WRITER: Kim Cheung ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์
EDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์
ร่างของคุณยายที่เกือบจะไม่หายใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงของเธอ มีเสียงโอดครวญดังขึ้นในบางครั้งด้วยความเจ็บปวดและไม่สบายตัวอย่างที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ รอยย่นที่เกิดขึ้นบนใบหน้าทำให้เธอดูแก่กว่าความเป็นจริงยิ่งนัก
ฉันนั่งอยู่ข้างเตียงจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ เธอรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อลืมตาและมองเข้ามาที่นัยน์ตาของฉัน
“หิวไหมคะ?” คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบของฉัน เธอไม่เหลือแรงใดๆ แล้วที่จะตอบกลับมา
ผ่านไปสามเดือนแล้วหลังจากที่คุณยายกลับจากโรงพยาบาลและก็เป็นเวลา 17 วันแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เธอต้องรับอาหารผ่านสายยาง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นคุณยายป่วยหนักขนาดนี้
ถ้าไม่นับเรื่องที่เธออายุ 92 ปีและประวัติเรื่องโรคหัวใจของเธอ สุขภาพของเธออยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ เธออยู่ได้โดยที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก กินและนอนได้เป็นปกติ เธอดูแข็งแรงกว่าอายุจริงของเธอเสียอีก แถมเธอยังดูดี (เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกัน) และพูดเสมอว่าเธอต้องอยู่อย่างแข็งแรงเพื่อก้าวให้ทันกับการพัฒนาของโลกใบนี้อีกด้วย
แต่ในตอนนี้เธอกลายเป็นเหมือนไม้ใกล้ฝั่งที่ต้องต่อสู้กับช่วงสุดท้ายของชีวิต เธอดูทุกข์ทรมานอย่างสาหัส เบื้องหลังของท่าทีที่สุขุมของฉัน ภายในใจกลับเต็มไปด้วยพายุแห่งความโกรธและได้แต่คิดว่า ฉันจะช่วยทำอะไรให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ได้บ้าง?
คำตอบผุดขึ้นมาในหัวของฉัน สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือ การอธิษฐาน
พอถึงตรงนี้ คุณยายยื่นมือของเธอมาวางไว้บนมือของฉัน มือที่แสนบอบบางของเธอนั้นอุ่นมากจนทำให้ฉันแปลกใจ ฉันอธิษฐานเบาๆ ในใจ “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงอยู่ด้วยกับเธอ ขอทรงโปรดเสด็จมาปลอบประโลมเธอ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอได้พักสงบ…” ผ่านไปสักพักหนึ่ง คุณยายเหมือนจะคล้อยหลับไป สีหน้าของเธอดูผ่อนคลาย ฉันค่อยๆ ปล่อยมือของเธอและอธิษฐานขอให้พระเจ้าดูแลชีวิตของเธอ
เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันที่ได้เห็นคนที่ทุกข์ทรมานกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แต่สุดท้ายแล้ววันหนึ่ง เราทุกคนก็ต้องพบกับความตาย จะมีใครไหมที่จะร่วมเดินไปกับเราบนหนทางที่เงียบเหงาและยาวนานนี้?
ฉันนึกถึงการแบ่งปันครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มันยังติดอยู่ในใจฉัน “เราทุกคนเข้ามาในโลกนี้ด้วยตัวคนเดียวและเราก็ต้องจากโลกนี้ด้วยอาการอย่างเดียวกัน” มันอาจฟังดูเหมือนเป็นการมองโลกในแง่ลบแต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครอบครัวและมิตรสหายอยู่กับเราได้จนถึงแค่วินาทีสุดท้ายก่อนเราจากโลกนี้ไป แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสักคนตามเราไปและเดินร่วมไปกับเราบนถนนหลังความตาย
และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนสิ้นหวัง ความตายเป็นสิ่งที่หลายคนกลัวเมื่อคิดว่าเราต้องเผชิญเหวลึกที่แสนจะมืดมิดอย่างเดียวดาย
ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันพบความหวังในพระคริสต์ เพราะว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเราตลอดเวลา จึงไม่มีสักวินาทีเดียวที่เราอยู่อย่างลำพัง พระองค์เดินไปกับเราผ่านอุปสรรคและหุบเขาต่างๆ ในชีวิตเรา อย่างที่ดาวิดพูดไว้ในพระธรรม สดุดี 23:4
“แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์”
ที่มากกว่านั้นคือ พระเยซูได้มีชัยเหนือปราการแห่งความตายเรียบร้อยแล้ว ดังที่กล่าวไว้ในพระธรรม 1 โครินธ์ 15:55
โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ดังนั้นเราจึงไม่ต้องเผชิญกับความไม่รู้และสิ้นหวังหลังจากที่เราจากโลกนี้ แต่มีชีวิต สิ่งนี้แสดงถึงความกว้างขวางในความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา พระองค์อยู่กับเราตลอดเวลาและปรารถนาที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับเรา “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น3:16)
ยิ่งฉันคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่าทางเดียวที่เราจะเข้าใจถึงการทรงสถิตของพระเจ้ามากขึ้น ก็คือเมื่อเราพบกับจุดจบของชีวิต นั่นก็เพราะเราจะไม่สามารถพึ่งพาใครหรือสิ่งใดได้อีก เวลาที่โดดเดี่ยวที่สุดจะทำให้เราได้พบว่าพระเจ้าผู้เดียวที่เรานั้นมั่นใจ ผู้เป็นพระศิลามั่นคงที่เราสามารถฝากความหวังไว้
เวลาที่โดดเดี่ยวที่สุดจะทำให้เราได้พบว่าพระเจ้าผู้เดียวที่เรานั้นมั่นใจ พระศิลามั่นคงที่เราสามารถฝากความหวังไว้
พระองค์ผู้เดียวที่สามารถมอบสันติสุขที่แท้จริงและการช่วยเหลือในเวลาที่มืดมิดที่สุดของเรา พระเจ้าผู้เดียวที่จะอยู่กับเราตลอดกาล ส่วนสิ่งอื่นนั้นเป็นเพียงของชั่วคราวและมลายไปในที่สุด
ฉันขอบคุณพระเจ้าที่ฉันจะไม่มีวันอยู่อย่างเดียวดายแม้ในวันที่หนทางบนโลกนี้ของฉันสิ้นสุดลง
สำหรับเวลาของฉันบนโลกนี้ที่เหลืออยู่ ฉันใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์และฝากทุกอย่างไว้กับพระองค์ ผู้เป็นศิลาที่พึ่งพาได้
พระเยซูที่รัก ขอทรงโปรดประคองฉันไว้
YOU MAY ALSO LIKE
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน
WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ สะสางงานต่างๆ ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...
ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?
WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...
เสียงที่ดังพอ
WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...