชั่วคราว ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าการแสวงหาความรู้ในโลกนี้อาจจะช่วยได้ แต่ในทางกลับกัน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสับสนเกี่ยวกับจุดหมายในชีวิตของผม และกลับมาจบที่วงจรเดิมๆ ในการเสพติดเพราะชีวิตที่ว่างเปล่านี้

ในท้ายที่สุดผมมองไปยังพระเจ้า

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่สะสมความโกรธและความขมขื่นต่อพระเจ้าและคนรอบข้าง ผมได้เมินเฉยต่อความพยายามของคนอื่นที่จะแบ่งปันข่าวดีให้กับผม แต่ในที่สุดผมก็พบว่าตัวผมเองสิ้นหวังกับบางสิ่ง หรือทุกๆ สิ่งเลยก็ว่าได้ สิ่งเหล่านั้นที่จะช่วยให้ชีวิตผมมีความหมาย และความสิ้นหวังนั้นทำให้ผมมานั่งใคร่ครวญถึงข่าวประเสริฐที่ห่างไกลจากชีวิตของผมมาก ผมลองมาเกือบทุกอย่างแล้ว และรู้ด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ให้ความหมายกับชีวิต บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่จะเปิดโอกาสให้ศาสนาคริสต์

จากจุดที่หมดหวังที่สุด ผมถูกนำไปยังพระสัญญามากมายของพระเยซูคริสต์ เป็นชีวิตที่ถูกเติมเต็มด้วยความบริบูรณ์มั่งคั่งในพระองค์

ผมปรารถนาที่จะได้มีประสบการณ์ชีวิตที่เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุที่ไม่มีวันจางหาย (ยอห์น 4:12-14)

จนตอนที่ผมอายุ 16 ปี ผมได้ต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตและเริ่มได้เรียนรู้ว่าพระเยซูคือแหล่งกำเนิดของชีวิต และพระองค์ทรงเป็นคำตอบทั้งสิ้นในคำถามของผม

การทรงสร้างใหม่ในสถานการณ์ที่ไม่เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตามเมื่อผมต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตแล้ว สถานการณ์ในชีวิตของผมนั้นยังคงเหมือนเดิม ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ยังคงกวักมือเรียกหา พ่อของผมยังคงด่าทอทุกวัน และพ่อก็ไม่ได้แสดงอะไรเลยที่คล้ายว่าความรักหรือการยอมรับในตัวผม ในขณะที่สถานการณ์ยังเหมือนเดิม แต่มีสิ่งที่แตกต่างไปอยู่ข้างใน

สิ่งที่แตกต่างนั้นคือความจริงที่ว่าผมไม่ได้รู้สึกถูกกักขังในสถานการณ์ที่เคยอยู่อีกต่อไป เพราะพระเยซูได้ทรงช่วยผมออกจากความบาป และต้อนรับผมเป็นลูกของพระองค์ และได้มอบความรักที่ไม่มีเงื่อนไขให้กับผม และพระองค์ทรงยอมรับผม (1 ยอห์น 3:1)

 ผ่านการทรงไถ่ที่ไม้กางเขนพระองค์ทรงมอบความหวังให้กับผม และผมหลุดออกจากกับดักแห่งความกลัวและวงจรชีวิตที่ติดยาเสพติด

แม้ว่าการต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาชีวิต อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของผมในทันที แต่การดิ้นรนต่างๆ เกี่ยวกับตัวตนและเป้าหมายในชีวิตถูกตัดออกไป พระเจ้าทรงสอนผมให้รู้วิธีมีชัยชนะเหนือสิ่งเย้ายวนของโลกนี้ และให้ความเข้าใจใหม่ผ่านถ้อยคำของพระองค์ว่าผมถูกสร้างมาเพื่อพระองค์และเพื่อวัตถุประสงค์ของพระองค์ (โคโลสี 1:16)

พระเจ้าทรงช่วยผมให้เข้าใจวัตถุประสงค์ในชีวิตอย่างไร

ในขณะที่ผมดำเนินชีวิตในฐานะคริสเตียน พระเจ้าทรงเผยให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าการพึ่งพาพระองค์ช่วยให้ผมเข้าใจจุดหมายบนโลกนี้ ไม่นานมานี้ ผมถูกล่อลวงให้ฟังเสียงปรบมือของที่ประชุมเพื่อเป็นการยืนยันบางอย่างในการทำงานของผมที่โบสถ์ แทนที่จะมองไปยังคน ผมเตือนตัวเองโดยการทำความเข้าใจว่าผมเป็นใครหรือผมกำลังทำอะไร ผมต้องมองไปยังพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์คือทุกเหตุผลในสิ่งที่ผมเป็น พระองค์คือผู้ที่สละพระองค์เองเพื่อให้เราได้กลับเข้ามาสู่ความสัมพันธ์ในพระองค์ผู้ทรงสร้างเรามา

เมื่อเราติดอยู่กับชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เรามักจะสูญเสียการรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ของเราไป เพื่อจัดวางระบบและระวังความคิดของผมใหม่ ผมกลับพบว่าตัวเองหยุดนิ่งไปและไม่อธิษฐาน ผมทูลขอให้พระเจ้าทรงหยุดเสียงรบกวนรอบข้างที่ทำให้ผมหมดหวัง ผมขอให้พระองค์ช่วยผมให้ได้ยินเสียงพระองค์ และพระองค์ทรงตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและเรียกผมเข้าไปหา ในเวลานั้นผมจึงรู้ได้ว่าพระเจ้าคือผู้เดียวที่ผมต้องการและผมมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ ในชั่วพริบตาเดียวนั้นผมรู้ได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า (สดุดี 16:10)

สิ่งนี้ช่วยให้ผมระลึกถึงเสรีภาพในพระคริสต์ เสรีภาพจากการแสวงหาความพอใจต่างๆ ในโลกนี้ จากความล้มเหลวในการตกงาน และความล้มเหลวในความสัมพันธ์ หรือสิ่งใดก็ตามที่เราถูกล่อลวงให้นิยามตัวเราเอง

ผมพบความสงบจากการที่ได้รู้ว่าความพึงพอใจที่แท้จริงพบได้ในการสรรเสริญและการนมัสการพระเจ้า

นี่เป็นความหวังที่ผมสามารถให้กำลังใจคนอื่น เพื่อค้นหาความหวังในเสรีภาพที่พระคริสต์ทรงมอบให้ เสรีภาพที่ให้เราหันกลับจากการแสวงหาสิ่งตามใจชอบ เพื่อมานมัสการพระเจ้าอย่างอิสระด้วยใจที่ขอบพระคุณ

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This