fbpx
WRITER: YMI ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: พาทินธิดา เจริญสวัสดิ์

ไม่มีความสัมพันธ์ใดในชีวิตที่จะสำคัญมากไปกว่าความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้สร้างที่ประทานจุดประสงค์ในการดำเนินชีวิตให้เรา ถึงอย่างนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับความสัมพันธ์อื่นที่ต้องผ่านเผชิญทั้งเหตุการณ์ที่ดีและไม่ดี บางวันเราอาจรู้สึกติดสนิทกับพระเจ้ามาก รับรู้ได้ว่าพระองค์ทรงอยู่ข้างเราในทุกก้าวที่เดินไป แต่บางวันเรากลับรู้สึกว่าพระองค์ทรงอยู่ห่างไกล หรือรู้สึกไปว่าพระองค์ไม่ได้มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันที่ท้าทายนี้

แต่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพระเจ้าจะคอยผยุงและเติมเต็มชีวิตแม้ในวันที่ย่ำแย่ แล้วเราจะลงลึกในความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้อย่างไรล่ะนี่คือ 5 วิธีที่ฉันกำลังจะมาแบ่งปัน

1. เรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นใครผ่านการอ่านพระคัมภีร์

เราทุกคนต่างรู้ข้อนี้กันอยู่แล้วใช่ไหม? ไม่มีทางไหนที่จะรู้จักพระเจ้าได้ดีไปกว่าพระคัมภีร์ เพราะพระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เองกับเราผ่านวิธีนี้ อย่างที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เตือนใจเราว่า ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย แต่พระวจนะพระเจ้าของเราจะยั่งยืนเป็นนิตย์ (อิสยาห์ 40:8)

ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงอ่านพระคัมภีร์แบบลุ่มๆ ดอนๆ (หรือแม้ว่าคุณอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น) ก็ลองเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณดูสิ แทนที่จะอ่านข้อสั้นๆ ในแต่ละวัน ก็ลองอ่านบทที่ยาวขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจในภาพรวม หรือถ้าคุณอ่านเยอะอยู่แล้วก็ลองใช้เวลากับข้อใดข้อหนึ่งให้มากขึ้น เช่น การอ่านความเห็นเพิ่มเติม ใช้หนังสืออ้างอิง หรือปรับเปลี่ยนเวลาอ่านพระคัมภีร์ดู และอย่าลืมที่จะแบ่งปันมุมมองหรือการเชื่อมโยงใหม่ๆ กับคนอื่นๆ แล้วถามกลับด้วยว่าพวกเขาได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง!

2. ใช้เวลากับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน

ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าก็เหมือนความสัมพันธ์อื่นๆ ที่การพูดคุยและรับฟังเป็นเรื่องสำคัญ แต่บางครั้ง เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรกับพระองค์ดี

คุณบอกพระเจ้ารึเปล่าว่ากำลังดีใจเรื่องอะไรอยู่คุณได้สารภาพบาปต่อพระองค์ไหมคุณได้อธิษฐานเผื่อคนที่ต้องการคำอธิษฐานหรือเปล่าคุณเคยใช้เวลาเพื่อบอกพระเจ้าว่าพระองค์เจ๋งแค่ไหนไหม?

เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่ใจว่าจะอธิษฐานอย่างไร ก็ขอให้คุณลองอธิษฐานตามพระธรรมสดุดีดู เพราะพระธรรมสดุดีได้ครอบคลุมถึงประสบการณ์และความรู้สึกของมนุษย์ทุกรูปแบบ และมีแบบแผนสำหรับการเข้าใกล้พระเจ้าให้เสมอไม่ว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เหมือนที่ผู้เขียนสดุดีได้บอกว่าเราสามารถร้องไห้ต่อพระเจ้าได้ โดยมั่นใจว่าพระองค์ทรงฟังและจะตอบคำอธิษฐานของเราด้วยความรัก (สดุดี 17:6-7)

3. ใช้ชีวิตด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้าผ่านการเชื่อฟัง

ก่อนพระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระเยซูได้ตรัสกับเหล่าสาวกว่า ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา” (ยอห์น 14:21)

ประโยคข้างต้นมีความหมายตรงตัว คือ ถ้าเรารักพระเจ้า เราก็จะเชื่อฟังพระองค์ พระคัมภีร์ได้วางหลักไว้สำหรับการปฏิบัติต่อพ่อแม่(เอเฟซัส 6:1-2) และกับคนที่ความเห็นไม่ตรงกันกับเรา(โรม 14:1-21) ซึ่งพระธรรมเหล่าน้ีได้เตือนใจเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดี(ฟีลิปปี 4:8-9) มีใจถ่อม และใจเมตตา(โคโลสี 3:12)

ถึงแม้บางครั้งการเชื่อฟังจะเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก แต่เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะพระเจ้ามอบคำสั่งนี้ให้กับเราด้วยความรัก เพื่อปกป้องเรา และนำเราไปหาพระองค์

4. ใช้ชีวิตด้วยความรักของพระเจ้าเพื่อคนอื่นผ่านการรับใช้

เพราะพระเจ้าทรงรักเรา เราจึงถูกเรียกให้รักคนรอบข้างเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย หรือแม้ว่าคนรอบข้างจะไม่น่ารักก็ตาม(1ยอห์น 4:19)

แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องซับซ้อน เราสามารถยื่นโกโก้ร้อนให้ใครสักคน เราสามารถลงเวลาและแบ่งปันเงินทองของเราด้วยใจกว้างขวาง เราสามารถหาตำแหน่งรับใช้ในคริสตจักรได้ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถอธิษฐานเผื่อคนอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยเข้ากับเราสักเท่าไหร่

เราสามารถเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นผ่านการห่วงใยคนรอบข้างได้ ขอเพียงพยายามแล้ว พยายามอีก ถึงแม้ตัวเราจะรู้สึกไม่อยากทำก็ตาม เพราะการทำแบบนี้จะทำให้เราเข้าใกล้พระทัยของพระเจ้ามากขึ้นโดยการพยายามให้พระองค์นำชีวิต

5. ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ผ่านการใช้ชีวิตด้วยใจขอบพระคุณ

ข้อสุดท้าย ขอให้เราทั้งหลายมีความชื่นชมยินดีกับของขวัญมากมายที่พระองค์ทรงประทานให้กับเรา คุณเห็นท้องฟ้าสีครามเวลามองขึ้นไปข้างบนไหมพระเจ้าของเราผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรักเป็นผู้วางมันไว้ตรงนั้นแหละ คุณรู้สึกถึงความอบอุ่นของพระอาทิตย์ หรือไอเย็นของลมไหมสิ่งเหล่านี้คือของขวัญจากพระเจ้า คุณมีนิ้วมือและนิ้วเท้าไหมนี่เป็นเหตุผลที่ต้องขอบพระคุณ!

และจากทุกของขวัญที่เราได้รับ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้รับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตอีก! พระองค์ได้ทรงสละอะไรมากมายเพื่อที่จะได้มีสายสัมพันธ์กับเรา จะมีอะไรน่าอัศจรรย์ไปมากกว่านั้นอีก?

ขอให้เราตอบสนองของขวัญของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีเถิด

YOU MAY ALSO LIKE

พระพรจากการเฝ้าเดี่ยว

พระพรจากการเฝ้าเดี่ยว

WRITER: หัตถกิจ ศ.EDITOR: Mustard Seed Team มันอาจไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องที่สุดที่จะเฝ้าเดี่ยว เมื่อต้องการคำชี้แนะบางอย่างจากพระเจ้า แต่เราควรจัดสรรเวลาแสวงหาพระเจ้าในทุกวันอยู่แล้ว และรู้สึกหิวพระวจนะแม้ว่าจะดูไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเลยก็ตาม...

เราจากโลกนี้อย่างเดียวดายหรือเปล่า

เราจากโลกนี้อย่างเดียวดายหรือเปล่า

WRITER: Kim Cheung ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สรสิทธิ์ ฑัมมารักขิตานนท์EDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ ร่างของคุณยายที่เกือบจะไม่หายใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงของเธอ  มีเสียงโอดครวญดังขึ้นในบางครั้งด้วยความเจ็บปวดและไม่สบายตัวอย่างที่เธอกำลังรู้สึกอยู่...

อายุ 30+ ยังโสดและพยายามที่จะไม่ลงหลักปักฐาน

อายุ 30+ ยังโสดและพยายามที่จะไม่ลงหลักปักฐาน

WRITER: เนล ลิม ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุนทรี กาญจนางกูรพันธุ์ และ กาญจนา​ กาญจนพาทีEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) การหาคู่ออนไลน์ในช่วงอายุ 30 ปี ไม่เหมาะกับคนใจเสาะ การตอบคำถาม 2-3 ข้อซ้ำๆ เป็นเวลาหลายเดือน,...

Share This