fbpx
WRITER: เดโบราห์ ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: นารดา ไทรงาม
EDITOR: พักตร์วดี คะนึงไกวัล

ปีที่ผ่านมา ฉันใช้เวลาว่างเขียนบทความส่งให้กับหน่วยงานหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งฉันได้รับแจ้งว่าไม่ต้องเขียนเรื่องต่อไปอีกแล้ว พวกเขาไม่ส่งอีเมลล์มาถึงฉันอีก และเมื่อฉันเขียนไปถึงพวกเขาก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ กลับมา

ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกชายอายุ 6 ขวบของฉันซึ่งไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของพ่อแม่สามีในช่วงห้าปีที่ผ่านมาก็ได้กลับมาอยู่กับฉันที่บ้านหลังใหม่ของเรา เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ฉันก็จะใช้เวลากับเขาเมื่อฉันอยู่ที่บ้าน เวลาว่างที่ฉันจะมีเหลือก็คือหลังจากอ่านนิทานให้เขาฟังและส่งเขาเข้านอนในแต่ละคืน

ฉันรู้ชัดเจนว่าพระเจ้าทรงกำลังเรียกฉันเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ของการเป็นแม่

แต่ฉันยังคงต่อสู้กับคำถามมากมายลึกๆ ในใจ ทำไมฉันจึงไม่ได้ถูกขอให้เขียนบทความอีก? เป็นเพราะบทความล่าสุดของฉันต้องแก้ไขหลายแห่งหรือ? หรือเป็นเพราะว่าฉันลืมดูการจำกัดจำนวนคำ?

เมื่อฉันหวนคิดถึงช่วงเวลาที่เคยทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีม ฉันรู้สึกเสียศูนย์เพราะว่าฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมสำนักพิมพ์อีกต่อไป แทนที่จะได้ใช้เวลาในการรวบรวมบทความและเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ตอนนี้ฉันกลับใช้เวลาว่างที่บ้านช่วยลูกชายวัยอนุบาลทำการบ้าน และเล่นกับเขาโดยที่ตัวเองก็รู้สึกสับสน

“แม้ว่าฉันจะได้ทำตามการทรงนำของพระเจ้าเข้าสู่กิจวัตรใหม่นี้ ฉันก็ยังรู้สึกไม่สำคัญ”

ฉันเป็นที่ต้องการของลูกชาย แต่ไม่ใช่ของทีมสำนักพิมพ์ บทบาทการเป็นแม่เป็นงานเบื้องหลังที่ดึงดูดใจฉันน้อยมาก ฉันรู้สึกว่าพระเจ้าไม่อยากจะใช้ฉันในแผ่นดินของพระองค์อีกต่อไป

การต่อสู้ในใจของฉันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อฉันมอบการต่อสู้นั้นไว้กับพระเจ้า และเชิญพระองค์เข้ามาสำรวจจิตใจของฉัน พระองค์ทรงเปิดเผยให้ฉันเห็นว่า ฉันกำลังแสวงหาคุณค่าของตัวเองในสิ่งที่ฉันกำลังทำ  แม้ว่าชื่อของฉันจะไม่ได้ถูกตีพิมพ์พร้อมกับบทความที่เขียน แต่ฉันรู้สึกพิเศษที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมสำนักพิมพ์ การได้เข้าถึงเนื้อหาที่จะถูกตีพิมพ์ล่วงหน้า และการมีบทความของตัวเองถูกตีพิมพ์ทำให้รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่มีความหมาย

การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลนั้นพระเจ้าทรงสำแดงให้ฉันเห็นว่า แทนที่หัวใจของฉันจะยกย่องพระองค์ ฉันกลับยกย่องตัวเองและงานที่ทำ พระเจ้าทรงแก้ไขฉันอย่างสุภาพด้วยการย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงรักฉันอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง และจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาทำให้ฉันขาดจากความรักของพระองค์ (โรม 8:35) รวมทั้งหัวใจที่ไม่คงเส้นคงวาอย่างน่ากลัวของฉัน

ฤดูกาลในชีวิตเปลี่ยนไป แต่พระเจ้าทรงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง (ฮีบรู 13:8) 

และขณะที่พระบิดาทรงตามหาฉันด้วยความรักของพระองค์เสมอ ฉันคงยึดมั่นในความดีงามนิรันดร์ของพระองค์ และจะไม่ถูกสั่นคลอนเพราะศักดิ์ศรีชั่วคราวของโลกนี้  

ฉันเชื่อว่าฤดูกาลที่เปลี่ยนไปนี้ก็เพื่อเกิดผลดีแก่ฉัน เพื่อชำระจิตใจของฉัน ช่วยฉันให้ยึดคุณค่าที่มีในพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น และทำให้ฉันได้พบกับความสุขที่ไม่เปลี่ยนแปลงในทุกแห่งที่พระองค์จะนำฉันไป

ยิ่งฉันอยู่ในความจริงเหล่านี้มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งตระหนักว่าแม้พระเจ้าทรงนำฉันไปสู่บทบาทหน้าที่ที่ไม่ค่อยสำคัญ ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะทรงใช้ฉันน้อยลงในแผ่นดินของพระองค์

ชีวิตของฉันไม่ใช่ของตัวฉันเอง และไม่ว่าพระองค์จะวางฉันไว้ที่ไหน ฉันก็ยังมีคุณค่าอย่างมากสำหรับพระองค์ และสามารถใช้การได้ในแผ่นดินของพระองค์

ฉันตั้งใจจะใช้ฤดูกาลใหม่นี้เพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์ด้วยหัวใจที่ยอมจำนน

เมื่อฉันเพ่งมองที่พระสิริของพระองค์ ฉันรู้ว่าฉันจะเกิดผลได้แม้ยังเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ทำให้เราเกิดผล ฉันสามารถแสดงให้คนรอบข้างเห็นว่า ฉันจะพึงพอใจไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามเพราะพระองค์เป็นผู้ทรงเสริมกำลังฉันในทุกสิ่ง (ฟีลิปปี 4:11-13) และไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามากกว่าการได้รู้จักพระองค์ (ฟีลิปปี 3:8-10)

แม้ว่าการถูกเรียกให้เป็นแม่จะไม่ได้เป็นงานที่ออกสู่ “สาธารณะชน” หรือน่าดึงดูดใจให้ทำเท่ากับการเป็นนักเขียน  แต่ทุกๆ ขั้นตอนที่ฉันใช้เวลากับลูกชายนั้น ก็ช่วยให้หนุ่มน้อยตัวเล็กๆ คนนี้มองเห็นตัวเองผ่านสายพระเนตรของพระเจ้า ฉันได้อบรมสั่งสอนเขาให้เติบโตเป็นชายหนุ่มที่รู้จักกับพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของหัวใจ และนี่คือการทรงเรียกที่มีค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเรียกเราให้สร้างบรรดาประชาชาติให้เป็นสาวกของพระองค์ และแบ่งปันข่าวประเสริฐกับลูกหลานของเราผ่านทุกสิ่งที่เรากระทำ (มัทธิว 28:19-20, เฉลยธรรมบัญญัติ 11:19) การเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะแม่หมายถึงการทำตามคำสั่งของพระองค์ในการแบ่งปันความดีงามของพระเจ้าแก่ลูกชายของฉัน และช่วยเขาให้เห็นถึงการทรงสถิตของพระเจ้าในชีวิตของเขา

การเชื่อฟังพระเจ้าของฉันนั้น ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นรากฐานสำหรับอนาคตของลูกๆ 

ลูกชายของฉันคอยมองดูคำพูดและการกระทำของฉัน และฉันเองก็พยายามจะเป็นแบบอย่างที่ดี เมื่อฉันอารมณ์เสีย ฉันต้องการพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้าอย่างมาก ฉันจับมือลูกชายของฉันและทูลขอพระเจ้าทรงยกโทษให้ ฉันขอกำลังที่จะเป็นแม่ที่ดีขึ้นและที่จะรักลูกชายของฉันมากขึ้นกว่าเดิม

ฉันมอบเราทั้งคู่ไว้กับพระเจ้า พระองค์ทรงได้รับเกียรติในช่วงเวลาเหล่านั้นที่ฉันถ่อมตัวเองลงขอการอภัย

ถึงแม้ว่าโลกจะไม่เห็นสิ่งที่ฉันทำอยู่อย่างเงียบๆ ก็ไม่มีสิ่งใดจะซ่อนจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้

พระองค์ไม่ทรงดูถูกบทบาทที่ต่ำต้อยใดๆ ที่พระองค์ทรงเรียกให้ฉันทำ ฉันสามารถจะแสดงความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ในหนทางเล็กๆ จนกว่าจะถึงวันที่พระองค์ทรงรับฉันเข้าสู่อาณาจักรนิรันดร์ของพระองค์

ขอให้ฉันยังคงแสวงหาคุณค่าของตัวเองในพระเจ้า จดจำเป้าหมายของฉันในพระองค์ และจดจ่อที่พระประสงค์ของพระองค์มีต่อชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลใดก็ตาม

YOU MAY ALSO LIKE

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

กังวลจนไม่หลับไม่นอน

WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี  การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ

WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)

WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...

Share This