WRITER: YMI ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: พาทินธิดา เจริญสวัสดิ์
ไม่มีความสัมพันธ์ใดในชีวิตที่จะสำคัญมากไปกว่าความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้สร้างที่ประทานจุดประสงค์ในการดำเนินชีวิตให้เรา ถึงอย่างนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับความสัมพันธ์อื่นที่ต้องผ่านเผชิญทั้งเหตุการณ์ที่ดีและไม่ดี บางวันเราอาจรู้สึกติดสนิทกับพระเจ้ามาก รับรู้ได้ว่าพระองค์ทรงอยู่ข้างเราในทุกก้าวที่เดินไป แต่บางวันเรากลับรู้สึกว่าพระองค์ทรงอยู่ห่างไกล หรือรู้สึกไปว่าพระองค์ไม่ได้มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันที่ท้าทายนี้
แต่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพระเจ้าจะคอยผยุงและเติมเต็มชีวิตแม้ในวันที่ย่ำแย่ แล้วเราจะลงลึกในความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้อย่างไรล่ะ? นี่คือ 5 วิธีที่ฉันกำลังจะมาแบ่งปัน
1. เรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นใครผ่านการอ่านพระคัมภีร์
เราทุกคนต่างรู้ข้อนี้กันอยู่แล้วใช่ไหม? ไม่มีทางไหนที่จะรู้จักพระเจ้าได้ดีไปกว่าพระคัมภีร์ เพราะพระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เองกับเราผ่านวิธีนี้ อย่างที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เตือนใจเราว่า “ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย แต่พระวจนะพระเจ้าของเราจะยั่งยืนเป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:8)
ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงอ่านพระคัมภีร์แบบลุ่มๆ ดอนๆ (หรือแม้ว่าคุณอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น) ก็ลองเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณดูสิ แทนที่จะอ่านข้อสั้นๆ ในแต่ละวัน ก็ลองอ่านบทที่ยาวขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจในภาพรวม หรือถ้าคุณอ่านเยอะอยู่แล้วก็ลองใช้เวลากับข้อใดข้อหนึ่งให้มากขึ้น เช่น การอ่านความเห็นเพิ่มเติม ใช้หนังสืออ้างอิง หรือปรับเปลี่ยนเวลาอ่านพระคัมภีร์ดู และอย่าลืมที่จะแบ่งปันมุมมองหรือการเชื่อมโยงใหม่ๆ กับคนอื่นๆ แล้วถามกลับด้วยว่าพวกเขาได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง!
2. ใช้เวลากับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน
ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าก็เหมือนความสัมพันธ์อื่นๆ ที่การพูดคุยและรับฟังเป็นเรื่องสำคัญ แต่บางครั้ง เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรกับพระองค์ดี
คุณบอกพระเจ้ารึเปล่าว่ากำลังดีใจเรื่องอะไรอยู่? คุณได้สารภาพบาปต่อพระองค์ไหม? คุณได้อธิษฐานเผื่อคนที่ต้องการคำอธิษฐานหรือเปล่า? คุณเคยใช้เวลาเพื่อบอกพระเจ้าว่าพระองค์เจ๋งแค่ไหนไหม?
เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่ใจว่าจะอธิษฐานอย่างไร ก็ขอให้คุณลองอธิษฐานตามพระธรรมสดุดีดู เพราะพระธรรมสดุดีได้ครอบคลุมถึงประสบการณ์และความรู้สึกของมนุษย์ทุกรูปแบบ และมีแบบแผนสำหรับการเข้าใกล้พระเจ้าให้เสมอไม่ว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เหมือนที่ผู้เขียนสดุดีได้บอกว่า “เราสามารถร้องไห้ต่อพระเจ้าได้ โดยมั่นใจว่าพระองค์ทรงฟังและจะตอบคำอธิษฐานของเราด้วยความรัก” (สดุดี 17:6-7)
3. ใช้ชีวิตด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้าผ่านการเชื่อฟัง
ก่อนพระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระเยซูได้ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา” (ยอห์น 14:21)
ประโยคข้างต้นมีความหมายตรงตัว คือ ถ้าเรารักพระเจ้า เราก็จะเชื่อฟังพระองค์ พระคัมภีร์ได้วางหลักไว้สำหรับการปฏิบัติต่อพ่อแม่(เอเฟซัส 6:1-2) และกับคนที่ความเห็นไม่ตรงกันกับเรา(โรม 14:1-21) ซึ่งพระธรรมเหล่าน้ีได้เตือนใจเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดี(ฟีลิปปี 4:8-9) มีใจถ่อม และใจเมตตา(โคโลสี 3:12)
ถึงแม้บางครั้งการเชื่อฟังจะเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก แต่เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะพระเจ้ามอบคำสั่งนี้ให้กับเราด้วยความรัก เพื่อปกป้องเรา และนำเราไปหาพระองค์
4. ใช้ชีวิตด้วยความรักของพระเจ้าเพื่อคนอื่นผ่านการรับใช้
เพราะพระเจ้าทรงรักเรา เราจึงถูกเรียกให้รักคนรอบข้างเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย หรือแม้ว่าคนรอบข้างจะไม่น่ารักก็ตาม(1ยอห์น 4:19)
แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องซับซ้อน เราสามารถยื่นโกโก้ร้อนให้ใครสักคน เราสามารถลงเวลาและแบ่งปันเงินทองของเราด้วยใจกว้างขวาง เราสามารถหาตำแหน่งรับใช้ในคริสตจักรได้ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถอธิษฐานเผื่อคนอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยเข้ากับเราสักเท่าไหร่
เราสามารถเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นผ่านการห่วงใยคนรอบข้างได้ ขอเพียงพยายามแล้ว พยายามอีก ถึงแม้ตัวเราจะรู้สึกไม่อยากทำก็ตาม เพราะการทำแบบนี้จะทำให้เราเข้าใกล้พระทัยของพระเจ้ามากขึ้นโดยการพยายามให้พระองค์นำชีวิต
5. ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ผ่านการใช้ชีวิตด้วยใจขอบพระคุณ
ข้อสุดท้าย ขอให้เราทั้งหลายมีความชื่นชมยินดีกับของขวัญมากมายที่พระองค์ทรงประทานให้กับเรา คุณเห็นท้องฟ้าสีครามเวลามองขึ้นไปข้างบนไหม? พระเจ้าของเราผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรักเป็นผู้วางมันไว้ตรงนั้นแหละ คุณรู้สึกถึงความอบอุ่นของพระอาทิตย์ หรือไอเย็นของลมไหม? สิ่งเหล่านี้คือของขวัญจากพระเจ้า คุณมีนิ้วมือและนิ้วเท้าไหม? นี่เป็นเหตุผลที่ต้องขอบพระคุณ!
และจากทุกของขวัญที่เราได้รับ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้รับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตอีก! พระองค์ได้ทรงสละอะไรมากมายเพื่อที่จะได้มีสายสัมพันธ์กับเรา จะมีอะไรน่าอัศจรรย์ไปมากกว่านั้นอีก?
ขอให้เราตอบสนองของขวัญของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีเถิด
YOU MAY ALSO LIKE
พระเจ้าทรงใส่ใจผมจริงๆ หรือเปล่า?
WRITER: ราฟาเอล จาง ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR/EDITOR: ทิพย์สุพร ชาน “ถ้ามันสำคัญสำหรับคุณ มันก็สำคัญสำหรับพระเจ้า” ผมอ่านข้อความนี้จากแม่เหล็กติดตู้เย็นของเพื่อน ตอนแรกที่ผมได้อ่านถ้อยคำเหล่านี้ที่บ้านเพื่อนเมื่อหลายปีก่อน ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกดี...
พระเจ้าอยู่ที่ไหนเวลาที่เราอกหัก?
WRITER: เจ. คูน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์EDITOR: นามระพี พีระมาน ฉันนอนคว่ำอยู่บนเตียง หมอนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เสียงจิ้งหรีดร้องระงมอยู่ในความมืดที่ปกคลุมอยู่ภายนอกหน้าต่าง ฉันดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง อยากจะกันตัวเองออกจากโลกภายนอก...