WRITER: ราฟาเอล แซง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR : เฮจี คิม
EDITOR: อาเกียว
ฉันรักที่จะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าในฐานะบิดา และสรรเสริญพระองค์ในฐานะกษัตริย์ ฉันอยากที่จะทำตามพระเยซู ผู้เป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด และฉันปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาและครูของฉัน
อย่างไรก็ตามฉันตระหนักว่า ฉันไม่ได้เรียกพระองค์ว่าเพื่อน บางคนกังวลว่ามันจะดูคุ้นเคยกับพระเจ้าจนสูญเสียความรู้สึกเคารพในพระองค์ไปเมื่อเราคิดว่าพระองค์เป็นเพื่อนของเรา
ในขณะที่ฉันเตรียมพูดในหัวข้อนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะคิดถึงพระเจ้าในฐานะเพื่อนและความหมายของมิตรภาพกับพระองค์
พระเยซูทรงเรียกเราเป็นเพื่อน
พระวจนะที่เกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเรากับพระเยซูอยู่ในพระธรรมยอห์น 15:13-15 พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน ถ้าพวกท่านประพฤติตามที่เราสั่ง ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว”
ว้าว… เราเป็นใคร ขนาดผู้ที่สร้างโลกและฟ้าสวรรค์ เป็นอัลฟ่าและโอเมก้าอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเรา มันช่างเหลือเชื่อ เมื่อฉันใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ ฉันสะท้อนความหมายของการเป็นเพื่อนกับพระเยซูว่า พระองค์อาจเรียกเราเป็นเพื่อน แล้วเราหล่ะเห็นว่าพระองค์เป็นเพื่อนของเราหรือไม่
ฉันหวังว่าสิ่งเหล่านี้ที่ฉันได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์จะท้าทายพวกเรา เหมือนที่เป็นแรงบันดาลใจและท้าทายให้ฉันเติบโตในมิตรภาพกับพระเจ้า
เราเป็นเพื่อนกับพระเจ้าเมื่อเรา…
1. มีเวลาเข้าใกล้พระองค์
ในพระคัมภีร์บันทึกว่า พระยาห์เวห์เคยตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน (อพยพ 33:11) ไม่มีสิ่งใดที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้าได้ดีไปกว่าการใช้เวลาเพียงลำพังกับพระองค์ พบพระองค์แบบต่อหน้า นั่นเป็นวิธีที่เราเสริมสร้างมิตรภาพกับเพื่อนๆ ของเราไม่ใช่หรือ ในทำนองเดียวกันเราต้องพบพระเจ้าเป็นประจำและใช้เวลาอย่างมีคุณภาพเพื่อทำความรู้จักกับพระองค์อย่างใกล้ชิด
2. ยำเกรงพระองค์
ในขณะที่เราสามารถเพลิดเพลินกับการใกล้ชิดพระเจ้า ความสนิทสนมระหว่างเรากับพระองค์เสริมสร้างขึ้นด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อพระองค์ “ในพระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวว่า มิตรภาพของพระยาห์เวห์มีอยู่แก่คนที่ยำเกรงพระองค์ และพระองค์ทรงให้พวกเขารู้จักพันธสัญญาของพระองค์” (สดุดี 25:14)
เมื่อเราคิดในแง่ความสัมพันธ์ของมนุษย์ อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยากว่ามันเป็นอย่างไรในเรื่องความยำเกรงเพื่อน วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือจินตนาการว่า หากเราเป็นพระสหายของกษัตริย์นั้นเราจะต้องปฏิบัติอย่างไร การมีมิตรภาพกับพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราหมดความยำเกรงต่อพระองค์ อย่างไรก็ตามแล้วพระเจ้าคือจอมเจ้านาย จอมราชาเหนือกษัตริย์ทั้งปวง
เมื่อเราใกล้ชิดสนิทกับกษัตริย์ของเราด้วยความยำเกรง พระองค์ก็จะทรงวางพระทัยเปิดเผยน้ำพระทัยของพระองค์แก่เรา
3. ฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสจากพระทัยของพระองค์
และนี่คือเหตุผลที่พระเยซูตรัสว่า “เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว” (ยอห์น 15:15)
เช่นเดียวกับการตั้งใจฟังสิ่งที่เพื่อนกำลังพูด เราสามารถเสริมสร้างมิตรภาพกับพระเยซูได้โดยใส่ใจในสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยกับเราถึงการงานของพระบิดา
4. ชื่นชมยินดีในคำแนะนำและวางใจพระองค์ในการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
เมื่อเราอ่านคำแนะนำจากพระเจ้าในพระคัมภีร์เราเห็นว่ามันเป็นกฎระเบียบที่น่าเบื่อในการทำตามหรือเรายินดีในคำแนะนำอันชาญฉลาดของพระองค์หรือไม่ ให้ลองดูพระวจนะตอนนี้ว่า “น้ำมันและเครื่องหอมทำให้ใจยินดี และความอ่อนหวานของเพื่อนมาจากคำแนะนำที่จริงใจ” (สุภาษิต 27:9)
เมื่อเพื่อนสนิทของเราให้คำแนะนำที่ดีและจริงใจ เราควรจะขอบคุณอย่างซาบซึ้งสำหรับเรื่องนี้ การวัดว่าเราเป็นสหายที่สนิทกับพระเจ้ามากแค่ไหนตรงที่เรายินดีเพียงใดต่อคำแนะนำที่มีถึงเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์
ในบางครั้งเพื่อนอาจเตือนเราตรงๆ แม้ว่าจะทำให้เราเจ็บ แต่เรารู้ว่าพวกเขาใส่ใจและปรารถนาเห็นเราเติบโต เราคงไม่ชอบถ้าพวกเขาคอยพูดเอาอกเอาใจตลอดเวลา “ว่ากันต่อหน้า ดีกว่ารักกันลับๆ บาดแผลที่มิตรทำก็ด้วยเจตนาดี แต่การจูบของศัตรูนั้นมากเกินความจริง” (สุภาษิต 27:5-6)
ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าก็ทรงว่ากล่าวตักเตือนเราในบางครั้งเมื่อเราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพระองค์ทรงรักเราและปรารถนาให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วเราเชื่อฟังคำว่ากล่าวตักเตือนของพระองค์ผู้ทรงป็นสหายที่รู้ใจเราดีกว่าตัวเราเองไหมหล่ะ
5. ประพฤติตามพระทัยของพระองค์
การฟังพระสุรเสียงของพระองค์ รวมถึงคำตักเตือนและการแก้ไขนั้นยังไม่พอ เราต้องประพฤติให้สมกับที่พระองค์ทรงไว้วางใจเราด้วย พระเยซูกล่าวว่า “ถ้าพวกท่านประพฤติตามที่เราสั่ง ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา” (ยอห์น 15:14) เราสร้างปลูกฝังมิตรภาพกับพระเจ้าเมื่อเราเชื่อฟังประพฤติตามสิ่งที่พระองค์สั่งให้เราทำ
6. ยินดีและไม่แข่งขันกับพระองค์
เมื่อยอห์นผู้ให้บัพติศมาถูกเปรียบเทียบกับพระเยซูเขาไม่ได้อวดอ้างถึงความรุ่งโรจน์ของตนเอง แต่ยกย่องพระเยซู โดยยอห์นกล่าวไว้ว่า “ท่านที่มีเจ้าสาวนั่นแหละคือเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าวที่ยืนฟังเจ้าบ่าวก็ชื่นชมยินดีอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าบ่าว เพราะฉะนั้นความปีติยินดีของข้าพเจ้าจึงเต็มเปี่ยมพระองค์ต้องยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง” (ยอห์น 3:29-30)
โดยธรรมชาติแล้วความเป็นเพื่อนจะต้องยินดีต่อกันเมื่ออีกฝ่ายประสบความสำเร็จ ความสุขของเพื่อนคือความสุขของเรา การแข่งขันนั้นไม่ใช่มิตรภาพที่ดี ในทำนองเดียวกันเมื่อพระสิริของพระเจ้าปรากฏในสถานการณ์ที่เรามีส่วนร่วม เราจะยินดีในพระองค์ผู้เป็นสหายของเราหรือเราอยากแข่งขันกับพระองค์และเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ตัวเราเองแทน
7. มีความบริสุทธิ์ใจและมีวาจาเมตตาคุณ
ฉันพบสิ่งที่น่าสนใจในพระธรรมสุภาษิต “คนที่บริสุทธิ์ใจและวาจามีเมตตาคุณ จะได้พระราชาเป็นมิตร” (สุภาษิต 22:11) เนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นพระราชาแห่งฟ้าสวรรค์และโลกนี้ ในพระวจนะข้อนี้อาจพูดถึงคุณลักษณะที่พระองค์กำลังมองหาในสหายของพระองค์หรือเปล่า
มีใครไหมที่ไม่รู้สึกสนุกกับการออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่มีความบริสุทธิ์ใจและมีวาจาเมตตาคุณในทุกสิ่งที่กล่าวออกมา ในขณะที่เราเติบโตขึ้นเป็นคนแบบนี้ พระเจ้าจะทรงยินดีในมิตรภาพของเรากับพระองค์มากขึ้น
8. รักพระองค์อย่างมั่นคง ลึกซึ้ง และเสียสละ
การรักพระเจ้าในฐานะมิตรสหาย หมายรวมถึง การรักพระองค์อย่างมั่นคงท่ามกลางปัญหา รักพระองค์อย่างลึกซึ้งและเสียสละ เหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา
พระธรรมสุภาษิต 17:17 เปรียบเทียบมิตรภาพกับพี่น้องที่สัตย์ซื่อว่า “มิตรสหายย่อมรักกันทุกเวลา และพี่น้องเกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก” เพื่อนที่ดีจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน แทนที่จะทิ้งให้อีกคนเผชิญความทุกข์ยาก ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าอาจมีบ้างที่มีปัญหา เราจะยังคงรักพระองค์ผู้ทรงเป็นมิตรสหายของเราอย่างมั่นคงตลอดเวลาเช่นนี้หรือไม่
ในพระวจนะได้บรรยายถึงมิตรภาพที่สวยงามของความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างดาวิดและโยนาธาน “พระทัยของโยนาธานก็ผูกพันกับจิตใจของดาวิด และโยนาธาน รักดาวิดอย่างรักชีวิตของตนเอง… แล้วโยนาธานได้ทำพันธสัญญากับดาวิด เพราะเขารักดาวิดอย่างกับรักชีวิตของตนเอง” (1 ซามูเอล 18:1,3) ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากพระเยซูเราจึงสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้ และเป็นจิตวิญญาณเดียวกับพระองค์ (1 โครินธ์ 6:17) แล้วเราจะสามารถรักพระองค์ผู้ทรงเป็นมิตรสหายของเรามากขนาดนี้และใกล้ชิดได้แบบนี้หรือไม่
ท้ายที่สุดแล้ว ความรักของเพื่อนแท้คือการสละชีวิตของตน พระเยซูได้กล่าวว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” พระองค์พิสูจน์ความรักของพระองค์ที่มีต่อเราด้วยการวางชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขน ซึ่งทำให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยพระคริสต์ (เอเฟซัส 2:5)
แล้วความรักของเราต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นมิตรสหายของเรา เราจะรักพระองค์ที่เสียสละพระชนม์ชีพของพระองค์ด้วยหรือไม่ พระองค์มอบชีวิตของพระองค์แก่เรา ขอให้เราตอบแทนความรักของพระองค์ด้วยการรักพระองค์มากกว่าชีวิตของเราเองและไม่เสียดายชีวิต (วิวรณ์ 12:11)
ยังมีอีกมากมายที่ฉันต้องเรียนรู้ขณะที่ฉันใคร่ครวญพระวจนะพระเจ้าเกี่ยวกับมิตรภาพกับพระเจ้า ในขณะที่ฉันเติบโตขึ้น ฉันประหลาดใจและรู้สึกขอบพระคุณที่พระเจ้าแห่งจักรวาลรักฉันมากจนทรงปรารถนาที่จะมีมิตรภาพกับฉัน ทำให้ฉันรู้ว่าในขณะที่ฉันนมัสการและยำเกรงพระองค์ฉันสามารถเข้าใกล้พระเจ้าในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันได้ ฉันสามารถวางใจในพระองค์ได้ตลอดเวลาและพระองค์ก็อยากแบ่งปันสิ่งที่อยู่ภายในพระทัยของพระองค์ให้กับฉันด้วย ในพระเยซูและโดยทางความเชื่อในพระคริสต์ ฉันสามารถที่จะเข้าถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้าและความมั่นใจ (เอเฟซัส 3:12, ฮีบรู 4:16)
แล้วคุณอยากที่จะเสริมสร้างมิตรภาพกับพระเจ้าหรือไม่ เราสามารถเสริมสร้างมิตรภาพกับพระองค์ได้เมื่อเราฝากชีวิตไว้กับพระองค์ ติดตามพระองค์และรับใช้พระองค์ และ “รักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย” (เอเฟซัส 6:24)
ไม่มีความรักไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งนี้ที่เราสามารถมอบให้แก่พระเจ้า ซึ่งเป็นเพื่อนล้ำค่าที่เรารัก
YOU MAY ALSO LIKE
ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า
WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...
จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ
WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...