WRITER: พรพรรณ ขวัญพันธุ์งาม
EDITOR: Mustard Seed Team
เกิดมาทั้งทีคงไม่มีใครอยากล้มเหลว ผิดพลาด หรือ พ่ายแพ้ แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งในความสำเร็จ แต่หากต้องพบเจอกับความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ซ้ำซาก ผิดพลาดมากเสียจนแทบจะไม่เหลือใครยอมรับ ชีวิตเช่นนี้จะยังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ได้อีกไหม?
ยังมีโอกาสให้กับคนที่ล้มเหลวซ้ำซากไหม?
ฉันรู้ดีว่าการให้โอกาสกับคนที่ทำพลาดไปนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับคนอย่างฉัน คำว่าโอกาสบางทีก็ดูล้ำค่ามากเกินกว่าที่ฉันควรจะได้ เพราะฉันช่างเชี่ยวชาญในการล้มเหลวเสียเหลือเกิน ฉันล้มเหลวแทบจะทุกด้านในชีวิตจริงๆ
บทบาทแรกของชีวิตคนเราจะเป็นอะไรได้นอกจากนักเรียน แต่ฉันก็ไม่สามารถเป็นนักเรียนที่ดีตามมาตรฐานได้จนถูกเชิญผู้ปกครองบ่อยครั้งตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถม ในบทบาทต่อมาคือการเป็นเพื่อนที่ดีนั้น ฉันก็ไม่สามารถจะเป็นได้ ตัวตนของฉันสร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ หลายคน รวมถึงทำให้มิตรภาพที่ฉันมีกับเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งต้องพังทลายลงไป เมื่อต้องจบชั้นมัธยมปลายมาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ฉันคิดอยู่แค่อย่างเดียวคือต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วเมื่อฉันได้สิทธิ์สอบสัมภาษณ์ในมหาวิทยาลัยที่เลือกเป็นอันดับหนึ่ง คุณพ่อของฉันก็ไม่ให้ฉันไป เพราะว่ามันไกลและต้องใช้ค่าใช้จ่ายมาก สุดท้าย… ฉันก็มาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ฉันไม่รู้เลยว่านั่นจะกลายมาเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับฉันในตอนนั้นและตลอดไป…
มีรุ่นพี่มาคุยกับฉันและชวนฉันเข้ากลุ่มของเขา พวกเขาเป็นคริสเตียน จากวันนั้นฉันและเพื่อนกลุ่มใหม่อีกหลายสิบคนก็ได้เริ่มต้นชีวิตนักศึกษาและชีวิตที่มีพระเจ้าไปพร้อมๆ กัน
เหมือนทุกอย่างจะไปได้สวย… แต่อย่างที่ฉันกล่าวไปแล้วตอนต้น ฉันช่างเชี่ยวชาญในการล้มเหลวเสียจริงๆ
แม้จะเริ่มต้นรู้จักพระเจ้าแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคริสเตียนที่เชื่อฟัง ฉันเริ่มเกเรหนัก ไม่เข้าเรียน ไม่อ่านหนังสือ เอาแต่นอนเล่นเกม เที่ยวเตร่ ผลการเรียนของฉันแย่ลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน คุณพ่อที่เป็นกำลังสำคัญส่งเสียฉันมาตลอดก็เริ่มป่วยหนักด้วยโรคพาร์กินสัน คุณคงจะพอเดาเรื่องราวต่อไปได้ ใช่เลย! ทุกอย่างพังทลายลงไปหมด แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ล้มเหลวอยู่ตามลำพังอีกแล้ว พระเจ้าได้ทำให้ฉันระลึกถึงคำเผยพระวจนะที่มีพี่คนหนึ่งกล่าวในช่วงเดือนแรกที่ฉันรับเชื่อ
“พระเจ้ารักน้อง พระองค์จะเริ่มต้นใหม่และจะเติมเต็มน้องนะ”
“เริ่มต้นใหม่” และ “เติมเต็ม” เป็นสองคำที่เรียบง่ายแต่มีความหมายสำหรับคนอย่างฉันมาก คนที่ล้มเหลวอยู่เรื่อยๆ จะต้องการอะไรมากไปกว่าการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
และขอการเติมเต็มให้กับใจที่ขลาดกลัวที่จะล้มอีกจนไม่อยากก้าวเดิน ฉันสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้งด้วยถ้อยคำสัญญานี้ และด้วยคำหนุนใจจากคนรอบข้างที่พระเจ้าประทานให้ในคริสตจักร แต่แม้จะอยู่ท่ามกลางของขวัญจากพระเจ้ามากมายขนาดนี้ ฉันก็ยังคงล้มลงอีกครั้ง และอีกครั้งอยู่ดี
ฉันเดินติดตามพระเจ้าด้วยชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ มาอยู่หลายปี กระทั่งย่างเข้าปีที่แปด ฉันซึ่งเรียนไม่จบ ฐานะทางบ้านก็ตกต่ำถึงที่สุด คุณพ่อก็ป่วยลงไปยิ่งกว่าเดิม ตอนนั้นพระเจ้าประทานโอกาสให้กับฉันอีกครั้งให้ได้มีส่วนรับใช้ในคริสตจักรด้วยการออกแบบกราฟิค จากการเป็นอาสาสมัคร ฉันได้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่กราฟิคประจำคริสตจักร เริ่มมองเห็นสิ่งที่ตัวเองจะยึดเป็นก้าวต่อไปได้ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าชีวิตฉันจะไปได้ดีแล้ว
ฉันมีปัญหากับการจัดการเวลาชีวิต ตื่นบ่าย ทำงานกลางคืน ไม่ชอบรายงานตัว ทำอะไรไม่คิด ประจวบกับปัจจัยหลายอย่าง ฉันจึงตัดสินใจลาออกเพื่อไปหางานข้างนอกทำ ฉันมั่นใจว่าตัวเองพอจะมีฝีมือบ้างแล้วน่าจะไม่ยากเกินไปในการจะหางานได้…
แต่ฉันคิดผิด…
เพราะฉันไม่มีวุฒิปริญญาตรี ทำให้การหางานนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ฉันต้องอาศัยเงินเดือนเพื่อนที่เป็นรูมเมทเพื่อประทังชีวิต ช่วงเวลาสามเดือนที่รอคอยงานนั้นทรมานมาก ฉันอธิษฐานของานใหม่อย่างร้อนใจ และให้พี่น้องในกลุ่มช่วยกันอธิษฐานเผื่อ ฉันค่อนข้างมืดแปดด้านแล้วจริงๆ และในเวลานั้นเองที่พระเจ้าประทานโอกาสให้ฉันอีกครั้ง
มีพี่ชายคนหนึ่งในคริสตจักรที่รับใช้มีเดียอยู่ด้วยกันมาเสนองานๆ หนึ่งให้ แน่นอนว่าฉันหูผึ่ง แต่ใจนั้นก็แอบกลัว… เพราะต้องตื่นเช้ามาก ฉันกับการตื่นเช้าช่างไม่ไปด้วยกันเลย ประสบการณ์การทำงานตั้งแต่ทำงานพาร์ทไทม์ที่แรกจนถึงงานในคริสตจักรที่เพิ่งลาออกมานั้น ทุกที่ฉันไม่เคยเข้างานตามเวลาได้เลยสักที่เดียว
แต่… ฉันรู้สึกว่านี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่พระเจ้าหยิบยื่นให้ ฉันอยากจะลองดูอีกครั้ง ให้มันรู้ไปว่าฉันจะทำสำเร็จสักเรื่องไม่ได้
ในช่วงโปรสามเดือนแรกของการทำงานครั้งใหม่ ฉันต้องเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างมาก ทุกๆ เช้าฉันต้องเปิดเพลงนมัสการฟังเพื่อหนุนใจตัวเอง เพราะฉันกลัวมาก กลัวว่ามันจะล้มเหลวอีก ฉันบอกพระเจ้าแค่ว่า ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ขอให้ฉันทำได้ด้วยเถอะ มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้เลยว่า ฉันต้องพึ่งพาพระเจ้า ฉันไม่สามารถไปด้วยกำลังของตัวเองได้
และแล้วสามเดือนนั้นก็ผ่านไป ฉันผ่านโปรด้วยคะแนนประเมินสูง และได้รับการปรับเงินเดือนเป็นระดับปริญญาตรี ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าฉันผ่านมันมาได้จริงๆ ฉันทำได้แล้ว!! พระเจ้าพาฉันผ่านมันไปจนได้
จากฉันคนเดิมที่โดนถามอยู่เรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะเรียนจบ ฉันตอบอย่างภาคภูมิใจว่าฉันมีงานทำ มีเงินเดือน และในช่วงโควิดที่ผ่านมา(จนถึงตอนนี้) การงานของฉันก็ยืนหยัดผ่านกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงไปได้ ทางครอบครัวของฉันก็ไม่มีหนี้แล้ว พวกเขามีความหวัง ไม่เหมือนในวันที่ต้องเด็ดผักบุ้งกินกันเปล่าๆกับข้าว แม้จะไม่ร่ำรวยนัก แต่ก็ดีขึ้นมากจนฉันเองก็ประหลาดใจ พี่ชายของฉันก็ได้ต้อนรับพระเจ้าแล้ว และกำลังเริ่มต้นชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขาอย่างน่าติดตาม ชีวิตของฉันและครอบครัวตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะจินตนาการได้จริงๆ
ตลอดเวลาที่พระเจ้าเคียงข้างฉันมา…ฉันได้รับบทเรียนสำคัญยิ่งว่า
“ไม่ว่าฉันจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง พระเจ้าก็จะประทานโอกาสเริ่มต้นใหม่ให้ฉันทุกครั้ง พระเจ้าไม่เคยสิ้นหวังกับฉัน ไม่เคยผลักไสฉันออกจากแผนงานของพระองค์ ไม่เคยหยุดที่จะหวังใจในฉันแม้แต่ในวันที่ฉันล้มลงในความบาปก็ตาม ถ้าฉันจะต้องล้มลงอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง พระเจ้าก็จะประทานโอกาสให้อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งด้วยเหมือนกัน”
เราทั้งปวงได้รับพระพรครั้งแล้วครั้งเล่าจากความบริบูรณ์แห่งพระคุณของพระองค์ ยอห์น 1:16
ยังมีโอกาสให้กับคนที่ล้มเหลวซ้ำซากไหม?
ถ้าวันนี้คุณกำลังตั้งคำถามแบบนี้… ฉันขอยืนยันตรงนี้ว่ามีแน่นอน พระเจ้าที่ฉันเชื่อและติดตามมาตลอดสิบปีกับอีกสามเดือนพระองค์นี้ เป็นพระเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่และการเติมเต็ม คำเผยพระวจนะที่ฉันได้รับมา ฉันเชื่อว่าเป็นถ้อยคำเดียวกันที่พระเจ้ามอบให้ทุกคนด้วย อย่ายอมแพ้และหมดหวังกับตัวเองนะ
“พระเจ้าจะอยู่ข้างๆ และรองรับน้ำหนักแห่งความผิดพลาดของคุณไว้เอง”
YOU MAY ALSO LIKE
ความผิดพลาด 3 อย่างที่สอนผมเรื่องพระปัญญาและเวลาของพระเจ้า
WRITER: ราฟาเอล ชาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: กาญจนา กาญจนพาทีEDITOR: ปวีณา นิลบุตร เมื่อตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมได้วางแผนชีวิตว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักดนตรี และเป็นผู้รับใช้ในคริสตจักรก่อนอายุ 25 ปี...
จากโรคบูลิเมียสู่โรคซึมเศร้า: พระเยซูทรงจับฉันไว้แน่นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางจิตใจ
WRITER: เชวอง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญEDITOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์ เมื่อฉันมาเป็นคริสเตียนตอนอายุ 16 ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่าชีวิตมันตรงข้ามกับคำสอนหลายๆ อย่างของเหล่าศิษยาภิบาล ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลย ความจริง...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...