fbpx
WRITER: คริสเทิล กังกาดีน ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMI
TRANSLATOR: ปาลีญา ธนาวัฒนเจริญ
EDITOR: ส้มจี๊ด

“ฉันจะเรียนจบมหาวิทยาลัย หางานดีๆ ทำ และแต่งงานตอนอายุ 24” เพื่อนของฉันคาดการณ์อย่างมั่นใจ ระหว่างที่กลุ่มเรานั่งคุยกันช่วงอาหารกลางวันในโรงเรียนมัธยมปลายหญิงล้วน

เพื่อนของฉันอีกคนพูดแทรกขึ้นว่า “สำหรับฉันต้องอายุ 26”   ในขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่งมั่นใจว่าเธอและสามีในอนาคตจะมีลูก 2 คนและสุนัขที่น่ารักภายในอายุ 30 ปี

สำหรับฉัน? ฉันบอกเพื่อนว่าไม่ว่าพระเจ้าจะประทานสามีให้ตอนอายุเท่าไหร่ฉันก็พอใจทั้งนั้น ตอนนั้นฉันคิดว่าน่าจะได้แต่งงานช่วงอายุยี่สิบกว่าๆ เพราะจากประสบการณ์ชีวิตอันแสนยาวนานของวัยรุ่นอายุ 15 ปีอย่างฉันในตอนนั้น ใครๆ ก็ได้แต่งงานอย่างช้าสุดตอนอายุไม่เกินสามสิบ  

เฉลยเลยนะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มบางคนก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย

วัยรุ่นที่มีความฝัน มีความมั่นใจได้กลายเป็นคนวัยสามสิบที่มีการศึกษาและอาชีพที่คนรุ่นยายของเราได้ฝันถึง แต่ความฝันเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเราไม่ได้เป็นไปตามเวลาที่เราตั้งไว้

เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนคนหนึ่งของฉันซึ่งอายุสามสิบต้นๆ สารภาพว่าเธอเบื่อที่จะรอ “ฉันไม่อยากเป็นคนอายุสี่สิบที่ยังเวอร์จิ้นนะ” เธอบ่นกึ่งล้อเล่น

เพื่อนของฉันเฝ้ารักษาหัวใจของเธอ วิ่งตามเป้าหมายในชีวิต รับใช้ในชุมชน และทะนุถนอมความสัมพันธ์ที่มีกับครอบครัวและเพื่อนๆ แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะหลับเพลินจนลืมว่าเธออายุเท่าไหร่แล้ว

เพื่อนของฉันเริ่มสงสัยว่าเธอจำเป็นต้องมีสามีที่เชื่อพระเจ้ารึเปล่า บางทีแค่ผู้ชายดีๆ ที่ดูแลเธอได้ก็น่าจะเป็นคู่ครองที่ดีและเป็นพ่อของลูกได้แล้ว

ฉันไม่ได้เทศนาเธอหรอก แค่ขอร้องเพื่อนสาวที่กำลังสับสนให้ยังคงวางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าและเวลาของพระองค์

พระเจ้าทรงทราบว่าตอนที่ฉันอายุยี่สิบกว่าฉันมีแต่ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ฉันยังเก็บใบเสร็จค่าทำจิตบำบัดไว้เป็นหลักฐานอยู่เลย

แต่ในที่สุดฉันก็ได้เรียนรู้ที่จะวางใจในพระเจ้าแทนที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

คุณเองก็กังวลว่าพระเจ้าจะหลับใหลและไม่ใส่ใจความต้องการของคุณรึเปล่า? ฉันขอเล่าเรื่องให้คุณฟังนะคะ

นานแสนนานมาแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ฮันนาห์ เธอทุกข์ใจอย่างมากที่ไม่มีลูกเป็นของตัวเอง  เราคงได้แต่คาดเดาถึงความเจ็บปวดของฮันนาห์เวลาคนอื่นมายั่วเย้าเธอเรื่องที่เธอเป็นหมัน ปีแล้วปีเล่าที่เธออธิษฐานทูลขออย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอนของเธอ เธอยังไม่ตั้งครรภ์สักที

ฮันนาห์ชอกช้ำใจมาก เธอร้องไห้ไม่รับประทานอาหารระหว่างที่ครอบครัวเดินทางไปนมัสการที่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์ สามีของเธอรักเธอมากและถามเธอว่า “ทำไมเธอร้องไห้? ทำไมเธอจึงไม่รับประทานอาหาร? สำหรับเธอ ฉันไม่ดีกว่าบุตรชายสิบคนหรือ?” คำพูดของสามีปลอบใจฮันนาห์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เธอก็รับประทานอาหารและกลับไปอธิษฐานต่อ

ฮันนาห์ไม่เคยเลิกแสวงหาพระเจ้า ถึงแม้ว่าเธอจะพบแต่ความท้อแท้ เธอยังคงยืนหยัดอธิษฐาน มีความหวัง และวางใจในพระเจ้า

ครั้งหนึ่งระหว่างการอธิษฐาน เธอสัญญากับพระเจ้าว่าถ้าพระองค์ประทานบุตรชายให้กับเธอ เธอจะถวายเขาแด่พระเจ้าตลอดชีวิตของเขา

และในวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่สมควร พระเจ้าก็ประทานสิ่งที่ฮันนาห์ปรารถนา ฮันนาห์กับสามีมีเพศสัมพันธ์กัน และฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์ เธอกำลังจะได้เป็นแม่คน!

ฮันนาห์รักษาสัญญาที่เธอให้ไว้กับพระเจ้า หลังจากเด็กหย่านมแล้ว ฮันนาห์พาบุตรชายมายังพลับพลาของพระเจ้าเพื่อให้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาต่อหน้าปุโรหิต นั่นหมายความว่าฮันนาห์จะได้พบลูกชายของเธอเพียงปีละครั้งเมื่อเธอและครอบครัวเดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าประจำปีที่พระนิเวศ

เดี๋ยว อะไรนะ ที่ฮันนาห์ทูลขอและวิงวอนเพื่อจะมีลูก เธอไม่ได้ขอเพื่อตัวเธอเองเหรอ?

ใช่! คุณอ่านถูกต้องแล้ว ฮันนาห์ถวายลูกชายที่เธอขอมาคืนให้พระเจ้าเพื่อพระประสงค์ของพระองค์

คำตอบของคำอธิษฐานของฮันนาห์กลายเป็นผู้เผยพระวจนะซามูเอลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปรนนิบัติพระเจ้าในรัชกาลกษัตริย์ซาอูลและกษัตริย์ดาวิด

พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของฮันนาห์แล้ว แต่พระเจ้ายังไม่หยุดที่จะอวยพรเธอ หลังจากคลอดซามูเอล ฮันนาห์มีลูกอีกห้าคน

คุณสามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ในพระธรรม 1 ซามูเอล

ว่าแต่…เราได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับตัวเรา พระเจ้า และเวลาของพระองค์จากเรื่องนี้?

มอบทุกอย่างไว้กับพระเจ้า

ปีแล้วปีเล่าที่ฮันนาห์ร้องไห้กับพระเจ้าทูลขอบุตร ฮันนาห์นำน้ำตา ความเจ็บปวด และความขุ่นเคืองใจของเธอมาหาพระเจ้า และพระองค์ทรงฟัง พระเจ้าทรงอยู่ใกล้คนที่ใจแตกสลายและทรงรักษาบาดแผลของพวกเขา พระเจ้าทรงเข้าใจจิตใจของเราและได้ยินเสียงร้องไห้ของเรา พระองค์ทรงยืนยันว่าไม่มีน้ำตาสักหยดของเราที่พระองค์ไม่ได้ทรงบันทึกไว้  (สดุดี 56:8)

ให้เรามองว่านี่คือการเชื้อเชิญจากพระเจ้าให้เรานำความปรารถนา ความเจ็บปวดและความขุ่นเคืองใจของเราเข้ามาหาพระองค์ผ่านคำอธิษฐาน การอธิษฐานคือการพูดคุยกับพระเจ้า และเราสามารถพูดกับพระองค์ได้เหมือนพูดกับเพื่อนที่เราไว้ใจ ที่เราสามารถเปิดเผยความรู้สึกของเราได้อย่างตรงไปตรงมา

อดทนและสัตย์ซื่อ

ฮันนาห์ไม่เคยยอมแพ้ เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วพูดกับตัวเองว่า “พระเจ้าไม่ได้ยินฉันเพราะฉะนั้นฉันจะลืมพระองค์ซะ!”

เธอยังคงเดินทางไปที่พระนิเวศกับครอบครัวของเธอเพื่อถวายเครื่องบูชาประจำปี เธอทำทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาแม้ว่าเธอจะไม่เห็นผลลัพธ์หรือได้รับประโยชน์ใดๆ

เราไม่ต้องรอจนได้งานในฝันหรือได้แต่งงานหรือมีลูกเพื่อจะใช้ชีวิตตามพระประสงค์ เราควรจะคิดถึงงานของพระบิดาของเราตั้งแต่ตอนนี้ พระองค์ทรงมอบของประทานและความสามารถให้เราแต่ละคน   เพราะฉะนั้นให้เราใช้สิ่งเหล่านั้นถวายพระเกียรติและพระสิริแด่พระเจ้า

เปลี่ยนมุมมองของคุณ

พูดกันตรงๆ นะ สามีของฮันนาห์ไม่ค่อยอ่อนโยนเลยตอนถามเธอว่าสำหรับเธอเขาไม่ดีกว่าบุตรชายสิบคนหรือ แต่เขาพูดตรงประเด็น ฮันนาห์มีสามีที่ช่างเอาอกเอาใจและเป็นพรแก่เธอ

บางทีถ้าฮันนาห์ใส่ใจกับพระพรที่เธอมีอยู่แล้วและขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งเหล่านั้น จิตใจของเธออาจไม่โศกเศร้ามากนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พระเจ้าบอกให้เราพึงพอใจและขอบพระคุณในทุกกรณี (1 เธสะโลนิกา 5:18)

พระเจ้าทรงอวยพรคุณเรื่องอะไรบ้างในช่วงเวลานี้? หรือช่วงเวลาที่ผ่านมา? นับพระพรดูสิ   แล้วคุณจะพบว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้แสนดีและคุณเองได้รับพระพรมากมาย

พิจารณาแรงจูงใจของคุณ

สิ่งนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมาก ฮันนาห์ทูลขอลูกเพื่อเธอจะได้มอบถวายเด็กคนนั้นให้กับพระเจ้า หลังผ่านการตั้งครรภ์ การเจ็บท้องคลอด และการให้นม ฮันนาห์เต็มใจจะส่งลูกชายวัยเตาะแตะไปยังพลับพลาของพระเจ้า เธอจะไม่ได้ยินลูกเล่าเรื่องในจินตนาการต่างๆ ให้ฟังระหว่างที่เล่นกัน เธอจะไม่ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ ในระหว่างที่ลูกเติบโตเป็นชายหนุ่ม

คุณเคยถามตัวเองบ้างไหม ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานหรือมีครอบครัว?

เมื่อเราไตร่ตรองคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมา เราอาจพบว่าเราอยากมีชีวิตสมรสที่ถวายเกียรติพระเจ้า เหมือนฮันนาห์ที่มอบซามูเอลให้กับพระเจ้า เราจะมอบการแต่งงานของเราให้เป็นไปตามพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระองค์

หรือเราอาจจะรู้ตัวว่าเราเฝ้าแต่ฝันถึงสถานที่จัดพิธีสมรสที่สวยงามแปลกตามากกว่าชีวิตจริงของคู่สมรสหลังจบฮันนีมูน

บางทีเราอาจจะพบว่าเราอยากแต่งงานเพราะครอบครัวและสังคมคาดหวังกับเรา หรือเราคิดว่าคู่สมรสของเราจะรักษาความเหงาเรื้อรังของเราได้

หรือแม้กระทั่งเราอาจจะพบว่า ความรู้สึกอยากแต่งงานตามปกติในตอนแรกได้กลายเป็นรูปเคารพไปแล้ว – เป็นหนทางสู่ความสุขและการเติมเต็มของเรา    ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนเราในเรื่องนี้   ขอให้เรากลับใจ   เราไม่ควรอยากได้ของขวัญของพระเจ้ามากกว่าพระเจ้าผู้ประทานของขวัญ

ไว้วางใจในเวลาของพระเจ้า

พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราว่าฮันนาห์อธิษฐานกี่ปี แต่เรามั่นใจได้ว่าเวลาที่ซามูเอลเกิดเป็นเวลาที่ตรงตามแผนการของพระเจ้า

ไม่ว่าความปรารถนาของเราคืออะไร เราสามารถเรียนรู้ที่จะยอมมอบไว้กับพระเจ้าได้ “พระเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าพระองค์อยากได้ แต่ข้าพระองค์วางใจว่าพระองค์ทรงรู้ว่าอะไรดีที่สุด ขอพระองค์ทรงควบคุม ขอให้ชีวิตของข้าพระองค์เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”

ในฐานะพระผู้สร้าง พระเจ้าทรงมีสุดยอดแผนการสำหรับชีวิตของเรา เมื่อชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ เราก็บอกพระเจ้าได้ว่าเรารู้สึกผิดหวังแค่ไหน

แต่เราสามารถวางใจได้ว่าแม้แผนการของพระเจ้าจะไม่ตรงกับแผนการของเราในบางครั้ง แต่ไม่มีแผนไหนจะสู้แผนของพระเจ้าได้ ไม่ว่าแผนการของพระองค์จะเป็นเช่นไร เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้ากำลังทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อให้เกิดผลดีแก่เราและถวายเกียรติแด่พระองค์ (โรม 8:28)

เพื่อนๆ ฉันให้สัญญาไม่ได้หรอกว่าพระเจ้าจะทำให้ทุกสิ่งที่เราหวังเป็นจริงตามที่เราตั้งใจ แต่พระองค์ทรงเป็นพระบิดาผู้แสนดี และเมื่อเรามอบความต้องการของเราให้กับพระเจ้า เราสามารถมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราจะเป็นอย่างไรมันจะเหมาะสมกับเราเป็นอย่างดี แม้มันจะดูไม่เหมือนที่เราคาดหวังไว้ก็ตาม

YOU MAY ALSO LIKE

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันไม่อยากอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน

WRITER: ฉีฉี ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: นิศารัตน์ มั่นเกตุEDITOR: กรชวัล เพชรเลิศอนันต์ มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ในระหว่างที่ดูแลพวกลูกๆ  สะสางงานต่างๆ  ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจเลย เมื่อลูกๆ...

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

ฉันมีส่วนรับผิดชอบในความรอดของเพื่อนหรือไม่?

WRITER: เมดาลีน คาลู ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก YMITRANSLATOR: PinkEDITOR: Thitikarn Nithiuthai (Mesy) ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของเดือนมกราคม ฮันนาห์...

เสียงที่ดังพอ

เสียงที่ดังพอ

WRITER: GRACESaoriEDITOR: Mustard Seed Team เคยไหม? ที่ในบางครั้งเสียงของใครบางคนก็ดังกว่าเสียงของตัวเอง เสียงนี้มักดังเร้าอยู่ภายในใจ บ่อยครั้งในเมื่อเราอยู่ในช่วงที่คิดไม่ตก ฟุ้งซ่าน หาทางออกไม่เจอหลายๆ สิ่ง แต่จะมีเสียงๆ นี้แหละ ที่กลับดังขึ้นมาหัวใจ...

Share This