WRITER: โจนาธาน ฮายาชิ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ศุภิสรา เจริญศรีศิลป์
EDITOR: ฤกษ์สิน เขมสุนทร
มันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม
สมาชิกในโบสถ์ที่น่าเคารพคนหนึ่งเข้ามาหาผมและพูดเชิงข่มขู่ว่า “ฟังนะเจ้ายุ่น ที่นี่เป็นโบสถ์ของพวกเราและพวกเราก็อยู่ที่นี่มาก่อนที่แกจะมา และพวกเราก็จะยังคงอยู่ที่นี่ต่อไปหลังจากที่แกจากไป เพราะฉะนั้นกลับประเทศของแกไปซะเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแก”
ผมอยู่ที่โบสถ์นี้มาได้ 4 ปีแล้ว ผมทำงานอยู่ในทีมผู้รับใช้เต็มเวลาอยู่ที่นี่ ผมรู้นะว่าการทำพันธกิจของพระเจ้ามันยาก แต่ผมก็ไม่เคยพบเคยเจอกับปัญหาอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แม้ว่าในอดีตผมจะเคยได้รับคำวิพากย์วิจารณ์ในแง่ลบมาก่อน แต่กับครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ผมรู้สึกกลัว ผมรู้สึกว่าโบสถ์ที่เมื่อก่อนเคยรักผมมาก ตอนนี้กลับปฏิเสธผม
ผมกำลังจะตกงานอยู่รอมร่อและครอบครัวของผมก็ถูกข่มขู่ ผมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ผมสามารถจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เลย และความกลัวของผมก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบกับผมรุนแรงมากขึ้น ผมรู้สึกเหมือนหนูติดกับที่ไปไหนไม่ได้ ผมรู้สึกสิ้นหวัง
ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ลูกกำลังถูกซาตานโจมตีหรือเปล่า? พระองค์กำลังมีแผนการที่จะให้ลูกเปลี่ยนโบสถ์ใช่ไหม? พระเจ้าครับ ลูกท้อแท้สิ้นหวังเหลือเกิน ลูกรู้สึกว่าจิตวิญญาณของลูกตกต่ำมาก ใจของลูกเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ลูกพร้อมที่จะลาออกแล้ว พระเจ้าครับ ทำไมพระองค์ทรงเงียบแบบนี้ในขณะที่ลูกกำลังหวาดกลัวเหลือเกิน?”
หลังจากที่ผมฝากมอบความหวาดกลัวของผมไว้กับพระเจ้า พระองค์ก็ทรงปลอบประโลมผม และนี่คือ 3 คำถามที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้
1. ทำไมผมต้องรู้สึกกลัว?
เล่าแบบสรุปๆ ก็คือ ผมรู้สึกหวาดกลัวเพราะว่าความคิดของผมไม่ถูกต้อง ความจริงก็คือ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ ผมไม่ได้คิดถึงพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย! เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมไม่ได้นึกถึงพระเจ้า พระองค์ก็จะดูเหมือนว่าไม่ทรงแสนดีและอยู่ห่างไกล ผมรู้สึกเหมือนพระเจ้าหลงลืมและทอดทิ้งผมไปแล้ว ผมปล่อยให้สิ่งรอบตัวและสถานการณ์ต่างๆ มามีผลกระทบต่อความเข้าใจว่าพระเจ้าเป็นใคร
พระคัมภีร์บอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่ากังวล เช่น “อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตน” (มัทธิว 6:25) “อย่ากังวลว่าจะพูดอะไรหรืออย่างไร” (มัทธิว 10:19) “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย” (ฟีลิปปี 4:6) และยังมีข้ออื่นๆ อีกมากมาย แล้วทำไมผมถึงยังกลัวอยู่อีกล่ะ?
คำตอบที่ผมได้ก็คือ ผมกลัวในสิ่งที่โลกนี้สามารถที่จะทำกับผม
ในโลกใบเล็กๆ ของผมนั้น ผมกังวลมากเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนจะทำกับผม และความกลัวนั้นมันก็กลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ในความคิดของผมและกลับกันก็คือพระเจ้ากลายเป็นสิ่งเล็กน้อยไปเลย
ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่ผมจะถูกปฏิเสธ ถูกทำร้าย หรือถูกกดขี่ข่มเหง ผมก็ได้ทอดทิ้งพระเจ้าให้อยู่ข้างนอกเรื่องราวพวกนี้อย่างสิ้นเชิง
ความหวาดกลัวไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาแนวนอน หรือปัญหาเกี่ยวกับเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ ของเราเท่านั้น แต่ความหวาดกลัวยังเป็นปัญหาแนวตั้ง หรือปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าอีกด้วย
2. อะไรคือสิ่งที่อยู่ในใจของผม?
ปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันของคนทั่วไปเวลาเจอสถานการณ์ที่ไม่ดีนักก็คือ “ออกไปจากสถานการณ์นี้เร็วเข้า!” เราทุกคนต่างก็อยากที่จะเปลี่ยนเส้นทางและหลีกเลี่ยงความคิดความรู้สึกลบๆ โดยการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่รอบข้างหรือสถานการณ์ภายนอกของเรา เปลี่ยนผู้คนรอบข้าง เปลี่ยนงานอดิเรก เปลี่ยนอาชีพ หรือแม้แต่การเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ที่เราครอบครอง
อย่างไรก็ตาม พระธรรมสุภาษิต 4:23 ได้ย้ำเตือนกับเราว่า “จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” เมื่อเราตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต คำพูดและการกระทำของเราก็จะเล็งให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเรา เมื่อผมบ่นหรือต่อว่าสถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในใจของผมก็จะปรากฏชัดออกมาด้วย
ความหวาดกลัวหลายอย่างของผมได้เปิดเผยให้ผมเห็นว่าหัวใจของผมอยู่ห่างไกลจากพระเจ้ามากเพียงใด และใจของผมใกล้ชิดกับโลกนี้แค่ไหน ผมเคยคิดว่าสถานการณ์ที่ผมเผชิญนั้นเป็นตัวกำหนดการตอบสนองในใจของผม แต่เปล่าเลย
ปัญหามันอยู่ที่ตัวของผมเองที่เอาใจไปผูกไว้กับสถานการณ์ภายนอก แทนที่จะมองข้ามผ่านสถานการณ์นั้นไป
เมื่อผมอ่านพระคัมภีร์ ผมก็ได้ค้นพบว่า ความหวาดกลัวของผมจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อผมไม่ได้มองไปที่พระคริสต์ ผู้ซึ่งเป็นแหล่งของความหวังทั้งปวงและการเยียวยารักษาในทุกๆ ด้านของชีวิตของผม แทนที่จะจดจ่อและจ้องมองที่พระองค์ หัวใจของผมก็ได้สร้างรูปเคารพขึ้นมา ซึ่งก็คือรูปเคารพแห่งการเสาะแสวงหาการได้รับการยอมรับจากมนุษย์ และผมก็ไม่สามารถมองข้ามผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปได้เลย
3. ผมควรตอบสนองต่อความหวาดกลัวอย่างไร?
ยาถอนพิษความกลัวที่ดีที่สุดก็คือความรักอันไม่มีเงื่อนไขของพระบิดา ผมไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่ในความไม่สมบูรณ์แบบและความไม่รู้จักพอในการตอบสนองต่อสถานการณ์รอบข้าง แทนที่จะเป็นแบบนั้น ผมจำเป็นต้องดำดิ่งลงไปอยู่ในความอุดมสมบูรณ์ของพระเจ้า
แล้วเราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร? คำตอบก็คือเราต้องจดจำและนึกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมและกระทำเพื่อเราในอดีตที่ผ่านมา และมีความหวังใจว่าพระเจ้าได้จัดเตรียมอนาคตของเราไว้อย่างดีแล้วแน่นอน เมื่อเราหมดหวัง พระคัมภีร์ก็เตือนใจเราว่า “พระคุณของพระเจ้าก็มีเพียงพอสำหรับเรา” (2 โครินทร์ 12:9)
ผมจำเป็นต้องละทิ้งรูปเคารพในใจของผมก่อน และยอมให้พระเจ้าเข้ามาประทับบนบัลลังก์ในใจของผมแทน เมื่อผมหันมาจดจ่อที่พระเจ้าอีกครั้ง ผมก็ได้เห็นได้ว่าพระองค์ทรงเป็นที่โปรดปราน ทรงงดงาม แสนอัศจรรย์ แสนดี สง่างาม และน่าเหลือเชื่อ การที่ได้จดจ่อที่พระเจ้าอีกครั้งนี้ ทำให้ผมสามารถเอาชนะความกลัวและได้มีประสบการณ์ในอิสรภาพที่แท้จริง
ดร.สจ๊วต สกอตต์ อาจารย์ในโรงเรียนพระคริสตธรรมของผมคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ความหวังไม่ได้ถูกวัดจากการไม่มีความยากลำบากใดๆ เกิดขึ้น แต่เราจะสามารถพบความหวังได้ในพระคุณของพระเจ้าท่ามกลางความยากลำบาก ความหวังถูกพบได้ในพระสัญญาของพระเจ้าที่สัญญาว่าจะให้อนาคตแก่เรา”
พระเจ้าใช้ช่วงเวลาแห่งความกลัวนั้นเพื่อที่จะสร้างผมให้เป็นเหมือนกับพระคริสต์มากยิ่งขึ้น พระเจ้าชี้ให้ผมเห็นถึงสิ่งที่พระเยซูทรงทำสำเร็จบนไม้กางเขนให้กับผมอีกครั้งในแบบที่สดใหม่ เราทุกคนต่างต้องการสิ่งเตือนใจถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่ของเราท่ามกลางความไม่สมบูรณ์ของโลกที่แตกสลายใบนี้ เมื่อเรานึกถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ความสมบูรณ์แบบ ความสัตย์ซื่อ ความรักที่มั่นคงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของพระองค์จะกลายเป็นกำลังของเราสำหรับวันนี้ และมอบความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ให้กับเรา
นั่นคือเหตุผลที่ผู้เขียนสดุดีสามารถร้องต่อพระเจ้าได้ว่า “เพราะข้าพเจ้าริษยาคนจองหอง… จนข้าพระองค์เข้าไปในสถานนมัสการของพระเจ้า!” (สดุดี 73:3, 17)
ทำไมคนเราถึงมีความกลัวที่เสนยากลำบากนี้ในชีวิต? เหตุผลก็คือ ในท้ายที่สุดนั้นสิ่งเหล่านี้มีขึ้นก็เพื่อที่จะถวายพระเกียรติสิริให้แก่พระบิดา โดยการไถ่กู้บรรดาประชากรของพระองค์ให้หลุดพ้นจากคำสาปแช่งของความบาป
ความเชื่อแทนที่ความกลัว
พายุที่ผมได้เผชิญนี้ได้เปิดเผยให้ผมเห็นถึงความต้องการพระผู้ไถ่ในชีวิตของผมอีกครั้ง ฤทธานุภาพของพระคริสต์มีอยู่เต็มล้นอย่างสมบูรณ์ในความอ่อนแอของผมและฤทธานุภาพนั้นก็ได้ดึงให้ผมเข้าใกล้ชิดสนิทกับพระองค์มากขึ้น ในช่วงเวลาแห่งการทรงสถิต พระเจ้าอนุญาตให้ความยากลำบากและความทุกข์ยากเข้ามาในชีวิตของผมก็เพื่อให้ผมเรียนรู้ที่จะถ่อมใจลงและนำผมให้กลับไปสู่ความบริสุทธิ์ของพระองค์มากยิ่งขึ้น
บางทีคุณอาจจะรู้จักใครบางคนที่จำเป็นต้องได้ยินเรื่องนี้อยู่ หรือบางทีคุณเองที่อาจจะกำลังต้องการการเตือนใจนี้อีกครั้งก็ได้
แม้ในเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามในแบบที่คุณหวังไว้ แต่คุณก็ยังมีความหวังในพระเจ้าได้เสมอ
พระเจ้าอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างคุณ แต่พระองค์ก็ทรงสัญญาว่าจะประทานความอดทนตามที่แต่ละคนต้องการเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้ได้
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของผม พระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของผม แต่พระองค์ทรงประทานสันติสุขของพระองค์ให้กับผม ซึ่งมันเป็นอะไรที่มากเกินกว่าความเข้าใจของผมทั้งหมด และมันก็ได้ปกป้องผมท่ามกลางพายุที่ผมกำลังเผชิญ อนาคตของผมไม่ได้ถูกนำทางด้วยความกลัวที่พร้อมจะยอมแพ้อยู่ตลอดเวลาอีกต่อไป แต่พระเยซูได้กลายเป็นแหล่งของความหวังของผม
“ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก” (เพลงคร่ำครวญ 3:22-23)
ถ้าคุณกำลังเผชิญกับความหวาดกลัวในชีวิต ขอให้คุณมีกำลังใจเถิด เพราะว่าพระเจ้าจะประทานการปลอบประโลมและสันติสุข และนำพาคุณให้เข้าใกล้พระองค์มากยิ่งขึ้น
คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในความกลัวและปัญหาต่างๆ ที่คุณกำลังเผชิญ และผมอยากจะหนุนใจคุณให้ใช้เวลาสั้นๆ ในวันนี้สักครู่เพื่อที่จะหันเข้าหาพระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์
YOU MAY ALSO LIKE
กังวลจนไม่หลับไม่นอน
WRITER: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนเราก็มีอาการนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ พอเช้าตื่นมาก็ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี การนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นครั้งคราว แต่สําหรับบางคนอาจเจอปัญหานี้เป็นประจำ...
ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธ
WRITER: ซาร่า โซ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: สุมิตรา ชามรามดาบานEDITOR: ปวีณา นิลบุตร “ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่” (ยากอบ 5:12) ขณะที่ฉันเขียนข้อความนี้ ฉันเพิ่งจะพูดว่า "ไม่" ที่จะฟังความขัดข้องใจของแม่เรื่องคนสนิทในครอบครัว...
พระเจ้าช่วยฉันผ่านประสบการณ์เลวร้าย (ถูกล่วงละเมิดทางเพศ)
WRITER: แคทเธอรีน ฟลินน์ ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: Mustard Seed TeamEDITOR: Mustard Seed Team ในปี 2003 ฉันอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษตอนที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมห้องของฉัน...