fbpx
WRITER: คาร่า ยอ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: เฮจี คิม
EDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร

ฉันพึ่งย่างเข้าอายุ 30 ฉันมักจะคิดมาตลอดว่าอายุเท่านี้ฉันควรจะได้แต่งงานแล้ว..

ในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา ฉันล้มเหลวในความสัมพันธ์ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเกิดจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและการตัดสินใจที่ผิดพลาด แม้ว่าประสบการณ์เหล่านั้นอาจเทียบไม่ได้กับของคนอื่น แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวด ส่งผลต่อสภาพจิตใจของฉัน และส่งผลต่อมุมมองความรักของฉันอยู่พักนึง แต่ด้วยพระคุณของพระเจ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้มุมมองความรักของฉันแตกสลายไปโดยสิ้นเชิง

ปัจจุบันฉันมีแฟนและยังเป็นคนสนับสนุนความรักอยู่

พอฉันเริ่มโตขึ้น แนวคิดเรื่องความรักของฉันก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยหนังสือชีวิตคู่ของคริสเตียน คำแนะนำจากผู้ใหญ่ และบทเรียนจากความสัมพันธ์ของคู่อื่น การที่ได้เห็นว่าพี่ชายทั้งสองคนของฉันจัดการกับความสัมพันธ์อย่างไร มันขัดเกลามุมมองความรักของฉัน และทำให้ฉันเห็นว่าสิ่งใดที่ควรทำเพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้

เมื่อถึงเวลาเข้ามหาวิทยาลัย ฉันรู้สึกว่าตนเองพร้อมที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ ฉันเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนมาโดยตลอดจนถึงมหาวิทยาลัย ฉันจึงอยากเจอ “คนที่ใช่” ไม่ใช่แค่ หลงไปกับแนวคิดของการตกหลุมรัก

ความรักครั้งแรก พระเจ้าอยู่ด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม

สำหรับฉันมันมีบางสิ่งที่เกี่ยวกับการแต่งงานกับ “รักแรกของคุณ” มันอาจเกิดจากความคิดในอุดมคติที่ว่า ตราบใดที่ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ของฉันก็จะเป็นไปดั่งที่ฉันคาดหวัง

ฉันตกลงคบกับเพื่อนสนิทตอนที่ฉันอยู่ปีสองของมหาวิทยาลัยเรารู้จักกันผ่านกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยและโบสถ์ หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่มีวันไหนที่เราไม่ได้คุยกัน ฉันถูกดึงดูดด้วยความเป็นคนเปิดเผยของเขา และมีความสุขเวลาที่เราได้วางแผนงานสัมนาอีสเตอร์ร่วมกัน สายสัมพันธ์ของเราช่วยให้เราเชื่อมต่อกันได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นและพวกเราต่างก็ถูกใจกันอย่างง่ายดาย

น่าเสียดายที่เขากำลังจะเรียนจบและวางแผนกลับไปหางานที่บ้านเกิดของตัวเอง นั่นคือตอนที่เราตัดสินใจที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกันและทำให้สิ่งต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น เราเริ่มเข้าสู่ความสัมพันธ์ระยะไกล ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นด้วยดีจนกระทั่งฉันเรียนจบ

การตัดสินใจที่จะให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ ฉันต้องย้ายไปอยู่อีกซีกโลกเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา แม้ว่าครอบครัวและเพื่อนๆ ของฉันไม่ค่อยปลื้มใจกับการตัดสินใจของฉันเท่าไหร่หนัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็สนับสนุนการตัดสินใจของฉันอยู่ดี

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนหนึ่งปีต่อมา ทุกสิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก 

รากฐานของความมั่นคงที่ฉันคิดว่าเรามีนั้นได้ถูกทดสอบและสั่นคลอนไป

เขากลายเป็นคนเงียบขรึมและดูไม่สนใจที่จะมาเจอเพื่อนๆ ของฉัน เขาหยุดไปโบสถ์เพราะเขาไม่สามารถหาโบสถ์ที่เหมาะสมได้ เขาไม่รักษาสัญญาที่จะมาเยี่ยมฉันบ่อยๆ สุดท้ายจบลงด้วยการที่ฉันเป็นคนไปหาเขาเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าเพื่อนๆ และครอบครัวของฉันไม่สนับสนุนให้ทำเช่นนั้นก็ตาม

เมื่อถึงเวลานี้ ฉันรู้แล้วว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม คำเตือนในอดีตมากมายจากครอบครัวและเพื่อนๆ เริ่มปรากฏขึ้นมา แต่ฉันยังคงตัดสินใจที่จะยึดมั่นและพยายามหาทางออกให้กับความสัมพันธ์นี้ ในขณะที่ฉันไม่รู้ตัวว่าฉันค่อยๆ ถูกคนอื่นเข้ามาแทนที่ จากนั้นฉันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาอีกเลย

แม้ว่าฉันจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ประสบการณ์นี้ก็ได้สอนบทเรียนอันล้ำค่า รวมถึงการจัดการความคาดหวังและหัดที่จะรับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น ฉันได้รับการปลอบโยนด้วยความมั่นใจว่าพระเจ้าทรงเดินไปกับฉัน ปกป้องฉัน และมีแผนการที่ดีสำหรับฉัน (โรม 8:28)

 

ความรักครั้งที่สอง เรียนรู้ที่จะยอมจำนนต่อพระเจ้า

ฉันโสดไปอีกสักพักหลังจากนั้น ฉันมีเวลารับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่ ฉันไปเข้าร่วมขับร้องเพลงประสานเสียงและรับใช้ในพันธกิจต่างๆ  ฉันได้พบกับมิตรภาพมากมาย ในขณะที่ยังเปิดโอกาสพบปะผู้คน อย่างไรก็ตามคนโสดในโบสถ์ฉันเริ่มเหลือน้อยลง และฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาวิธีอื่นๆ ที่จะ “เอาตัวเองออกไป”

ตอนนั้นเองการหาคู่ออนไลน์กำลังเป็นที่นิยม ฉันเลยรีบเข้าไปสมัครตั้งค่าโปรไฟล์อย่างรวดเร็ว จากนั้นฉันก็ตั้งตารอให้ฝ่ายชายเริ่มต้นบทสนทนา และหลังจากนั้นไม่นาน ฉันตกลงที่จะนัดพบหนึ่งในนั้น เขาผ่านเช็คลิสต์ทั้งหมดของฉัน เขาเป็นคริสเตียน รับใช้ในโบสถ์ มีจิตใจเมตตา เราต่างก็ถูกใจกันอย่างรวดเร็ว

ฉันใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ที่จะตกลงเป็นแฟนกับเขา โลกทั้งใบสดใสเป็นสีชมพูไปสักพักแต่หลังจากนั้นไม่นานความจริงก็ปรากฏ เรื่องโกหกถูกขุดคุ้ย ฉันกับเขาทะเลาะกัน เขาให้เหตุผลว่าทั้งหมดนี้ก็ “เพื่อที่จะปกป้องและรักฉัน” 

แม้ฉันจะรู้ว่าพฤติกรรมของเขาดูขัดต่อความหมายของความรักในพระธรรม 1 โครินธ์ 13:4-7 ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยื้อเขาไว้ แม้ว่าเขาขอห่างกับฉันถึงสองรอบแล้วก็ตาม

ฉันยังไร้เดียงสาและตั้งใจที่จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไป มันเป็นความพยายามต่อสู้กับอารมณ์ ฉันต่อสู้กับความรู้สึกผิด ความว่างเปล่า และความรู้สึกหมดรัก ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ค่อยๆ แย่ลง เราต่างมีความสัมพันธ์ในรูปแบบเรียกร้องซึ่งกันและกันแทนที่จะมอบให้ต่อกันด้วยความรัก คำแนะนำและคำอธิษฐานจากครอบครัวและเพื่อนๆ รวมถึงการที่ฉันติดสนิทกับพระเจ้า ทำให้ฉันตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ได้ในที่สุด จากเหตุการณ์ทั้งหมดพระเจ้าทรงเรียกให้ฉันเข้าใกล้พระองค์มาโดยตลอด (ยากอบ 4:8)

จากนี้ไป ฉันรู้ว่าฉันควรใช้ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคต แสวงหาพระเจ้าและรอคอยพระองค์แทนที่จะรีบเร่งในแผนการของตัวเอง เพื่อที่จะชัดเจนเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการแต่งงาน ฉันควรจะรู้ว่าทำไมฉันถึงอยากแต่งงานก่อนที่ไปค้นหาว่าฉันจะแต่งงานกับใคร

หนทางเดียวที่จะไปข้างหน้าได้คือการยอมจำนนทั้งหมดต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐาน (ฟีลิปปี 4:6) และเชื่อวางใจว่าทุกสิ่งจะสวยงามในเวลาของพระองค์ (ปัญญาจารย์ 3:11)

จากนั้นเป็นต้นมาคำอธิษฐานของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันอธิษฐานหาเพื่อนร่วมชีวิตที่สามารถเดินทางไปกับฉันได้ในสามด้าน ด้านแรกคือ การเรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าและแสดงความรักของพระองค์ในแบบที่พระองค์ประสงค์ให้เราเป็น ด้านสอง คือร่วมกันรับใช้อย่างสัตย์ซื่อด้วยทักษะและของประทานจากพระเจ้าที่มอบให้แก่เรา และด้านสุดท้ายคือการสร้างครอบครัว เพื่อรับใช้พระองค์และอาณาจักรของพระองค์ ดังนั้นชีวิตของเราจะเป็นเหมือนภาพวาดที่สวยงามของพระคริสต์และคริสตจักรของพระองค์

ฉันมอบความต้องการภายในใจของฉันแก่พระเจ้า และอธิษฐานให้พระองค์ปกป้องฉันจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

 

ความรักครั้งที่สาม (จนถึงตอนนี้) วางใจให้พระเจ้านำทาง

เพื่อนสนิทและแฟนของเพื่อนเป็นแม่สื่อแนะนำให้ฉันรู้จักแฟนคนปัจจุบันของฉัน ซึ่งเขารู้จักเพื่อนฉันมา 13 ปี ฉันเชื่อในคำแนะนำของเธอ เมื่อเพื่อนฉันและแฟนได้เล่าเรื่องหัวใจของเขาที่มีต่อพระเจ้าให้ฉันฟังและเรื่องราวที่เขาต้องเผชิญกับโรคมะเร็งมันทำให้ฉันประทับใจอย่างมาก

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เขาและฉันเป็นแฟนกัน เราสัมผัสถึงถึงความงดงามของพระเจ้าในทุกอย่างก้าวของชีวิตร่วมกัน

ยังมีอะไรอีกมายมายที่เราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่จนถึงตอนนี้เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติและความสนใจที่ฉันมองหา 

นอกจากนี้พวกเรายังมีเป้าหมายคล้ายๆ กัน และมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ช่วยกันสนับสนุนและอธิษฐานเผื่อพวกเรา ซึ่งเป็นสองอย่างที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์สองครั้งก่อนหน้านี้

ข้อพระคัมภีร์ที่เราใช้เสริมสร้างชีวิตร่วมกันมาจากพระธรรมมัทธิว 6:33 “แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้”

เมื่อมองย้อนกลับไปในการเดินทางที่ผ่านมา ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำอันชาญฉลาดที่ได้รับระหว่างการเดินทาง ตั้งแต่ตัวอย่างคู่รักที่อยู่ในทางพระเจ้า และคำเตือนจากพระคัมภีร์ว่าความรักเป็นเรื่องของการทุ่มเท เสียสละ และเอาใจใส่

แม้ว่าฉันเคยมีประสบการณ์ล้มเหลวในความสัมพันธ์หลายครั้ง ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ให้กับความรักเพราะฉันรู้ว่าพระเจ้าจะอยู่เคียงข้างฉันตราบใดที่ฉันซื่อสัตย์กับพระองค์และแสวงหาแผ่นของพระองค์ก่อน มองย้อนกลับไปฉันเห็นว่าพระเจ้าอนุญาตให้ฉันผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไป

เพื่อที่ฉันจะรู้จักได้ใกล้ชิดกับความรักและความจริงของพระองค์มากยิ่งขึ้น เพื่อได้สัมผัสว่าพระองค์ทรงปลอบโยน เยียวยา แนะแนวทาง รัก และยังคงรักฉันได้อย่างไร

เพื่อให้รู้ว่าคุณค่าของฉันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีความสัมพันธ์หรือคนอื่นมากไปกว่าพระองค์ หรือแรงผลักดันในชีวิตฉันไม่ได้เกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นการรู้จักพระเจ้าผู้ทรงดูแลชีวิตของฉัน

แม้ว่าแฟนคนปัจจุบันของฉันอาจไม่ได้เป็นสามีในอนาคต หรือถ้าความรักในชีวิตสมรสของฉันจะกลายเป็นเรื่องยากและไม่เป็นไปตามที่ฉันคาดหวัง ฉันรู้ว่าฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้เปี่ยมไปด้วยความรัก ผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะสมที่สุดสำหรับฉัน

YOU MAY ALSO LIKE

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

เมื่อการทดสอบบุคลิกภาพทำร้ายฉัน

WRITER: กาเบรียล ลี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: Mustard Seed Team อินโทรเวิร์ต (Introvert) เป็นคนเงียบ ขี้อายและไม่ชอบพบปะคนอื่น  ส่วนคนเอ็กซ์ทราเวิร์ต (หรือ เอ็กซ์โทรเวิร์ต ใช้ในทางจิตวิทยา (Extravert or Extrovert)) เป็นคนเสียงดัง...

การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)

การต่อสู้กับการกลัวตกเทรนด์ (FOMO)

WRITER: มิเชล ไล ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: อรุณพร ทักษิณทวีทรัพย์EDITOR: Mustard Seed Team ฉันได้ยินคำย่อนี้ครั้งแรกในโบสถ์ของฉันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากในการจัดการเวลาหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย...

สิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนที่กำลังต่อสู้กับโรคทางจิตเวช

สิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนที่กำลังต่อสู้กับโรคทางจิตเวช

WRITER: แอนนา เชน สเตดิค ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: ธัญธร จันทสุทธิบวร พวกเขาขมวดคิ้วเมื่อฉันบอกว่าฉันกำลังเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฉันกำลังทานอาหารกลางวันในงานประชุมของนักเขียนคริสเตียน...

Share This